ผู้เขียน หัวข้อ: "หนูโด้-ดิ มาเรีย" ควงกันเบิ้ล~!! "ราชัน" ยำใหญ่ "โคเปนเฮเก้น" สบายแฮ 4-0  (อ่าน 845 ครั้ง)

Armin

  • Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 11485
    • ดูรายละเอียด

"คริสติอาโน่ โรนัลโด้" แข้งซุปตาร์จอมสับยังคงเดินหน้าถล่มประตูต่อไปโดยเกมนี้โขกไปอีกสองตุงบวกกับ "อังเคล ดิ มาเรีย" ที่มีเอี่ยวเหมือนกันควงกันมาเบิ้ลพา "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด เปิดบ้านยำใหญ่ "โคเปนเฮเก้น" ไปแบบสบายแฮ 4-0 พร้อมเก็บ 6 แต้มเต็มจาก 2 เกมนั่งจ่าฝูงกลุ่มบีไร้ปัญหา



ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มบี
วันพุธที่ 2 ตุลาคม 2556
 เรอัล มาดริด 4-0 เอฟซี โคเปนเฮเก้น
สนาม ซานติอาโก้ เบร์นาเบว

             ออกสตาร์ทเกมช่วงแรกเล่นกันมาได้เพียง 6 นาที "ราชันชุดขาว" พลาดได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็วเมื่อมาร์เซโล่เติมเกมขึ้นมาทางกราบซ้ายก่อนเปิดให้คาริม เบนเซม่าได้โขกเหน่งๆหน้าประตูทว่าบิดเยอะเกินไปทำให้บอลไม่ตรงกรอบเสียอย่างนั้น

เจ้าถิ่นยังคงเดินหน้าบุกอย่างต่อเนื่องและคราวนี้เป็นดิ มาเรียที่ได้ครอสเข้ามาบ้างเป็นโรนัลโด้ที่ได้โขกแต่ไปติดบล็อคของกองหลังทีมเยือนออกไปได้เพียงเตะมุมเท่านั้น

เข้าสู่นาทีที่ 20 มาดริดก็ขึ้นนำจนได้จากการเดินเกมทางฝั่งซ้ายของสนามที่มาร์เซโล่ตั้งป้อมเปิดเข้ามาตรงเสาไกลให้โรนัลโด้ขึ้นโขกกดลงพื้นเข้าประตูไปพร้อมกับความสะใจของแฟนๆ

เจ้าถิ่นเกือบมาได้ประตูเพิ่มขึ้นอีกลูกโดยเบนเซม่าได้บอลเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาก่อนที่จะมีเวลาว่างเหลือหลายซึ่งเจ้าตัวก็ใจเย็นตบบอลกลับหลังไปให้ดิ มาเรียวิ่งเข้ามาแปเต็มๆทว่าบอลเฉี่ยวเสาออกไปนิดเดียวเท่านั้น

ตอนนี้มาดริดลุยหนักแล้วและแฟนเจ้าบ้านร้องจะเอาจุดโทษในจังหวะที่โมดริชโดนขวางล้มไปในกรอบแต่กรรมการยังใจแข็งไม่ยอมให้

จังหวะถัดมาโรนัลโด้ได้บอลในกรอบก่อนทำชิ่งกลับหลังให้ดิ มาเรียที่วิ่งมาสวนตูมเดียวทันทีทว่าบอลไปแฉลบกองหลังก่อนออกไป

นาทีที่ 37 กองหลังของโคเปนเฮเก้นปล่อยให้มาร์เซโล่ยืนโล่งๆตรงริมเส้นด้านซ้ายอีกแล้วก่อนที่ดาวเตะบราซิเลี่ยนพยายามเปิดบอลเข้ามากลางประตูคราวนี้เป็นดิ มาเรียที่ก้นตัวโหม่งบอลเฉี่ยวเสาไปนิดเดียว

จังหวะถัดมาเปเป้ต้องสังเวยเลือดกลางสนามเมื่อขึ้นโขกหัวชนกับกองหน้าโคเปนเฮเก้จนคิ้วแตกทำให้ต้องออกมาปฐมพยาบาลนอกสนามก่อน

ทีมเยือนพลาดได้ประตูตีเสมออย่างน่าเหลือเชื่อจากจังหวะเตะมุมด้านซ้ายที่บอลมาเข้าหัวของยอเกนเซ่นโขกสวนกาซีญาสที่ออกมาวืดบอลไปชนคานก่อนกระเด้งลงจะเข้าอยู่แล้วทว่าโมดริชยังยืนอยู่ตรงนั้นพักบอลได้ก่อนเตะเคลียร์ทิ้งออกมา

            ลงสนามมาเล่นกันต่อในช่วงครึ่งหลังเพียงแค่นาทีกว่าๆโคเปนเฮเก้นก็เคลียร์บอลทิ้งมาไม่ดีก่อนที่โมดริชจะตัดบอลได้แล้วลากไปถึงหน้าปากเขตโทษก่อนซัดด้วยอีซ้ายบอลพุ่งเลียดไปทางขวามือแต่ถากเสาออกไปไม่กี่นิ้วเท่านั้นเอง

ถัดมาไม่นานโรนัลโด้ได้บอลลากไปถึงสุดท้ายด้านซ้ายก่อนไหลกลับมาให้ดิ มาเรียได้ยิงแต่บอลไปติดแขนและตัวของเดลานี่ย์กระดอนออกมาและในจังหวะต่อเนื่องก็เป็นปีกอาร์เจนไตน์อีกที่ซัดนอกกรอบบอลไปเข้ามือของไวลันด์

เกมผ่านมาครบหนึ่งชั่วโมงแล้วเป็นมาดริดที่ยังเดินหน้าบุกได้ดีกว่าแต่จังหวะจบจะแจ้งยังไม่ค่อยมีเท่าไหร่อย่างไรก็ดีพวกเขามาได้ลุ้นจากลูกฟรีคิกหน้าปากประตูระยะ 20 หลาโรนัลโด้ยืนจังก้าก่อนปั่นบอลข้ามกำแพงไปแล้วทว่าไปตรงบนตาข่ายหลังประตูนิดเดียว

แต่แล้วนาทีที่ 65 มาดริดนำห่างจนได้จากการทำชิ่งหนึ่งสองระหว่างเบนเซม่ากับดิ มาเรียก่อนหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาแล้วปีกอาร์เจนไตน์ไขว้เปิดมาตรงกลางให้โรนัลโด้โถมขึ้นโขกเหนือเมลเบิร์กที่ไม่ได้กระโดดเลยเข้าไปตุงตาข่ายสบายใจ

ในที่สุดดิ มาเรียก็มีชื่อใส่สกอร์จนได้หลังจากยิงแล้วยิงเล่าโดยเขาได้บอลจากเบนเซม่ามาลากบอลเข้าจนถึงหน้าปากประตูก่อนสับด้วยซ้ายบอลพุ่งโค้งไปตรงเสาไกลสุดปัญญาที่ไวลันด์จะพุ่งไปเซฟถึง

ก่อนหมดเวลา 7 นาทีโคเปนเฮเก้นมีโอกาสบุกขึ้นมายิงบ้างโดยคริสเทนเซ่นม้วนตัวกลับมาเปิดให้อาดี้พยายามเข้ายิงแต่สุดปลายเท้าทำให้บอลปลิ้นหลังเท้าเลยเสาไกลออกไม่มีลุ้นอะไร

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บโคเปนเฮเก้นส่งบอลไม่ดีโดนดิ มาเรียตัดได้ก่อนลากบอลเข้ามาล่อเป้าแล้วยิงด้วยซ้ายเข้าไปไม่เหลือซาก

ช่วงก่อนหมดเวลา"พี่อิเคร์"มาได้ออกแรงเซฟ 3 รอบก่อนมาดริดเก็บเพิ่มอีก 3 แต้มสบายๆพร้อมทำคะแนนรั้งจ่าฝูงต่อไปส่วนโคเปนเฮเก้นต้องกลับบ้านอย่างชอกช้ำแต่ก็ยังมี 1 คะแนนตุนเอาไว้ในมือ
บันทึกการเข้า
  
ร่วมสนุกลุ้น ผลบอลวันนี้ กับเรา