เกมนี้เรียกว่าสู้กันมันส์หยดเลยทีเดียวเมื่อ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล พลิกสถานการณ์จากโดนนวดร่อแร่กลับมาพลิกคว้าชัยชนะเหนือ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปแบบสุดหวิว 3-2 จากลูกส้มหล่นเคลียร์ว่าวของ "แวงซองต์ กอมปานี" ให้ "ฟิลิปเป้ คูตินโญ่" ปั่นหายสุดสวยกวาดชัย 10 นัดรวดนำฝูงแน่นเหลือ 4 เกมลุ้นเสียวต่อไป
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
สนาม แอนฟิลด์
อาทิตย์ที่ 13 เมษายน 2557
กรรมการ มาร์ค แคลทเท่นเบิร์ก
ลิเวอร์พูล 3-2 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดฉากเริ่มเกมมาในช่วงครึ่งแรกโอกาสยิงครั้งแรกเป็นของลิเวอร์พูลเมื่อพวกเขาเติมเกมขึ้นมาทางริมเส้นด้านซ้ายโดยฟลานาแกนจ่ายบอลกลับมาให้เฮนเดอร์สันต่อสั้นๆไปให้คูตินโญ่กระชากก่อนหนึ่งจังหวะแล้วยิงไกลทันทีทว่าบอลเบาเกินไปและไม่ตรงกรอบ
นาที 6 หลังจากนั้นไม่นานราฮีมโชว์สเต็ปสุดยอดโดยเขาได้บอลแทงทะลุช่องมาจากซัวเรซเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาก่อนล็อคหนีกอมปานีสองจังหวะแล้วจัดการแปบอลเข้าประตูไปแบบโล่งๆชนิดที่ไม่มีใครคาดฝันจริงๆเป็นประตูที่ 100 รวมทุกรายการของ"หงส์แดง"ในซีซั่นนี้อีกต่างหาก
นาที 10 ลิเวอร์พูลบุกขึ้นมาได้อย่างยอดเยี่ยมอีกแล้วทางริมเส้นฝั่งซ้ายโดยเป็นการทำชิ่งจังหวะเดียวกันของฟลานาแกน, เฮนเดอร์สันและสเตอร์ลิ่งก่อนที่ราฮีมกระชากหายเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านซ้ายจนสุดเส้นหลังแล้วเปิดเข้ากลางที่มีซัวเรซและสเตอร์ริดจ์รออยู่แต่กลีชี่ยังหุบเข้ามาโขกทิ้งพ้นอันตรายไปได้ทัน
นาที 14 แมนฯ ซิตี้มีโอกาสยิงครั้งแรกของเกมเมื่อเชโก้ทำได้ดีลากหนีสเคอร์เทลไปจนสุดเส้นหลังด้านซ้ายแล้วจ่ายคืนไปให้ยาย่าจับบอลก่อนหนึ่งจังหวะแล้วปั่นด้วยขวาจากระยะ 20 หลาทว่าบอลลอยโด่งเกินไปและเจ้าตัวมีอาการเจ็บบริเวณหัวเข่าด้วย
นาที 15 เกมรุกของลิเวอร์พูลน่ากลัวเหลือเกินและเป็นราฮีมอีกแล้วที่กระชากไปตรงริมเส้นด้านขวาแล้วเปิดเร็วเข้ากลางทันทีมีสเตอร์ริดจ์วิ่งเข้ามาแปด้วยซ้ายข้างถนัดจังหวะเดียวแต่โดนไม่ดีทำให้บอลบานออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
นาที 19 สุดท้ายยาย่า ตูเร่จอมทัพของ"เรือใบสีฟ้า"ฝืนเล่นต่อไปไม่ไหวต้องค่อยๆเดินออกจากสนามทำให้เปเญกรินี่ต้องทำใจส่งฆาบี การ์เซียลงสนามมาปักหลักในแดนกลางแทนเป็นแผนเฉพาะหน้า
นาที 25 เกมโต้กลับของ"หงส์แดง"ดูแล้วอันตรายเหลือเกินและเกือบมาได้ลุ้นอีกรอบเมื่อราฮีมลากขึ้นมาจากกลางสนามก่อนจ่ายไปทางขวาให้สเตอร์ริดจ์พยายามจ่ายกลับไปให้ซัวเรซแต่โดนเตะทิ้งออกหลังและจากเตะมุมนี้เองเจอร์ราร์ดวิ่งหนีตัวประกบมาโขกคนเดียวทว่าฮาร์ทโชว์ซูเปอร์เซฟปัดออกไปได้ทันเวลา
นาที 26 แต่"เรือใบสีฟ้า"ไม่รอดในจังหวะเตะมุมครั้งต่อไปคราวนี้เป็นเจอร์ราร์ดที่เล่นลูกสูตรเปิดไปทางเสาแรกให้สเคอร์เทลเทคตัวโขกกลับหลังบอลพุ่งผ่านมือของฮาร์ทเข้าไปกองก้นตาข่ายเป็นประตูที่ 7 ของเขาในฤดูกาลนี้แถมเรียกเสียงเชียร์ให้เดอะ ค็อปดังสนั่นแอนฟิลด์แล้ว
นาที 32 "เรือใบสีฟ้า"มีลุ้นเหมือนกันเมื่อฟลานาแกนจ่ายบอลพลาดไปเข้าเท้าของซิลบาที่แทงทะลุช่องเร็วให้เชโก้ลากเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาก่อนจะสับไกยิงไปโดนบล็อคของเจอร์ราร์ดที่วิ่งสุดชีวิตลงมาช่วยทันทำให้บอลออกหลังไปเท่านั้น
นาที 33 เกิดจังหวะปัญหานิดหน่อยเมื่อบอลกระดอนไปในกรอบเขตโทษด้านซ้ายของลิเวอร์พูลแล้วซาโก้วิ่งเข้ามาเสียบแบบโฉ่งฉ่างไม่โดนทั้งบอลและคนแต่จังหวะที่เชโก้กระโดดหลบนั้นขาของเขาไปโดนหัวของกองหลังน้ำหอมก่อนล้มลงทว่าแคลทเท่นเบิร์กไม่ได้เป่าเป็นการฟาวล์ให้เตะออกจากหน้าประตูเท่านั้น
นาที 42 คูตินโญ่ใจแคบเกินไปเลยเมื่อเขาตัดบอลมาจากการ์เซียได้ก่อนจะพยายามลากจี้เข้าหาปากประตูโดยด้านซ้ายมีราฮีมกับสเตอร์ริดจ์รออยู่ส่วนด้านขวามีซัวเรซยืนโล่งๆแต่ดาวเตะบราซิลไม่ยอมส่งขอยิงเองออกหลังไปแบบน่าผิดหวังสุดๆ
นาที 44 "เรือใบสีฟ้า"ก็เล่นสวนกลับได้อันตรายเช่นกันและเป็นจังหวะที่นาบาสลากบอลตรงริมเส้นด้านขวาก่อนเปิดเข้ากลางให้ซิลบาสอดมาโขกไปโดนซาโก้ก่อนออกหลังไปและจากลูกเตะมุมนี้"หงส์แดง"รอดเสียประตูแบบหวุดหวิดเมื่อมิโญเล่ต์ออกมาตัดพลาดกอมปานีได้โขกราฮีมโขกออกมาจากเส้นยังไม่พ้นจอห์นสันต้องมาช่วยอีกแรงช่วยให้ทีมพ้นอันตรายไปได้
นาที 45 "หงส์แดง"รอดเสียประตูอีกครั้งในจังหวะที่นาบาสอีกแล้วได้บอลในกรอบเขตโทษด้านขวาก่อนงัดบอลเปิดเข้ากลางไปทางเสาสองบอลมาถึงแฟร์นานดินโญ่เอี้ยวตัววอลเล่ย์เต็มดอกแต่มิโญเล่ต์พุ่งปัดบอลทิ้งออกไปได้ก่อนที่แฟร์นานดินโญ่จะไปโดนใบเหลืองแก่ๆเมื่อออกหมัดใส่ซัวเรซจังหวะปะทะกันริมเส้นด้านซ้าย
กลับเข้าสู่เกมช่วงหลังราฮีมออกลีลาการลากเลื้อยได้อย่างยอดเยี่ยมอีกแล้วเมื่อพลิกบอลผ่านนักเตะแมนฯ ซิตี้ออกมาได้ 2 คนตรงกลางสนามก่อนลากจี้เข้าหากรอบเขตโทษทว่าจังหวะที่พยายามยิงนั้นกลับบอลโด่งออกไปแบบน่าเสียดายจริงๆ
นาที 53 ซัวเรซทำให้ตัวเองสุ่มเสี่ยงจะโดนใบแดงเมื่อโดนเดมิเคลิสเข้าบอลก่อนจะล้มกลิ้งลงไปแบบแทบที่จะไม่มีการปะทะกันทำให้นักเตะ"เรือใบสีฟ้า"พยายามเข้ามากดดันแคลทเท่นเบิร์กให้ชักใบเหลืองแดงให้กองหน้าอุรุกวัยแต่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นทำให้"หม่อมกัด"รอดตัวไปอีกครั้ง
นาที 56 "เรือใบสีฟ้า"ส่งบอลเข้าประตูไปแล้วแต่ไม่ได้เพราะจังหวะก่อนหน้านั้นมิลเนอร์ทำบอลออกเส้นหลังสนามไปก่อนจะเปิดกลับมาให้ซิลบาซัลโวตาข่ายทำให้บรรดาสาวก"หงส์แดง"ใจหายวาบไปได้เหมือนกัน
นาที 57 แต่แล้ว"เรือใบสีฟ้า"ก็มาได้ประตูตีไข่แตกจนได้ในจังหวะที่มิลเนอร์ทำชิ่งกับแฟร์นานดินโญ่เข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาก่อนตบกลับมาให้ซิลบายิงเข้าไปง่ายๆนับเป็นการออกสตาร์ตครึ่งหลังที่ดีของทีมเยือนจริงๆ
นาที 60 ตอนนี้เกมของ"หงส์แดง"ช็อตไปดื้อๆและเป็นซิลบาที่โชว์ฟอร์มเป็นพระเอกลากบอลเข้าไปสับจังหวะแรกติดสเคอร์เทลก่อนที่บอลจะมาถึงเขาอีกครั้งแล้วเปิดเข้ากลางมีเชโก้อยู่หน้าปากประตูแต่เข้าไม่ถึงทำให้"หงส์แดง"รอดตัวไปได้อีกครั้ง
นาที 62 จนแล้วจนรอด"หงส์แดง"มาโดนยิงประตูตีเสมอจนได้เลยในจังหวะที่พวกเขาเติมขึ้นมาในกรอบเขตโทษด้านซ้ายที่ซิลบาพยายามเปิดบอลเข้ากลางแล้วไปโดนปลายเท้าของจอห์นสันก่อนเปลี่ยนทางมิโญเล่ต์พยายามเหยียดขาสกัดแต่ไม่พ้นทำให้บอลเข้าไปกองก้นตาข่ายในท้ายที่สุด
นาที 67 "หงส์แดง"มาพลาดเลยในจังหวะที่เฮนเดอร์สันจ่ายบอลคืนหลังพลาดสเคอร์เทลวิ่งตามไม่ทันเชโก้วิ่งเข้ามายิงตูมเดียวจากระยะ 15 หลาแต่ไปตรงตัวของมิโญเล่ต์แล้วเป็นเจอร์ราร์ดที่ตามมาเตะทิ้งออกไปได้หวุดหวิดโดยหลังจากนั้นเปเญกรินี่ส่งเซร์คิโอ อเกวโร่ลงมาแทนเชโก้
นาที 75 แนวรับของลิเวอร์พูลมาพลาดอีกแล้วเมื่อสเคอร์เทลเข้าพรวดทำให้กุนลากเดี่ยวเข้าหากรอบเขตโทษก่อนจ่ายถวายพานไปทางขวาให้ซิลบาที่วิ่งหนีซาโก้มาได้พยายามเหยียดขาเข้าชาร์จแต่โดนแค่ปลายสตั๊ตทำให้บอลไม่ตรงกรอบ
นาที 78 แต่แล้ว"เรือใบสีฟ้า"ก็มาพลาดบ้างแถมยังต้องชดใช้ครั้งใหญ่ในจังหวะทุ่มจากด้านขวาของสนามแล้วกอมปานีเตะบอลพลาดมาเข้าทางตีนของคูตินโญ่วิ่งมายิงด้วยขวาแบบไม่ต้องจับบอลผ่านมือของฮาร์ทเข้าไปซุกก้นตาข่ายแบบหมดจดจริงๆ
นาที 82 "เรือใบสีฟ้า"ต้องเปิดเกมบุกแหลกอีกครั้งและมาได้เตะมุมทางริมเส้นด้านขวาโดยเป็นซิลบาที่โยนเข้าไปตรงกลางประตูมีเดมิเคลิสพยายามเทคตัวขึ้นโขกได้บอลตกพื้นแต่ไปเข้ามือของมิโญเลต์ที่ยืนตำแหน่งไว้ได้ดี
นาที 90+3 ลิเวอร์พูลมาเหลือ 10 คนในช่วงทดเวลาบาดเจ็บเมื่อเฮนเดอร์สันจับบอลห่างจากตัวเป็นวาก่อนพุ่งไปเสียบเปิดปุ่มใส่นาสรี่แบบน่าเกลียดทำให้แคลทเท่นเบิร์กแจกใบแดงไม่มีรีรอโดยก่อนหน้านั้นสเคอร์เทลใช้มือเล่นบอลในกรอบแต่กรรมการมองไม่เห็นทำให้ไม่โดนจุดโทษด้วย
สุดท้าย"หงส์แดง"เอาตัวรอดพร้อม 3 คะแนนล้ำค่าทำให้พวกเขามี 77 แต้มจาก 34 นัดนำเป็นจ่าฝูงโดยทิ้งห่างเชลซี 5 คะแนนและ"เรือใบสีฟ้า"แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 7 คะแนนก่อนเข้าสู่ช่วง 4 เกมสุดท้ายของฤดูกาลท่ามกลางความหวังการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกเริ่มจะสดใสขึ้นเรื่อยๆ