ผู้เขียน หัวข้อ: "คอลเกอร์" โขกโทน~!! "คาร์ดิฟฟ์" ฮึดช่วงหลังไล่เบียดซิว "หงส์ขาว" 1-0  (อ่าน 845 ครั้ง)

Armin

  • Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 11485
    • ดูรายละเอียด

ศึกลูกหนังดาร์บี้แมตช์แห่งเวลส์ครั้งแรกในพรีเมียร์ลีกจบลงด้วยชัยชนะของ "คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้" ที่ครึ่งหลังนั้นเล่นดีกว่าและได้ประตูชัยจากลูกเตะมุม "สตีเฟ่น คอลเกอร์" โขกตุงตาข่ายพา "นกนางนวล" เฉือน "หงส์ขาว" สวอนซี ซิตี้ที่ "มิเชล ฟอร์ม" นั้นต้องโดนไล่ออกในช่วงทดเวลาเจ็บ 1-0 ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 12



พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2556
คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ 1-0 สวอนซี ซิตี้
สนาม คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ สเตเดี้ยม

              เปิดฉากเริ่มเกมมาในช่วงแรกโอกาสทักทายเป็นของ "หงส์ขาว" ก่อนเลยในนาทีที่ 5 จากจังหวะที่เชลวี่ย์ตั้งป้อมเปิดบอลมาจากทางกราบขวาของสนามบอลมาถึงมิชูจับบอลได้กลางกรอบเขตโทษก่อนพยายามยิงด้วยขวาแต่กดไม่ลงบอลเหินคานไกล

นาทีที่ 10 เมเดลแจกส้มเลยเมื่อจับบอลพลาดมิชูฉกไปได้ก่อนลากมาเองถึงหน้าปากเขตโทษด้านซ้ายแล้วพยายามหาจังหวะยิงด้วยซ้ายข้างถนัดทันทีทว่าบอลพุ่งไปตรงกลางทำให้มาร์แชลล์ทุบทิ้งออกไป

เชลวี่ย์ยังรอดไม่โดนใบเหลืองเป็นคนแรกของเกมหลังจากทำฟาวล์หนักๆมาหลายทีแล้วโดยคราวนี้เขาเตะบอลเข้าชายโครงของมัตช์ไปเลยแต่ภาพช้าก็แสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวนั้นมองบอลอยู่ไม่ได้เห็นมัตช์ที่มาจากด้านหลังทำให้ยังไม่โดนจดชื่อกันไป

โอกาสของคาร์ดิฟฟ์นอกจากลูกโยนยาวมาแล้วโดยเป็นลูกฟรีคิกของเบลลามี่ที่ตัดสินใจยิงไกลจากระยะกว่า 35 หลาเลยแต่บอลไปโดนหัวของบริตตันที่เป็นกำแพงก่อนจะลอยเปลี่ยนทางออกหลัง

เกมผ่านครึ่งชั่วโมงมาแล้วยังเป็นสวอนซีที่ทำเกมได้ดีกว่าและในจังหวะนี้วิลเลี่ยมส์พยายามลักไก่หลอกจะเปิดให้เชลวี่ย์ที่หาช่องได้แล้วแต่กลับยิงไกลเลยยังดีที่มาร์แชลล์ออกมานอกเส้นไม่เยอะถอยกลับไปรับได้สบาย

ช่วงท้ายครึ่งแรกก็ยังเป็นฝ่าย"หงส์ขาว"ที่ครองบอลได้มากกว่าแต่จังหวะยิงก็ยังแทบไม่มีเลยเพราะคาร์ดิฟฟ์ลงไปตั้งรับลึกรอเล่นสวนกลับเพียงอย่างเดียว

คาร์ดิฟฟ์สวนกลับมาได้เรื่องเลยโดยเป็นแคมป์เบลล์ที่รับบอลจากเบลลามี่ได้ในกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนพยายามยิงทันทีไปติดบล็อคซึ่งเจ้าตัวก็วิ่งไปแย่งบอลมาได้และตะบันอีกครั้งทว่าบอลไปตรงตัวของฟอร์มที่รับไว้ได้

              กลับมาครึ่งหลังคาร์ดิฟฟ์อาศัยจังหวะจากลูกฟรีคิกอีกแล้วคราวนี้จากกลางสนามเลยโดยเปิดเข้ามาหน้าปากเขตโทษเป็นคอลเกอร์ที่โหม่งเช็ดต่อไปมีโอเด็มวิงกี้พยายามวิ่งตามไปทว่าเกี่ยวจังหวะสุดท้ายไม่โดนอย่างน่าเสียดาย

ดูเหมือนว่าเจ้าบ้านจะเริ่มเติมเกมบุกมาได้แล้วโดยจังหวะนี้ขึ้นเกมมาทางริมเส้นด้านขวาก่อนบอลไหลมาถึงเบลลามี่ที่อยู่ทางเสาสองพยายามจะหาจังหวะยิงแต่ไม่มีช่องเลยย้อนกลับมาให้วิทติ้งแฮมลองส่องไกลแต่บอลก็ปลิ้นหลังเท้าออกไปไกล

เกมผ่านครบหนึ่งชั่วโมงแล้วกลายเป็นคาร์ดิฟฟ์ที่ครองบอลได้ดีกว่าอย่างชัดเจนขณะที่เกมของสวอนซีดูช็อตไปดื้อๆทั้งที่เล่นได้ดีในครึ่งแรกแต่ทั้งสองทีมก็แทบจะไร้จังหวะยิงประตูกันเหมือนเดิม

และนาทีที่ 62 คาร์ดิฟฟ์ก็ขึ้นนำจนได้จากลูกเตะมุมด้านขวาที่เบลลามี่เปิดขึ้นมาตรงกลางประตูเป็นชิโก้กับคอลเกอร์ที่ยื้อยุดฉุดกันอยู่ก่อนที่อดีตเซ็นเตอร์ท็อตแน่มจะขึ้นได้สูงกว่าก่อนโขกผ่านเชลวี่ย์ที่คุมเสาอยู่เข้าประตูไปอย่างสวยงาม

สวอนซีเริ่มต้องเปิดหน้าแลกบ้างแล้วโดยเป็นเด กุซมานที่ได้บอลลอยโด่งอยู่หน้าปากประตูด้านขวาก่อนโขกตั้งเข้ามาให้โบนี่ที่เพิ่งถูกเปลี่ยนลงมาพยายามวิ่งเข้าชาร์จที่เสาแรกแต่บอลก็หลุดเสาไปอยู่น่าเสียดาย

เกมมาถึงนาทีที่ 80 เร้าท์เลดจ์พยายามเลี้ยงเดี่ยวตัดเข้ามาจากริมเส้นด้านซ้ายก่อนหลบกองหลังเจ้าถิ่นไปได้แล้วเข้าไปในกรอบเขตโทษแต่จังหวะยิงนั้นกลับตะบันหลุดเสาไกลออกไป

ก่อนหมดเวลานาทีเดียวสวอนซีเกือบได้ประตูเลยจากจังหวะยิงฟรีคิกกลางประตูระยะ 30 หลาที่เด กุซมานยิงผ่านกำแพงไปแล้วแต่มาร์แชลล์ที่พยายามจะรับเข้าซองดันซองแตกทำให้บอลหลุดออกหลังไปแบบหวาดเสียว

สวอนซีมาบุกต่อเนื่องแล้วในตอนนี้และเป็นโปซูเอโล่ที่ตะบันไกลเลยจาะระยะกว่า 25 หลาบอลพุ่งแรงทว่ามาร์แชลล์ยังบินไปทุบออกหลังได้หวุดหวิด

เกิดดราม่าในช่วงทดเวลาบาดเจ็บในจังหวะที่แคมป์เบลล์หลุดเดี่ยวจากกลางสนามทำให้ฟอร์มต้องออกมาเล่นแต่อดีตเด็กปั้นของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดถึงก่อนโดนเตะคว่ำลงทำให้กรรมการไม่มีทางเลือกต้องแจกแดงทันทีและเป็นแรนเกลที่ต้องไปทำหน้าที่เฝ้าเสาแทนเพราะเปลี่ยนตัวครบแล้ว

จบเกมคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ได้ 3 แต้มล้ำค่าแถมยังสะใจสุดๆอีกต่างหากทำให้พวกเขาแซงสวอนซีขึ้นมาอยู่อันดับ 12 ของตารางส่วนคู่อริหล่นไปอยู่อันดับ 13
บันทึกการเข้า
  
ร่วมสนุกลุ้น ผลบอลวันนี้ กับเรา