ผู้เขียน หัวข้อ: "เอโต้" เบิกร่อง~!! "อาซาร์" ซัดเบิ้ลพา "สิงห์บลูส์" ยำใหญ่ 4-1 ขึ้นรองจ่าฝูง  (อ่าน 946 ครั้ง)

Armin

  • Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 11485
    • ดูรายละเอียด

"สิงห์บลูส์" เชลซี เกมนี้ทำแฟนๆหงอยกันก่อนได้เฮเสียงดังลั่นทุ่งเมื่อโดน "คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้" ยิงนำไปก่อนแต่กลับมาพลิกสถานการณ์กด 4 ประตูรวดจาก "ซามูเอล เอโต้" ที่ซัดเบิกร่องไปก่อนลูกแรก ตามมาด้วย "ออสการ์" และ "เอแด็น อาซาร์" ที่กดเบิ้ลพาทีมชนะ 4-1 แถมขยับแซง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ขึ้นไปยึดรองจ่าฝูงด้วยผลต่างประตูได้เสียดีกว่า



พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม 2556
 เชลซี 4-1 คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้
สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์

             เริ่มเกมมาในนาทีที่ 6 "ซามูเอล เอโต้" โดนรวบล้มไปนอกกรอบเขตโทษด้านซ้ายทำให้แฟร้งค์ แลมพาร์ดได้ลองส่องฟรีคิกระยะประมาณ 25 หลาทว่าดาวเตะทีมชาติอังกฤษยิงไปโดนหน้ากำแพงของคาร์ดิฟฟ์ที่ถึงกับทรุดลงไปกองเหมือนกัน

จังหวะถัดมาเอโต้ลากบอลตรงริมเส้นด้านซ้ายเข้าจี้ก่อนจ่ายเข้ากลางให้มาต้าที่ยืนรออยู่ตรงบริเวณจุดโทษตวัดด้วยซ้ายทว่ากลับยิงวืดไปบอลเลยไปถึงอิวาโนวิชที่ตั้งป้อมซัดตูมเหินข้ามคานไปเลย

แฟนบอลในสแตมฟอร์ด บริดจ์ถึงกับช็อกเมื่อมาร์เชลล์เตะยาวจากลูกเตะจากประตูเทอร์รี่สกัดบอลมาเข้าทางรามิเรสที่เตะคืนหลังเบาไปเข้าตีนของมัตช์ที่ควบเข้ามาถึงบอลก่อนเช็คจะออกมาถึงก่อนจิ้มเข้าประตูไปแบบสุดเหลือเชื่อ

นาทีที่ 17 เชลซีเกือบได้ประตูตีเสมอเหมือนกันเมื่อได้เตะมุมด้านซ้ายมาต้าเปิดมาตรงจุดนัดหมายเสาแรกให้เทอร์รี่โฉบมาโขกตัดหน้าสองกองหลังของคาร์ดิฟฟ์ไปที่เสาไกลทว่าบอลชนเสาด้านนอกก่อนออกไปอย่างน่าเสียดาย

เชลซีมาเสียฟรีคิกระยะหวังผลได้ซึ่งทางทีมเยือนตั้งป้อมเปิดมาจากนอกกรอบเขตโทษด้านขวาให้โอเด็มวิงกี้กระโดดหันหลังโขกสะบัดจะเข้าไปทางเสาไกลอยู่แล้วแต่เช็คยังโชว์ซูเปอร์เซฟปัดทิ้งออกหลัง

เทอร์รี่มาได้โขกจากลูกเตะมุมอีกแล้วโดยเป็นมาต้าที่เปิดบอลมาจากมุมธงด้านขวาที่เสาแรกซึ่ง"เจที"พยายามก้มลงไปโขกแต่บิดบอลไม่ตรงกรอบทำให้หน้าคะมำลงไปก่อนที่จะไปไถเอาแป้งโรยเส้นทำให้หน้าขวาไปครึ่งหนึ่งอย่างฮาทีเดียว

เชลซีได้ครองบอลบุกอยู่ฝ่ายเดียวเลยแต่หาจังหวะยิงยากเหลือเกินแต่ในนาทีที่ 32 พวกเขามาได้ประตูตีเสมอจนได้เมื่อมาร์แชลล์พลาดสุดๆไปเคาะบอลลงพื้นทั้งที่มีเอโต้จ้องอยู่ก่อนจะจิ้มบอลมาเข้าทางของอาซาร์ที่จ่ายไปให้เอโต้ลากหลบมาร์แชลล์ก่อนจังหวะหนึ่งแต่เขาไม่ได้ยิงแล้วทว่าโชคยังดีที่อาซาร์ตามมาเก็บตกแปบอลเข้าไปกองก้นตาข่ายเลย

กลายเป็นบอลได้ใจแล้วในตอนนี้คราวนี้เป็นลุยซ์ที่ลากขึ้นมาเองจากแดนหลังก่อนถึงระยะราว 30 หลาแล้วตะบันด้วยซ้ายทันทีทว่าบอลเหินข้ามคานออกไปไม่ได้ลุ้น

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บเชลซีมาได้ลุ้นอีกจากจังหวะฟรีคิกนอกกรอบเขตโทษด้านซ้ายที่แลมพาร์ดพยายามจะลักไก่ยิงเลยไปตรงเสาสองทว่าบอลเลยออกไปไกลจนเพื่อนหันมาโวยวายกันเลยทีเดียว

               เข้าสู่ช่วงครึ่งหลังโอกาสแรกนั้นเป็นของ "สิงห์บลูส์" เมื่อวิลเลี่ยนลากบอลอยู่ริมเส้นเขตโทษด้านซ้ายก่อนไหลกลับมาให้เอโต้ยิงตูมเดียวจากนอกกรอบเขตโทษทว่ามาร์แชลล์ยังล้มตัวรับเอาไว้ได้

นาทีที่ 52 อาซาร์ได้บอลมาจากเอโต้ตัดหลังแบ็คเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านซ้ายแล้วแต่จังหวะเปิดเข้ากลางให้วิลเลี่ยนยิงนั้นโดนกองหลังบล็อคไว้ทันบอลกระฉอกออกมารามิเรสจะตามซ้ำก็ยังโดนเตะทิ้งไปได้อีกที

เกมผ่านมาถึงนาทีที่ 64 โอกาสของเชลซียังมีไม่มากแถมยังโดนคาร์ดิฟฟ์บุกใส่อย่างต่อเนื่องจนทำให้มูรินโญ่ตัดสินใจเสี่ยงส่งเฟร์นานโด ตอร์เรสลงมาแทนกองหลังอย่างเบอร์ทรานด์ทำให้ตอนนี้เหลือปราการหลังเพียง 3 ตัวเท่านั้น

ในที่สุดการเปลี่ยนแผนของมูรินโญ่ก็เป็นผลโดยเอโต้โชว์ความเด็ดขาดรับบอลมาจากอาซาร์ในกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนลากหนีคอลเกอร์จนหลังหักแล้วยิงอัดไปทางเสาแรกทันทีเป็นประตูแรกของเขาในนามทัพ"สิงห์ไฮโซ"แล้ว

หลังจากนั้นไม่นานมูรินโญ่ไปเม้งแตกมีปัญหาอยู่ข้างสนามก่อนโดนกรรมการไล่ให้ไปนั่งบนแสตนท์กองเชียร์เพื่อสงบสติอารมณ์ทำให้เจ้าตัวเดินหน้ามุ่ยออกไปแบบบุญไม่รับ

เชลซีเกือบจะเสียประตูเหมือนกันเมื่อคาร์ดิฟฟ์ได้บอลบุกขึ้นมาก่อนจะถึงคิมในกรอบเขตโทษด้านซ้ายแล้วยิงทันทีทว่าเช็คยังโชว์เซฟปัดทิ้งออกทางเสาไกลไปได้แบบหวุดหวิด

นาทีที่ 78 เชลซีมาได้ประตูทิ้งห่างแล้วโดยเป็นออสการ์ที่ลงมาแทนมาต้าได้บอลมาตรงกลางสนามก่อนม้วนให้เข้าเท้าขวาแล้วยิงทันทีระยะ 20 หลากลางประตูบอลมุดใต้คานเข้าไปอย่างสวยงามเหลือเกินเป็นประตูที่ 4 ของเขาในพรีเมียร์ลีก

หลังจากนั้นอาซาร์ได้จังหวะโต้กลับเร็วจากแดนตัวเองก่อนลากมาถึงหน้าปากเขตโทษแล้วจ่ายไปให้วิลเลี่ยนที่วิ่งตีคู่ขึ้นมาด้านขวาได้ยิงโล่งๆเลยแต่ดาวเตะบราซิเลี่ยนดันทำหมูหกยิงไปติดตัวของมาร์แชลล์แบบไม่ได้ลุ้น

นาทีที่ 82 สกอร์เริ่มไหลเสียแล้วคราวนี้เป็นอาซาร์ที่ลากบอลมาเองจากริมเส้นด้านซ้ายก่อนสับขาก่อนสองทีแล้วยิงยัดมาตรงๆเลยแต่มาร์แชลล์ดันรับไม่ได้ทำให้บอลค่อยๆกลิ้งเข้าประตูไป

สุดท้ายเชลซีกระชาก 3 แต้มมาครองได้อย่างงดงามแถมยังสามารถเขี่ยลิเวอร์พูลลงจากรองจ่าฝูงด้วยผลต่างประตูได้เสียที่ดีกว่าตามหลังอาร์เซน่อลเพียง 2 แต้มเท่านั้น
บันทึกการเข้า
  
ร่วมสนุกลุ้น ผลบอลวันนี้ กับเรา