"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เกมนี้เรียกว่าตอกย้ำชัยชนะเหนือ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทั้งเหย้าและเยือนหลังจากที่กัปตันทีมไดนาโม "สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด" รับบทฮีโร่ซัดเบิ้ล 2 จุดโทษก่อนจะเป็น "หลุยส์ ซัวเรซ" ที่รับหน้าที่ยิงปิดท้ายคว้าชัยถึงโรงละครแห่งความฝันไปแบบสบายๆ 3-0 แถม "เนมันย่า วิดิช" เสียรู้ "ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์" พุ่งล้มโดนไล่ออกแต่ท้ายที่สุดกลับมาแซง "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นไปรองจ่าฝูงอีกครั้งและตาม "สิงห์โตน้ำเงินคราม" เชลซี เข้ามาเหลือเพียงแค่ 4 แต้มเท่านั้น
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
สนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
อาทิตย์ที่ 16 มีนาคม 2557
กรรมการ มาร์ค แคลทเท่นเบิร์ก
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-3 ลิเวอร์พูล เปิดฉากเริ่มเกมมาได้ 3 นาที "หงส์แดง" ลิเวอร์พูลได้ลุ้นตั้งแต่ต้นเกมเลยในจังหวะที่เฮนเดอร์สันเห็นช่องก่อนจ่ายไปให้สเตอร์ริดจ์ที่วิ่งหนีโจนส์ตัวประกบมาได้แล้วแต่บอลมาเข้าเท้าขวาทำให้เขายิงได้ไม่ดีนักออกไปไกลแม้จะห่างจากประตูในระยะไม่กี่หลาเท่านั้น
"หงส์แดง"มีโอกาสยิงเป็นครั้งที่สองของเกมนี้โดยเป็นจังหวะที่บอลหลุดไปถึงจอห์นสันตรงริมเส้นด้านขวาก่อนเจ้าตัวพยายามเลี้ยงตัดเข้ามาหน้าปากเขตโทษก่อนได้ช่องยิงทว่าบอลไปติดบล็อคของวิดิชก่อนเข้ามือของเด เคอาที่รับเอาไว้ได้สบาย
เกมผ่านมา 15 นาทีแล้วเป็นทางฝั่งของยูไนเต็ดที่ครองเกมต่อบอลบุกกันได้ดีกว่าแต่ก็ยังไม่มีโอกาสง้างเท้ายิงเลยแม้แต่ครั้งเดียวส่วน"หงส์แดง"พยายามตั้งรับเหนียวแน่นและรอจังหวะสวนกลับเร็วเล่นงานแผงหลังเจ้าถิ่นซึ่งก็ยังขาดความแม่นยำในจังหวะสุดท้าย
"ปีศาจแดง"ได้โอกาสยิงในจังหวะแรกเมื่อฟาน เพอร์ซี่ได้บอลที่เปิดมาจากทางกราบซ้ายแต่บอลมันไปพันแข้งพันขาทำให้จังหวะยิงไปติดแอ็กเกอร์ก่อนจะได้ยิงอีกทีก็เบาเหลือเกินทำให้มิโญเล่ต์รับเอาไว้ไม่มีปัญหา
"หงส์แดง"ได้ลุ้นอีกแล้วเมื่อสเตอร์ริดจ์รับบอลแทงทะลุช่องเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาแต่จังหวะตัดสินใจทำได้ไม่ดีเท่าไหร่พยายามล็อคบอลหนีโจนส์ก่อนที่จะดื้อยิงเองแทนที่จะส่งให้ซัวเรซหรือราฮีมที่รออยู่ทำให้บอลปลิ้นไม่ดีและออกหลังไปเท่านั้น
แม้จะครองบอลน้อยกว่าแต่จังหวะเข้าทำจะแจ้งอย่างเห็นได้ชัดสำหรับ"หงส์แดง"ที่มีดอกาสอีกครั้งเมื่อพวกเขาพยายามต่อบอลกันมาแล้วสเตอร์ริดจ์ไหลเข้ากรอบเขตโทษจะให้ซัวเรซแต่โดนสกัดแล้วบอลมาเข้าทางของอัลเลนที่เติมขึ้นมาพอดีได้ยิงไวแต่บอลเบาไปทำให้เด เคอารับสบาย
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมาเสียจุดโทษพร้อมค่าโง่เมื่อสเตอร์ริดจ์โยนบอลมาให้ซัวเรซในกรอบเขตโทษด้านซ้ายจับบอลลงอย่างสวยทำให้ราฟาเอลที่ถลำไปแล้วจงใจใช้มือปัดบอลแคลทเท่นเบิร์กไม่ลังเลเป่าเป็นการฟาวล์ทันทีทว่าฟาบิโอยังรอดตัวไม่ได้ใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงซึ่งลูกนี้เจอร์ราร์ดรับหน้าที่สังหารเองโดยแปเข้าไปทางขวามือส่วนเด เคอาพุ่งไปผิดทาง
นาที 37 เกมต้องหยุดลงไปชั่วขณะเมื่อเจอร์ราร์ดไปปะทะกับเฟลไลนี่กลางอากาศทำให้ดาวเตะเบลเยี่ยมถึงกับเลือดคิ้วแตกลงมาอาบปากต้องให้แพทย์ลงมาปฐมพยาบาลนานหลายนาทีส่วน"หัวขิง"โดนใบเหลืองตักเตือนไปในเวลาต่อมา
นาที 42 ยูไนเต็ดมีลุ้นบ้างเมื่อราฟาเอลลากบอลตลุยเองจนถึงหน้ากรอบเขตโทษแล้วจ่ายยัดไปให้ฟาน เพอร์ซี่พลิกหนีตัวประกบแต่แอ็กเกอร์ไม่หลงขยับมาชิดทันซึ่งหัวหอกดัตช์จำเป็นต้องยิงด้วยซ้ายแล้วไปติดหัวของสเคอร์เทลเปลี่ยนทางออกหลังไป
นาที 45 "ปีศาจแดง"ได้โอกาสทองเลยเมื่อราฟาเอลได้หลุดไปจนถึงสุดเส้นด้านขวาก่อนเปิดหักเข้ากลางให้รูนี่ย์วิ่งเข้ามายิงเต็มเหนี่ยวบอลจะเข้าอยู่แล้วมิโญเล่ต์โชว์ซูเปอร์เซฟปัดออกมา"หมู"ปรี่เข้าซ้ำก็ไปติดบล็อคของสเคอร์เทลที่พุ่งเข้ามาบล็อคทั้งตัวทำให้หมดลุ้นไปอีกหนึ่งจังหวะ
กลับเข้าสู่เกมช่วงครึ่งหลังเล่นมาแค่ 27 วินาที "หงส์แดง" มาได้จุดโทษอีกแล้วในจังหวะที่เฮนเดอร์สันกระดกบอลเข้าไปให้อัลเลนพักอกในกรอบเขตโทษก่อนจะโดนโจนส์ชนล้มลงจากหน้าหลังคราวนี้แคลทเท่นเบิร์กก็ไม่ลังเลให้เป็นจุดโทษทันทีและเป็นคนหน้าเดิมอย่าง"หัวขิง"ที่แปเรียดเข้ามุมเดิมผ่านมือของเด เคอาที่เดาทางถูกเข้าไป
ยูไนเต็ดโวยวายจะเอาจุดโทษอยู่สองครั้งในจังหวะที่บอลไปโดนมือของจอห์นสันในเขตกับจังหวะที่รูนี่ย์จ่ายบอลไปแล้วโดนสเคอร์เทลดักล้มลงแต่แคลทเท่นเบิร์กยังใจแข็งไม่ยอมเป่าให้เป็นการฟาวล์ทำให้"ปีศาจแดง"ยังตามหลังอยู่เหมือนเดิม
เกมผ่านหนึ่งชั่วโมงมาแล้วเกมบุกของยูไนเต็ดยังไร้พิษสงแม้จะครองบอลได้แต่จังหวะยิงจะแจ้งไม่มีเลยโดยรูนี่ย์พยายามเลี้ยงเข้ากรอบเขตโทษไปจะหาช่องยิงแต่วันนี้กองหลังของลิเวอร์พูลก็แพ็คกันแน่นอุดช่องเอาไว้ได้หมด
ลิเวอร์พูลรอดตัวไม่เหลือนักเตะ 10 คนเหมือนกันเมื่อฟลานาแกนไปทำเสียบอลในแนวบุกทำให้ไปยันใส่ฟาบิโอเข้าอย่างจังทว่าแคลทเท่นเบิร์กยังใจดีเพียงแค่ยิงเข้ามาเตือนเท่านั้นโดยจังหวะถัดมายูไนเต็ดบุกขึ้นมาได้จบบ้างแต่เฟลไลนี่ยังยิงโด่งข้ามคานออกไปไกล
ราฟาเอลถึงกับหายใจโล่งอกเมื่อเขาไปเตะซัวเรซล้มลงแล้วแคลทเท่นเบิร์กชักใบเหลืองออกมาแต่ไปแจกให้วิดิชแทนทำให้เจ้าตัวรอดพ้นการโดนตะเพิดออกจากสนามไปเหมือนกันและร็อดเจอร์สส่งคูตินโญ่ลงมาแทนราฮีมในจังหวะนี้ด้วย
ลิเวอร์พูลเกือบมาได้อีกประตูและเกือบเป็นแฮตทริกของเจอร์ราร์ดด้วยเมื่อเขาได้ส่องไกลจากระยะ 25 หลาบอลไปแฉลบเท้าของวิดิชก่อนย้อยจะเสียบเข้าเสาซ้ายมือแต่ก็หลุดออกไปโดย"หัวขิง"ไม่รู้โดนอะไรทำให้เลือดกำเดาไหลออกมาด้วย
นาที 77 "ปีศาจแดง"มาเสียท่าโดนจุดโทษอีกแล้วในจังหวะที่สเตอร์ริดจ์ลากบอลหลุดเดี่ยวเข้าไปในกรอบเขตโทษก่อนจะล้มลงทั้งที่วิดิชเสียบด้านหลังไม่โดนแต่แคลทเท่นเบิร์กกลับเป่าเป็นการฟาวล์และเป็น"หัวขิง"ที่รับหน้าที่สังหารแต่คราวนี้เปลี่ยนทางแล้วไปชนเสาทำให้ไม่ได้ประตูอย่างน่าเสียดาย
คราวนี้"หงส์แดง"ชวดได้โทษแบบเจ๊ากันไปเมื่อสเตอร์ริดจ์ไปโดนคาร์ริครวบล้มลงในกรอบเขตโทษซึ่งคราวนี้โดนจริงแต่แคลทเท่นเบิร์กคงไม่ยอมเป่าจุดโทษให้เขาอีกแล้วทำให้ยูไนเต็ดรอดตัวไปในจังหวะนี้
นาที 83 "หงส์แดง"น่าได้ประตูที่สามเหลือเกินเมื่อ"หม่อมกัด"เบียดหนีโจนส์เข้าไปในกรอบเขตโทษก่อนจัดการซัดเต็มเหนี่ยวระยะเผาขนแต่เด เคอาโชว์ลูกเซฟระดับเทพปัดทิ้งออกหลังไปได้แบบน่าเหลือเชื่อ
หลังจากนั้นซัวเรซก็มาเอาจนได้ในจังหวะที่โชคเข้าข้างสเตอร์ริดจ์ยิงไปโดนบล็อคของโจนส์ก่อนบอลมาเข้าเท้าของ"หม่อมกัด"ที่จับบอลจังหวะเดียวแล้วยิงทันทีคราวนี้บอลผ่านเด เคอาเข้าไปสบายๆเป็นประตูที่ 25 ของเขาในซีซั่นนี้
นาที 89 "หงส์แดง"บุกกันอย่างเมามันส์เลยและเกือบได้อีกดอกในจังหวะที่คูตินโญ่พาบอลเข้ามาป้วนเปี้ยนหน้าปากเขตโทษก่อนจะอัดไกลทันทีทว่าบอลเฉี่ยวเสาออกไปนิดเดียวและเมื่อหมดเวลา"หงส์แดง"ระเบิดฟอร์มสุดยอดถล่ม"ปีศาจแดง"กระจุย 3-0 แซงแมนเชสเตอร์ ซิตี้ขึ้นไปรั้งตำแหน่งรองจ่าฝูงได้อีกครั้งส่วนเจ้าถิ่นโอกาสลุ้นท็อปโฟร์แทบจะหมดลงแล้ว