พิมพ์

[Soccer]

ทีม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มร้อนแรงต่อเนื่องถล่ม โบลตัน ไปอีก 3-1 ได้ขึ้นนำจ่าฝูงในวันนี้ โดย จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ ชาร์ลี อดัม 2 นักเตะใหม่ทำประตูได้ด้วย

“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ลงเล่นในแอนฟิลด์ รับมือกับ โบลตัน โดยเกมนี้ เคนนี่ ดัลกลิช ดร็อปแอนดี้ แคร์โรลล์ เป็นตัวสำรองให้ เดิร์ค เคาท์ ยืนคู่ หลุยส์ ซัวเรซ แทนในแดนหน้า โดยที่ข้างสนามมี เซบาสเตียน โคเตส ว่าที่กองหลังตัวใหม่มานั่งชมเกมอยู่ด้วย

เปิดฉากมาเจ้าบ้านเล่นได้คึกคักอย่างมาก และมาถึงนาทีที่ 15 ลิเวอร์พูล ก็มาได้ประตูขึ้นนำจากการเปิดบอลทางกราบซ้ายของ หลุยส์ ซัวเรซ บอลมาถึง ดาวนิ่ง ในเขตโทษพยายามยิงตามน้ำทันที แต่ติดเซฟ ยัสเคไลเน่น บอลทะลักมาถึง เดิร์ค เคาท์ เก็บบอลคืนมาให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน แต่งบอลครั้งนึงก่อนซัดเข้าไปตุงตาข่าย เป็นประตูนำ 1-0 ของทีม และประตูแรกของ เฮนเดอร์สัน ในสีเสื้อลิเวอร์พูล

โบลตัน พยายามจะเอาคืน และเกือบได้ลุ้นเหมือนกันในอีก 2 นาทีถัดมาจากจังหวะการวอลเล่ย์สุดมันของ มาร์ติน เปตรอฟ ปีกซ้ายที่ซัดในเขตโทษไปติดเซฟของ เรน่า หวุดหวิด

แต่ ลิเวอร์พูล ยังเล่นอย่างดุดันและมีลุ้นอีก 2-3 ครั้งจากการเปิดบอลเข้าเขตโทษโดย ซัวเรซ กับเคาท์ ได้จังหวะโฉบคนละหนแต่ยังไม่เข้าเป้า ก่อนที่ ซัวเรซ จะได้หลุดเดี่ยวจากการแทงทะลุพรวดเดียวโดย เฮนเดอร์สัน แต่ว่าจังหวะสุดท้ายชิพบอลผ่าน ยัสเคไลเน่น ได้แต่ไปตกบนคานอย่างน่าเสียดายสุดๆ

สถานการณ์ของ โบลตัน หนักข้อขึ้นอีกเมื่อ ฟาบริซ มูอัมบ้า ได้รับบาดเจ็บต้องโดนเปลี่ยนตัวออกให้ มาร์ค เดวิส ลงมาแทน แต่ ลิเวอร์พูล ก็เสีย มาร์ติน เคลลี่ ที่บาดเจ็บเหมือนกันต้องเป็น มาร์ติน สเคอร์เทล ลงเล่นแทน

หลังจากนั้น โบลตัน เหมือนจะฮึดขึ้นมีจังหวะทำได้ดีหลายครั้ง โดยเฉพาะช็อตลากเดี่ยวเข้าไปยิงของ มาร์ค เดวิส ที่ได้ลุ้นทีเดียว ก่อนที่เกมจะกลับมาเป็นของ ลิเวอร์พูล ที่ทำได้ดีอีกครั้งแต่ว่ายังเจาะเพิ่มไม่ได้ สุดท้ายจบครึ่งแรกด้วยประตูโทนของ เฮนเดอร์สัน

ครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล ยังเดินเกมต่อเนื่อง และหลังจากบดอยู่ครู่นึง ก็มาได้ประตูหนีห่างเป็น 2-0 จากลูกเตะมุม ชาร์ลี อดัม เปิดเข้ามากลางประตูมาถึง สเคอร์เทล ขึ้นโขกบอลเต็มหัวเข้าไปอย่างสะใจในนาทีที่ 51

ถัดมาอีกนาทีเดียว ลิเวอร์พูล หนีไปไกลเป็น 3-0 จากจังหวะที่ ซัวเรซ เก็บบอลได้แล้วไหลต่อให้ เคาท์ ก่อนจะจ่ายต่อให้ อดัม เกี่ยวบอลได้ก่อนจะเห็นเหลี่ยมยิง ก่อนตัดสินใจยิงหักข้อด้วยขวาบอลเสียบเสาเข้าไปอีก

เกมรุกของเจ้าบ้านยังไม่เพลาเครื่อง และต่อบอลขึ้นมาอีกถึงหน้าเขตโทษ เคาท์ งัดบอลเบาๆให้ ซัวเรซ ทะลุเข้าเขตโทษก่อนแตะหลบยัสเคไลเน่น ได้แล้วแต่ว่ามุมแคบซัดเข้าหน้าต่างไปอย่างน่าเสียดาย

ช่วงที่เหลือของเกม ลิเวอร์พูล ยังพยายามเล่นต่อแต่ว่าเจาะไม่เข้า และยังมาเสียประตูตีไข่แตก 3-1 อีกในจังหวะผิดพลาดของ คาร์ราเกอร์ ทำให้บอลมาถึง อีวาน คลาสนิช ยิงปลอบใจให้ทีมเยือนในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ จบเกมด้วยสกอร์ดังกล่าว แต่ก็พอสำหรับการขึ้นนำจ่าฝูงของลิเวอร์พูล