พิมพ์

[Armin]

เกมนี้ต้องยกให้เป็นเครดิตของ "คาร์ล เจนกินสัน" ที่ทำเฟอะฟะโหม่งแจกส้มให้ "เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า" ซักเบิกร่องก่อนที่ "ฆวน มาต้า" จะสับไกลปิดบัญชีส่งให้ "สิงห์โตน้ำเงินคราม" เชลซี แผลงฤทธิ์บุกหักกระบอก "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อลคาถิ่น 2-0 ผ่านเข้ารอบ 5 ของศึกแคปปิตอล วัน คัพอย่างสวยงาม



แคปปิตอล วัน คัพ รอบ 4
วันอังคารที่ 29 ตุลาคม 2556
 อาร์เซน่อล 0-2 เชลซี
สนาม เอมิเรสต์ สเตเดี้ยม

                ออกสตาร์ทเกมมาแค่นาทีแรกกลายเป็นทางฝั่งของเชลซีได้ลุ้นก่อนเลยเมื่อเอโต้ได้บอลในกรอบเขตโทษด้านขวาก่อนพยายายิงทันทีทว่าก็ยังไปติดบล็อคกองหลังอาร์เซน่อล

อาร์เซน่อลมีจังหวะได้ลุ้นบ้างเมื่อเบนด์ทเนอร์ลากบอลขึ้นมาเองก่อนที่จะไม่รู้ทำอะไรยิงใส่ทันทีที่ระยะ 25 หลาแต่บอลไปติดบล็อคของเคฮิลล์

หลังจากนั้นในนาทีที่ 10 มอนเรอัลเติมขึ้นมาทางกราบซ้ายก่อนเปิดมาตรงเสาแรกเป็นเบนด์ทเนอร์ที่ขึ้นได้สูงกว่าลุยซ์ได้โขกแต่ก็ไปตรงตัวของชวาร์เซอร์

เกมผ่านมาถึงนาทีที่ 18 ทั้งสองทีมยังผลัดกันครองเกมแต่ก็ไม่มีจังหวะยิงมากนักเชลซีมาได้ลุ้นบ้างเมื่อเอโต้แทงบอลออกไปทางปีกซ้ายให้เดอ บรอยน์ลากตัดเข้ามาตรงกลางก่อนพยายามสับด้วยขวาแต่บอลไปเข้าซองของฟาเบียนสกี้

เชลซีมาได้ลุ้นอีกแล้วจากจังหวะเดินเกมริมเส้นด้านซ้ายเป็นเดอ บรอยน์ที่พยายามเปิดบอลมาตรงเสาแรกให้เอโต้ได้ยิงแต่โดนกอสเชียลนี่ประกบอยู่ทำให้อัดไม่ถนัดบอลออกทางเสาแรกไป

แล้วในนาทีที่ 25 เชลซีก็ขึ้นนำก่อนจนได้จากจังหวะโต้กลับเร็วที่บอลกระดอนมาถึงเจนกินสันทำพลาดอย่างแรงพยายามโขกกลับไปให้ฟาเบียนสกี้แต่เบาเกินไปทำให้อัซปิลิกวยต้าที่วิ่งกวดขึ้นมาถึงก่อนแล้วจิ้มด้วยขวาสวนตัวนายทวารโปแลนด์เข้าไปเลย

แต่อัซปิลิกวยต้าก็เกือบทำเรื่องเหมือนกันเมื่อผ่านบอลไม่ดีทำให้มอนเรอัลตัดบอลได้ริมเส้นด้านซ้ายก่อนลากมาเองแล้วยิงทันทีหวังให้เข้าทางเสาสองทว่าบอลผ่านหน้าปากประตูไปแบบได้เสียวทั้งสนามเลย

ช่วงท้ายครึ่งแรกยังคงเป็นเชลซีที่ครองบอลได้ดีกว่าเรียกได้ว่าอาร์เซน่อลแทบทำเกมบุกไม่ได้และในนาทีที่ 40 มาต้าลากบอลจนสุดเส้นหลังฝั่งซ้ายก่อนตบกลับไปแถวๆหน้าปากเขตโทษมีเอสเซียงที่วิ่งมาตะบันแต่บอลหายไปไหนไม่รู้

            กลับมาเล่นกันต่อในช่วงครึ่งหลังมาได้ 4 นาที "สิงห์บลูส์" ได้ลุ้นอีกแล้วโดยวิลเลี่ยนจ่ายบอลไปให้เอโด้หน้าปากประตูด้านซ้ายก่อนดาวยิงแคเมอรูนลากหนีกอสเชียลนี่มาได้แล้วสับด้วยขวาทันทีทว่าบอลยิงบานปลายเลยออกทางเสาขวามือ

อาร์เซน่อลเริ่มเปิดเกมบุกมาขึ้นและคราวนี้วิลเชียร์จ่ายบอลมาให้กาซอร์ล่าตั้งป้อมหวดตรงกลางสนามเลยบอลผ่านบล็อคของเคฮิลล์ไปแล้วทว่าไม่ตรงกรอบ

หลังจากนั้น"ปืนใหญ่"ก็มาได้ลุ้นเรียกเสียงเชียร์อีกเมื่อแรมซี่ย์ล็อคไปล็อคมาก่อนเข้าไปในกรอบเขตโทษแต่จังหวะยิงไปติดบล็อคได้แค่เตะมุมเท่านั้น

อาร์เซน่อลพลาดโอกาสได้ประตูไปอย่างน่าเสียดายโดยเป็นจังหวะที่โรซิชกี้ป้ายบอลมาให้เบนด์ทเนอร์ที่อยู่ในกรอบแต่หันหลังทำให้ต้องตบคืนมาหาแรมซี่ย์พยายามหาช่องยิงก่อนที่จะทำได้เพียงเตะไปโดนบล็อคแล้วบอลลอยเข้ามือของชวาร์เซอร์

เกมผ่านมาครบหนึ่งชั่วโมงแล้วอาร์เซน่อลยังไม่สามารถเจาะแนวรับของเชลซีได้ต้องใช้จังหวะยิงไกลของแรมซี่ย์อีกครั้งแต่บอลก็ถากเสาไปไม่กี่หลาเท่านั้น

เวนเกอร์เห็นท่าไม่ดีแล้วจัดการส่งเมซุต โอซิลลงสนามโดยคนที่ต้องออกคือหนูเรียวที่โชว์ฟอร์มไม่ออกในนัดนี้

แต่การเปลี่ยนตัวก็ไม่ช่วยอะไรเพราะเชลซีมานำห่าง 2-0 เลยโดยเป็นเอโต้ที่กระดกบอลจากสุดเส้นหลังกลับมาเป็นวิลเลี่ยนที่โหม่งกลับหลังมาอีกทอดบอลมาเข้าตีนของมาต้าที่กระหน่ำด้วยขวาแม้จะเป็นข้างไม่ถนัดแต่บอลก็พุ่งเสียบคานเข้าไปอย่างสวย

อาร์เซน่อลยังไม่ท้อและเป็นวิลเชียร์ที่กลั้นใจลากบอลตลุยเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนที่บอลจะไปเข้าทางของชิรูด์ที่เพิ่งลงมาได้สับยัดเสาแรกทว่าชวาร์เซอร์ยังบล็อคออกมาได้ทัน

เชลซีเกือบมาได้อีกแล้วในจังหวะโต้กลับที่วิเลี่ยนแทงทะลุไปให้รามิเรสหลุดไปสุดเส้นหลังด้านขวาก่อนพยายามเปิดผ่านฟาเบียนสกี้เข้ามาตรงกลางยังดีที่กอสเชียลนี่มาหยุดบอลเอาไว้ก่อนถึงเส้นประตูแล้วเอโต้พยายามเข้ามาตามซ้ำแต่บอลออกหลังไป

เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้ายอาร์เซน่อลยังไม่สามารถเจาะเข้าไปยิงแหน่งๆได้เลยด้านเชลซีก็เริ่มครองบอลฆ่าเวลาให้หมดไปแล้วโดยพยายามหาจังหวะสวนกลับอยู่เหมือนกันแต่ก็ยังไม่มีโอกาสยิงเพิ่ม

ช่วงนาทีที่ 90 กาซอร์ล่าพยายามอาศัยความสามารถเฉพาะตัวเลี้ยงทะลุเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนยิงไปทางเสาไกลผ่านมือของชวาร์เซอร์ไปแล้วแต่บอลก็ยังเลยออกไปอีก

สุดท้าย"ปืนใหญ่"ก็เจาะไม่เข้าจริงๆทำให้เวนเกอร์ยังไม่สามารถเอาชนะมูรินโญ่ได้อีกนัดก่อนที่เชลซีจะหลุดเข้าไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายถ้วยใบเล็กได้ตามเป้าหมาย