ยังไว้ใจได้เสมอหากว่าเล่นในบ้านสำหรับ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลังจากที่ได้ 4 ประตูจากผู้เล่น 4 คนช่วยให้ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ดาหน้ายิง "เดอะ บลูส์เบิร์ดส์" คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ เละเทะ 4-2 รั้งรองจ่าฝูงต่อ, ชนะเกมเหย้า 11 นัดรวดและทำสถิติยิงถึง 100 ลูกรวมทุกรายการเร็วสุดในประวัติศาสตร์ทีมพรีเมียร์ลีกที่ 34 นัดเท่านั้น
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
สนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม
วันเสาร์ที่ 18 มกราคม 2557
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 4-2 คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ เปิดฉากเริ่มเกมช่วงครึ่งแรกเล่นกันมาได้ 10 นาที "เรือใบสีฟ้า" เป็นฝ่ายที่ได้ทักทายก่อน บอลจากแดนกลางทะลุออกขวาให้เฆซุส นาบาสสปีดถึงสุดเส้นเปิดหักเข้ากลาง เบน เทอร์เนอร์สไลด์สกัดได้ก่อนแต่บอลดันพุ่งตรงกรอบ ดีที่เดวิด มาร์แชลล์ล้มตัวปัดออกหลังทัน
นาที 14 ซิตี้ขึ้นนำแล้ว ดาบิด ซิลบากระชากหลุดแนวรับคาร์ดิฟฟ์เข้าเขตโทษฝั่งซ้ายก่อนตบให้เอดิน เชโก้ตวัดยิงด้วยซ้าย บอลลอยข้ามเส้นไปแล้วก่อนถูกเควิน แม็คนอตัน ฟูลแบ็คทีมเยือนเคลียร์ทิ้งแต่ผู้ตัดสินให้เป็นประตูและภาพจากเทคโนโลยีโกล์ไลน์ยืนยันชัดเจนว่าบอลข้ามเส้นจริงๆ เจ้าบ้านขึ้นนำ 1-0 ทำสถิติยิง 100 จากการลงสนามทุกรายการแค่ 34 นัดอันเป็นสถิติที่เร็วที่สุดตลอดกาลทำลายสถิติเก่า 42 นัดที่เชลซีในยุคคาร์โล อันเชล็อตติทำไว้ได้สำเร็จ
นาที 20 ซิตี้เกือบบวกเพิ่มสำเร็จ ซิลบาที่ทำเกมอย่างโดดเด่นวางยาวตัดแนวรับสุดแม่นให้อัลบาโร่ เนเกรโด้เกี่ยวบอลลงด้วยซ้ายอย่างนิ่มนวล แต่จังหวะเตรียมยิงเจอมาร์แชลล์ออกมาบีบเลยดีดติดเซฟออกหลังอย่างน่าเสียดาย
นาที 29 คาร์ดิฟฟ์โชว์ความคมด้วยการตีเสมอจากโอกาสครั้งแรก เกอแว็ง เตอโอฟีล กาแตร์กรีนโยนไต่เส้นฝั่งขวาให้จอร์ดอน มัตช์ทะลุขึ้นไปตอกส้นกลับให้เคร็ก นูนกระชากเข้าเขตโทษโยกหลบแว็งซ็องต์ กอมปานีจนหลังหักก่อนยิงหักข้อด้วยซ้ายยัดเสาแรกตุงตาข่ายชนิดโจ ฮาร์ทเจอล่อเป้าแบบนี้ก็หมดปัญญา ทีมเยือนตีเสมอช็อคแฟนซิตี้ตาตั้ง
นาที 33 ซิตี้ไม่ปล่อยให้สกอร์เท่ากันนานและขึ้นนำได้อีกครั้ง ยาย่า ตูเร่โชว์ถึกบังบอลใส่ผู้เล่นคาร์ดิฟฟ์จนล้มกลิ้งก่อนจ่ายยาวให้เอดิน เชโก้รับบอลแล้วโยกหลบเบน เทอร์เนอร์จนได้ช่องสับไกแต่ติดบล็อคสตีเว่น คอลเกอร์ โชคดีเฆซุส นาบาสอ่านขาดปราดเข้าซ้ำด้วยขวาย้อนทางมาร์แชลล์ตุงตาข่ายเฉียบขาด เรียกว่าโชว์โหดข่มกันเห็นๆ
นาที 42 ซิตี้ขู่ฟ่อเบาๆ เชโก้ครองบอลนอกเขตโทษก่อนหาช่องยิงไกลด้วยซ้ายแต่บอลเหินข้ามคานไปเลย
จบครึ่งแรกซิตี้นำ 2-1 รูปเกมเหนือกว่าเยอะยืนยันจากสถิติครองบอล 66%-34% แต่คาร์ดิฟฟ์วิ่งสู้ฟัดทุกคนและหมัดเคาน์เตอร์หนักพอๆกับเดมพ์ซี่ย์โรลเลยทีเดียว
กลับมาสู่ช่วงครึ่งหลังเจ้าบ้าน "เรือใบ" ได้โอกาสสองครั้งก่อนหน้านี้จากตูเร่กับเนเกรโด้แต่นกตายทั้งคู่ กลายเป็นคาร์ดิฟฟ์ได้ลุ้นเข้าเนื้อกว่านาที 49 บอลจากแดนกลางจ่ายออกขวาให้มัตช์หาช่องยิงไกลด้วยขวายัดเสาแรกแต่โจ ฮาร์ทช่วงนี้หล่อได้ที่ลูกแค่นี้จิ๊บๆล้มตัวปัดไว้ได้สบาย
นาที 55 ซิตี้ขู่บ้าง นาบาสจ่ายเข้าเขตโทษซ้ายให้เชโก้กระชากหนีคอลเกอร์ไปทางแคบก่อนยิงดื้อๆด้วยซ้ายบอลพุ่งออกหลังไปดื้อๆเหมือนกัน
นาที 60 ซิตี้น่าได้รางวัลตอบแทนความงามจากเปเญกรินี่คลีนิค บอลจากแดนกลางขึ้นให้เนเกรโด้แทงออกซ้าย อเล็กซานดาร์ โคลารอฟที่วันนี้เจอเคร็ก นูนป่วนจนไม่ค่อยได้ลุยเติมขึ้นมาเปิดเรียดเข้ากลางเขตโทษ เชโก้แตะเบาๆให้ซิลบาแตะหนึ่งจังหวะก่อนยิงหักข้อด้วยซ้ายแต่หนีมือมาร์แชลล์เกินบอลพุ่งหลุดเสาสองออกไป
นาที 62 วินาทีที่แฟนซิตี้รอคอยก็มาถึง มานูเอล เปเญกรินี่ถอดเนเกรโด้ออกส่งเซอร์จิโอ อเกวโร่ยืนหอกคู่เชโก้แทนโดยแฟนบอลและเพื่อนร่วมทีมให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น
นาที 63 นูนเกือบไม่รู้งานต้อนรับกุนด้วยลูกตีเสมอ บอลจ่ายขนานเส้นขวาให้เด็กน้าโอเล่แตะบอลขึ้นหน้าหลบโคลารอฟที่ปรี่เข้าสไลด์อย่างเหนือก่อนโยกหนีกอมปานีเข้าในแล้วซัดด้วยซ้ายยัดเสาแรกอีกแล้วแต่ฮาร์ทยังหล่อพุ่งปัดออกหลังทัน
นาที 73 กุนเกือบฉลองคัมแบ็คอย่างเทพ เชโก้คมในฝักจ่ายยาวเข้าเขตโทษแม่นยำให้อเกวโร่เก็บบอลก่อนพลิกตัวหนีเทอร์เนอร์เข้ากลางแล้วบรรจงร้อยเป็นมาลัยด้วยซ้ายแต่บอลโค้งเฉียดสามเหลี่ยมเสาสองออกไปนิดเดียว ใครรับน้องใครกันแน่เนี่ย
นาที 77 ซิตี้ปลดล็อคจนได้ ยาย่า ตูเร่ตัดบอลจากผู้เล่นคาร์ดิฟฟ์ก่อนกระชากเป็นไม้บรรทัดจากเขตตัวเองถึงหน้าเขตโทษทีมเยือนก่อนจ่ายเข้าเขตโทษให้เซอร์จิโอ อเกวโร่ชิ่งต่อเข้าทางตูเร่ซัดด้วยซ้ายเสียบมุมอย่างเฉียบขาด เจ้าบ้านน่าจะชนะแล้ว
นาที 78 เซอร์จิโอ อเกวโร่ได้ฉลองคัมแบ็คอย่างหล่อจนได้ ยาย่า ตูเร่แทนคุณจ่ายคืนให้อเกวโร่กระชากหนีแนวรับคาร์ดิฟฟ์เข้าเขตโทษฝั่งขวาก่อนก่อนซัดเน้นๆเสียบเสาสองไม่เหลือซาก ลูกทีมโหดแบบนี้เล่นเอาเปเญกรินี่ยิ้มไม่หุบเลยทีเดียว
นาที 90+2 คาร์ดิฟฟ์ได้อีกประตูปลอบใจ บอลเตะมุมฝั่งซ้ายเข้าเท้าเฟร์เซอร์ แคมป์เบลล์ชาร์จจ่อๆไม่เหลือ
จบเกมเป็นอันว่าซิตี้ชนะสบายเท้า 4-2 รักษารองจ่าฝูงไว้ได้ส่วนคาร์ดิฟฟ์ตกบ๊วยซะแล้ว