61
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 23, 2016, 01:53:03 AM
|
||
เริ่มโดย Newsman - กระทู้ล่าสุด โดย Newsman | ||
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดงานนี้ต้องบอกว่าแค่รอเวลาตามข่าวลือจริงๆ สำหรับอนาคตของ โจเซ่ มูริญโญ่ กับ ปีศาจแดง ยอดทีมแห่งเมืองแมนเชสเตอร์ ที่ตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกันมาตลอดช่วงหลัง เพราะนอกจากการตีข่าวจากสื่อต่างๆเองแล้ว ล่าสุดมีบุคคลที่น่าเชื่อถือ ออกมาพูดเกี่ยวกับอนาคตของกุนซือรายนี้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ซึ่งก็คือทางด้านของ เบดี้ โมรัตติ หนึ่งในบอร์ดบริหารสโมสรงูใหญ่ อินเตอร์ มิลาน ยักษ์ใหญ่แห่ง กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี นั่นเอง เป็นที่ทราบกันว่า มูริญโญ่ กับ อินเตอร์ มิลาน มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ในฐานะที่ฝ่ายแรกเคยกุมบังเหียนทัพงูใหญ่ และพาทีมประสบความสำเร็จมากมาย ในช่วงที่กุนซือเดอะสเปเชี่ยลวันลงจากตำแหน่งนายใหญ่เชลซี อินเตอร์จึงเป็นอีกหนึ่งทีมที่ตกเป็นข่าวเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน แต่ก็ไม่แรง และหนาหูเท่ากับปีศาจแดง กระทั่งเมื่อเร็วๆนี้นายใหญ่ชาวโปรตุกีสได้เดินทางไปยังเมืองมิลานเพื่อพบกับครอบครัว โมรัตติ เข้าชมเกมลีกที่ อินเตอร์ เปิดบ้านพบ ซามพ์โดเรีย ทำให้ข่าวคราวระหว่างเจ้าตัวกับอินเตอร์กลับมาถูกลืออีกระลอก อย่างไรก็ตาม เบดี้ โมรัตติ หนึ่งในผู้บริหาร อินเตอร์ มิลาน ออกมาเผยชัดว่าการพบกับมูริญโญ่ครั้งนี้ไม่มีนัยสำคัญอะไรทั้งนั้น เขาคือคนที่พิเศษเสมอ เราคิดถึงเขาแน่นอนแต่การกลับมาคุมอินเตอร์ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้ เขาแฮปปี้ดีกับชีวิตในอังกฤษแล้วเขาก็กำลังจะไปที่ แมนเชสเตอร์ สำหรับข่าวคราว มูริญโญ่ ที่เชื่อมโยงเข้ากับ แมนฯยูไนเต็ด ถือได้ว่าเป็นหนึ่งมหากาฬข่าวที่ยาวนานที่สุดในแวดวงฟุตบอลเวลานี้เลย เพราะเจ้าตัวเริ่มตกเป็นข่าวกับแมนฯยูไนเต็ดทันทีที่ถูกเชลซีปลดลงจากตำแหน่ง และนับแต่นั้นสื่อดังต่างๆในยุโรปก็พากันเล่นข่าวกันออกมาแบบรายวันเลยว่า ทางปีศาจแดงได้พูดคุยกับมูริญโญ่แล้ว เช่นกันก็จ่อที่จะปลด หลุยส์ ฟาน กัล เต็มทีแล้วด้วย ทว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงจริงๆเกิดขึ้น |
62
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 23, 2016, 01:48:41 AM
|
||
เริ่มโดย Newsman - กระทู้ล่าสุด โดย Newsman | ||
พูดออกมาซะขนาดนี้ต้องบอกว่าเหลือแค่อย่างเดียวแล้วล่ะคือรอให้ทาง เรอัล มาดริด ติดต่อขอซื้ออย่างเป็นทางการเท่านั้นเอง สำหรับ ปิแอร์ เอเมอริก โอบาเมยอง หัวหอกกาบองฟอร์มร้อนของทีมเสือเหลือง ดอร์ทมุนด์ เพราะนักเตะบอกผ่านสื่อชัดเจนเลยว่าใฝ่ฝันที่จะลงเล่นให้กับทีมราชันชุดขาวมาตั้งแต่ยังเด็กแล้ว ทั้งนี้ โอบาเมยอง ในซีซั่นนี้เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม และกำลังจ่อที่จะคว้ารางวัลดาวซัลโวสูงสุดของบุนเดสลีกาประจำซีซั่น จากฟอร์มอันยอดเยี่ยมนี้เอง ทำให้นักเตะมีหลายทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรปจับตามองนักเตะอยู่อย่างใกล้ชิด เช่นเดียวกันก็พาให้หลายคนคาดการณ์กันไปแล้วว่า นักเตะน่าจะได้ย้ายออกจากถิ่น ซิกนัล อิดูน่าพาร์ค ในเร็ววันซึ่งอาจหมายถึงในตลาดซัมเมอร์นี้เลย อย่างไรก็ตามมีความเป็นไปได้สูงทีเดียว ที่ปลายทางการค้าแข้งต่อไปของนักเตะจะเป็นที่ ลาลีกา สเปน กับทีม เรอัล มาดริด เพราะนักเตะเผยความฝันของตนเองผ่านสื่อว่า "ความฝันตั้งแต่วัยเด็กของผมก็คือได้ลงเล่นให้ เรอัล มาดริด ก่อนคุณตาผมจะเสียผมให้สัญญากับท่านว่าผมจะเล่นให้มาดริด ผมรู้ว่ามันยากอยู่นะแต่มันก็คือสิ่งที่ผมคิดอยู่ตลอด ตอนเด็กผมชื่นชอบ ฮูโก้ ซานเชซ ผมดูวีดีโอการเล่นของเขาแล้วก็จดจำท่าตีลังกายิงของเขา ฉะนั้นในตอนที่ผมตีลังกายิงได้ผมก็จะนึกถึงเขาตลอด การได้เล่นให้มาดริดหรืออาจเป็นทีมอื่นก็ได้ที่อยู่ใน ลาลีกา สเปน มันน่าจะเป็นของขวัญที่ยอดเยี่ยมสำหรับคุณแม่ของผมนะ" สรุปอนาคตของ โอบาเมยอง ณ ตอนนี้ก็ชัดเจนเหลือเกินว่าหาก เรอัล มาดริด ยื่นข้อเสนอขอซื้อเจ้าตัวจริงเจ้าตัวก็คงได้กลายเป็นแข้งรายใหม่ของทัพลอสบลังกอสซีซั่นหน้า หรือหากเป็นทีมอื่นไม่ว่าจะแอตฯมาดริด บาร์เซโลน่าที่สนใจนักเตะอย่างจริงจังก็มีความเป็นไปได้สูงทีเดียวที่ดีลจะลงเอย |
63
ฟุตบอล / ข่าวฟุตบอล / ไม่ต้องห่วง! 'บล็องก์' ยัน 'ดิ มาเรีย'-'แวร์รัตติ' เดี้ยงเบา ฟิตทันบู้ 'สิงห์'!!
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 23, 2016, 01:44:14 AM
|
||
เริ่มโดย Newsman - กระทู้ล่าสุด โดย Newsman | ||
ต้องบอกว่าสบายใจหายห่วงได้เลยงานนี้ สำหรับกรณีอาการบาดเจ็บของ มาร์โค แวร์รัตติ และ อังเคล ดิ มาเรีย สองดาวเตะคนสำคัญของทัพ ปาริเซียง เมื่อล่าสุดเทรนเนอร์ของทีม “โลร็อง บล็องก์” ได้ออกมากล่าวยืนยันแล้วว่าอาการบาดเจ็บของทั้งสองคนไม่มีอะไรน่ากังวล อย่างที่แฟนบอลพากันตกใจไปจากที่เห็นตนเองเปลี่ยนนักเตะออกตั้งแต่ครึ่งเวลาแรกในเกมลีกนัดล่าสุด ทั้งนี้ในเกม ลีกเอิง สุดสัปดาห์นัดล่าสุดที่ เปแอสเช เปิดบ้านอัด แร็งส์ ไป 4-1 ดิ มาเรีย และ แวร์รัตติ มีอาการบาดเจ็บในครึ่งเวลาแรก และถูกบล็องก์เปลี่ยนตัวออกตั้งแต่ครึ่งเวลาแรกทั้งสองราย โดยในรายของ ดิ มาเรีย ถูกเปลี่ยนออกในช่วงท้ายของครึ่งแรก ขณะที่ทาง แวร์รัตติ ถูกถอดออกหลังหมดครึ่งเวลาแรกหรือในช่วงพักครึ่งนั่นเอง ทำให้มีการคาดการณ์กันไปว่าทั้งคู่อาจได้รับบาดเจ็บหนักจนพลาดลงช่วยทีมในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก กลางสัปดาห์ที่จะบุกไปเยือน สิงห์บลู ซึ่งเป็นแมทสำคัญที่จะชี้ชะตาว่าจะได้ผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 8 ทีมต่อไปไหม ว่ากันง่ายๆคือแฟนบอลของ เปแอสเช เป็นกังวลกันนั่นเองว่าการขาดทั้ง ดิ มาเรีย และ แวร์รัตติ อาจส่งผลต่ออนาคตในเวที แชมเปี้ยนส์ลีก อย่างไรก็ตามล่าสุด โลร็อง บล็องก์ ได้ออกมากล่าวผ่านสื่อให้แฟนบอลได้สบายใจแล้วว่า อาการบาดเจ็บของทั้งสองรายไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง บล็องก์ อธิบายว่า ดิ มาเรีย เจ็บกล้ามเนื้อ แวร์รัตติ ก็มีอาการอักเสบแต่มันไม่ได้รุนแรงอะไร ทั้งคู่เลยมันเป็นเพียงอาการบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น และเหตุผลที่ถอดพวกเขาออกจากสนามอย่างรวดเร็วนั่นก็เพราะป้องกันไว้ก่อนนั่นแหละ สำหรับผลงานในลีกของ เปแอสเช ซีซั่นนี้ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่แทบจะเลิกโฟกัสไปได้แล้วเพราะนำเป็นจ่าฝูงด้วยจำนวนแต้ม 73 แต้ม ขณะที่ทีมอันดับสองที่ตามมาอย่างโมนาโกนั้นมีอยู่เพียงแค่ 49 แต้มเท่านั้นเวลานี้ยอดทีมแห่งเมืองน้ำหอมจึงมีเวลาเต็มๆในการเน้นไปที่รายการฟุตบอลถ้วยยุโรป |
64
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 23, 2016, 01:38:50 AM
|
||
เริ่มโดย Newsman - กระทู้ล่าสุด โดย Newsman | ||
ถึงตอนนี้ก็ต้องบอกว่าค่อนข้างชัดเจนแน่นอนว่าแล้วภารกิจกุมบังเหียนทีมสิงห์บลู เชลซี แบบขัดตาทัพในซีซั่นนี้ของ กุส ฮิดดิ้งก์ น่าจะเป็นงานสุดท้ายของเจ้าตัวแล้ว เพราะนายใหญ่มากประสบการณ์ชาวฮอลแลนด์รายนี้ได้ออกมากล่าวเผยกับสื่อเองแล้วว่า นี่จะเป็นงานทิ้งทวนอาชีพของตนเองแล้ว ก่อนที่จะใช้เวลาหลังจากนี้ไปกับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ฮิดดิ้งก์เข้ามารับงานกุมบังเหียนทัพสิงห์บลูแบบขัดตาทัพแทนที่ของ โจเซ่ มูริญโญ่ ที่ถูกปลดออกจากตำแหน่งเมื่อราวสองเดือนก่อน แต่ผลงานของสิงห์บลูก็ไม่ได้นับว่าดีขึ้นมากมายสักเท่าไหร่ และแม้ว่าเจ้าตัวจะเคยประกาศกร้าวว่าพร้อมพาลูกทีมไต่อันดับ ขึ้นไปคว้าโควต้าฟุตบอลถ้วยยุโรป แต่ในภาพความเป็นจริงตอนนี้ก็ยังถือว่าห่างไกล และมีความเป็นไปได้น้อยมาก อย่างไรก็ตาม ฮิดดิ้งก์ กล่าวถึงอาชีพกุนซือของตนเองว่า "ตอนนี้ผมรู้สึกดีมาก ผมตื่นขึ้นมาทำงานในทุกๆเช้าด้วยความสุขชีวิตของผมเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แน่นอนล่ะว่าบางครั้งเราก็มีช่วงเวลายากลำบากหลังต้องเผชิญกับความพ่ายแพ้ แต่ทุกครั้งที่ได้ทำงานในสนามฝึกซ้อมกับนักเตะผมก็รู้สึกมีความสุข กระนั้นมันก็สมควรแก่เวลาแล้วล่ะอาชีพกุนซืออาจจะเหมาะกับคนหนุ่มกว่าผม ผมเองก็ต้องเปิดทางให้กับคนรุ่นใหม่ ผมสัญญานะว่าซีซั่นหน้าผมจะเข้ามาชมเกมของเชลซีให้ได้บ่อยที่สุด ส่วนการไปรับงานใหม่ที่อื่นมันคงไม่มีแล้วล่ะ" แม้ว่าฮิดดิ้งก์จะพาทีมสิงห์บลูทำผลงานออกมาได้ไม่ค่อยดีนักทั้งใน รายการฟุตบอลลีก และ ฟุตบอลถ้วย โดยเฉพาะในรายการยุโรปล่าสุดก็ยังสุ่มเสี่ยงต่อการไม่ได้ไปต่อใน แชมเปี้ยนส์ลีก เนื่องจากพ่ายแพ้ให้กับเปแอสเชมาในเกมแรก 2-1 แต่ถ้ามองกันในแง่ของความคาดหวัง ก็ไม่ถือว่าทางฮิดดิ้งก์มีผลงานที่ย่ำแย่นัก ว่ากันง่ายๆคือฮิดดิ้งก์เข้ามากุมบังเหียนทีมในสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนักจากปัญหาในยุคของมูริญโญ่ ประกอบกับการที่ไม่ได้เป็นตัวเลือกคุมทีมในระยะยาวของสโมสรอยู่แล้วจึงทำให้ความคาดหวังจากทั้งสโมสรและแฟนบอลไม่ได้มีมากมายนัก |
65
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 20, 2016, 11:01:48 PM
|
||
เริ่มโดย Newsman - กระทู้ล่าสุด โดย Newsman | ||
งานนี้ต้องบอกว่ามาจากประสบการณ์ตรงเลยทีเดียวสำหรับทางด้านของ วิลเลี่ยน มิดฟิลด์แซมบ้าของทีมสิงห์บลู เชลซี ที่ได้ออกมากล่าวถึงประเด็นการวืดย้ายซบหงส์แดงของ อเล็ก เตเซร่า มิดฟิลด์เพื่อนร่วมชาติในช่วงตลาดหน้าหนาวที่ผ่านมา ก่อนที่จะลงเอยด้วยการโยกซบทีมในลีกจีนด้วยค่าตัวสูงถึง 38 ล้านปอนด์ ทั้งนี้อย่างที่ทราบกันว่า เตเซร่า เป็นเป้าหมายการเสริมทัพเบอร์แรกของหงส์แดงในตลาดหน้าหนาว โดยที่หงส์แดงได้ทุ่มเงินกว่า 25 ล้านปอนด์ เป็นขอเสนอขอซื้อแข้งดาวดังบราซิเลี่ยนรายนี้จาก ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค ยอดทีแห่งลีกยูเครนแต่ข้อเสนอกลับถูกปฏิเสธไปดื้อๆ และแม้ว่านายหน้าของนักเตะจะพยายามช่วยเต็มที่ เพื่อให้นักเตะได้โยกซบทีมยักษ์ใหญ่แห่ง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตามความฝัน แต่ด้วยเวลาอันจำกัดจึงทำให้ดีลไม่สามารถลุล่วงได้ จนท้ายที่สุดเป็นทีมจากลีกจีนที่ทุ่ม 38 ล้านปอนด์ คว้านักเตะไปโชว์เพลงแข้งในดินแดนมังกร อย่างไรก็ตาม วิลเลี่ยน ที่เคยชวดซบ หงส์แดง มาแล้วเช่นกัน หลังมีข่าวลือเชื่อมโยงด้วยกันเป็นเวลานานเมื่อตอนที่เล่นให้ ชัคตาร์ ก่อนหักมุมโยกซบ เชลซี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่ามันเป็นเหตุผลเรื่องเงิน ชัคตาร์ มักจะยินดีขายนักเตะให้กับทีมเล็กๆที่ยอมทุ่มเงินมากให้มากกว่าที่จะขายให้กับทีมใหญ่ๆที่ชอบต่อรองราคา มันเกิดขึ้นกับ เตเซร่า เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นกับผม มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ทีมไหนจะบรรลุข้อตกลงกับ ชัคตาร์ ตอนผมอยู่ที่นั่นผมครุ่นคิดเรื่องอนาคตของตัวเองอยู่ถึงสองปีเลยล่ะ (วิลเลี่ยนเริ่มต้นกับเชลซีได้ไม่ดีนัก โดยส่วนใหญ่มักจะต้องนั่งเป็นตัวสำรองให้กับทีม แต่มาในซีซั่นนี้จากฟอร์มการเล่นของแข้งตัวรุกรายอื่นในทีม สิงห์บลู ตกลงทั้ง อาซาร์, ออสการ์ เลยทำให้เจ้าตัวได้โอกาสพิสูจน์ผลงานมากขึ้น และก็ไม่ทำให้แฟนบอลเดอะบลูส์ต้องผิดหวังสามารถเล่นได้อย่างโดดเด่น ยิงประตูสำคัญๆได้ในหลายเกม) |
66
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 20, 2016, 10:18:17 PM
|
||
เริ่มโดย Newsman - กระทู้ล่าสุด โดย Newsman | ||
ต้องบอกว่าอาจจะไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงตัวกุนซือซะแล้วสำหรับทีมปีศาจแดง แมนฯยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่แห่ง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อล่าสุดมีรายงานข่าวออกมาจากสื่อชื่อก้องอย่าง เดอะ ซัน ว่าเวลานี้พวกเขากำลังมีแพลนที่จะเปลี่ยนแปลงระบบโครงสร้างการซื้อขายนักเตะของทีม เนื่องจากช่วงสามปีที่ผ่านมาทีมหมดเงินไปมากมายกับการช้อปปิ้งนักเตะดาวดังเข้าทีม แต่ผลที่ได้กลับตรงกันข้าม เมื่อยังไม่สามารถกลับมาใกล้เคียงกับการลุ้นแชมป์ได้เหมือนในยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทั้งในซีซั่นล่าสุดยังสุ่มเสี่ยงอย่างยิ่งต่อการที่จะชวดการจบท็อปโฟร์เพื่อคว้าตั๋ว UCL ซีซั่นหน้าเพราะทาง หลุยส์ ฟาน กัล นายใหญ่ของทีมก็ได้ออกมากล่าวยอมรับแบบกลายๆแล้วว่า คงเป็นไปไม่ได้แล้วที่จะพาทีมจบหนึ่งในสี่อันดับแรก ตามรายงานจากเดอะซันระบุว่า เอ็ด วู้ดเวิร์ด ซีอีโอคนดังของปีศาจแดงกำลังพิจารณาให้สโมสรหันมาใช้ระบบ ผ.อ.กีฬา ที่จะคอยดูแลและกำกับการซื้อขายนักเตะร่วมกับผู้จัดการทีม แบบที่ทีมคู่แข่งร่วมเมืองอย่างเรือใบสีฟ้า แมนฯซิตี้ ทำจากเดิมที่ปัจจุบันอำนาจเบ็ดเสร็จในการเลือกสรรนักเตะของปีศาจแดงจะขึ้นอยู่ที่ตัวกุนซือเท่านั้น ซึ่งก็ทำให้ได้เห็นกันแบบชัดๆแล้วว่าไม่ค่อยจะเป็นผลดีต่อสโมสรสักเท่าไหร่ ตรงกันข้ามกลับต้องบอกว่าเป็นผลเสียซะด้วยซ้ำไป เพราะอย่างที่ทราบกันทั้งในยุคของ เดวิด มอยส์ และ หลุยส์ ฟาน กัล ปีศาจแดงทุ่มงบให้ช้อปปิ้งนักเตะร่วมกันกว่า 350 ล้านปอนด์ แต่นักเตะที่ได้เข้าทีมมากลับเล่นกันไม่เอาอ่าวเลย ทั้งยังถูกวิจารณ์กันอย่างกว้างขวางจากทั้งสื่อและแฟนบอลด้วยว่า หลายดีลเป็นดีลที่ไม่คุ้มค่าเลย อาทิเช่น เมมฟิส เดอปาย, มารูยาน เฟลไลนี่, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ หรือแม้กระทั่ง ฮวน มาต้า ที่ดึงมาจากเชลซีก็ตาม ปีศาจแดงในยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หมดเงินไปกับการช้อปปิ้งนักเตะน้อยมาก และแม้ว่าจะมีนักเตะหลายรายที่ถูกทุ่มซื้อด้วยเงินก้อนโตเช่นกัน แต่ก็ล้วนเป็นนักเตะที่เล่นได้อย่างคุ้มค่า |
67
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 18, 2016, 01:38:27 PM
|
||
เริ่มโดย Newsman - กระทู้ล่าสุด โดย Newsman | ||
2 - 1 เรียกว่ายังคงต้องไปลุ้นเหนื่อยกันต่อทั้งสองทีมเลยในนัดที่สองของเกมรอบน็อกเอ้าต์ หรือรอบ 16 ทีมสุดท้ายศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก สำหรับสิงห์บลู เชลซี และปาริเซียง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เมื่อผลการแข่งขันในเกมนัดแรกนั้นจบลงไปแบบเฉียดฉิว 2-1 โดยเป็นชัยชนะของเจ้าบ้าน ซึ่งถือว่าไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบกันสักเท่าไหร่ เพราะแม้สิงห์บลูจะพ่ายแพ้แต่พวกเขาก็ได้อเวย์โกลกลับมา เท่ากับว่าถ้าพวกเขายิงประตูในบ้านได้แค่ประตูเดียวและไม่เสียประตู หรือชนะสกอร์ 1-0 ก็จะได้ผ่านเข้ารอบต่อไปทันทีนั่นเอง ทั้งนี้เกมระหว่าง เชลซี พบ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายถือเป็นหนึ่งไฮไลท์สำคัญประจำรอบเลย เนื่องจากทั้งสองทีมเวลานี้จัดได้ว่าเป็นทีมหัวแถวของยุโรป มีนักเตะระดับสตาร์อยู่แทบจะทั้งทีม โดยเฉพาะยอดทีมแชมป์ลีกเอิงนั้นช่วงหลังพวกเขาชัดเจนมากว่ามีแผนพัฒนาสโมสรให้ก้าวขึ้นเป็นเจ้ายุโรป และทุ่มเงินไปมากมายในการดึงนักเตะดาวดังระดับโลกมาเสริมทัพตลอดหลายซีซั่นหลัง สำหรับไฮไลท์ในเกมสิงห์บลูบุกพ่ายเปแอสเช 2-1 เจ้าบ้านเปแอสเชได้ประตูนำ1-0 จาก ซลาตัน อิบราฮิโมวิช นาทีที่ 39 แต่นาทีสุดท้ายของครึ่งเวลาแรก จอห์น โอบี มิเกล ก็มาตามตีเสมอให้ทีมเยือนเป็น 1-1 และจบครึ่งเวลาแรกไปด้วยสกอร์นี้ ครึ่งเวลาหลังนาทีที่ 78 เอดิสัน คาวานี่ มายิงประตูขึ้นนำ 2-1 ให้เจ้าบ้านและกลายเป็นประตูชัยไปในที่สุด ส่วนรูปเกมที่เกิดขึ้นตลอด 90 นาทีเจ้าบ้านทำได้ดีกว่าชัดเจน โดยครองบอลได้เยอะกว่าถึง 65%-35% สร้างสรรค์โอกาสจบสกอร์ได้รวม 16 ครั้ง และเป็นการสับไกเข้ากรอบถึง 8 ครั้ง ขณะที่ทีมเยือนสร้างโอกาสได้รวม 7 ครั้งเท่านั้น ลูกคอเนอร์ก็ได้มากกว่าถึง 9 ครั้งต่อ 3 ครั้ง สรุปคือเจ้าบ้านทำได้ดีกว่าทั้งรูปเกมและผลการแข่งขันที่ออกมานั่นเอง |
68
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 18, 2016, 01:26:10 PM
|
||
เริ่มโดย Newsman - กระทู้ล่าสุด โดย Newsman | ||
แม้ว่าผลงานในลีกจะยังลุ่มๆดอนๆ สามวันดีสี่วันไข้ แต่ในแง่ของกระแสตอบรับหรือความพึงพอใจที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงกุนซือของหงส์แดง จากการดึงเอา เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ชาวเยอรมันมาทำงานแทนที่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ตั้งแต่เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วยังถือว่านี่คือการเปลี่ยนแปลงที่น่าพอใจเลยทีเดียว เพราะนอกจากแฟนบอล เดอะ ค็อป จะไม่ได้ออกมากล่าวตำหนิติเตียนอดีตนายใหญ่ทีมเสือเหลืองแต่อย่างใดแล้ว ล่าสุด สตีเว่น เจอร์ราร์ด อดีตกองกลางระดับตำนานของทีม ที่ปัจจุบันเล่นให้ แอลเอ แกแล็กซี่ และยังคงติดตามผลงานของ หงส์แดง ในฐานะแฟนบอลคนนึงอยู่ได้ออกมากล่าวชี้ว่า ถือเป็นความโชคดีของ หงส์แดง แล้วที่ได้ เจอร์เก้น คล็อปป์ มากุมบังเหียนทีม ทั้งนี้ผลงานโดยรวมของทีม หงส์แดง หลังการเปลี่ยนแปลงตัวกุนซือในซีซั่นนี้ไม่นับว่าเปลี่ยนแปลงไปสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพิจารณาเฉพาะอันดับใน ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เพราะพวกเขายังคงอยู่ห่างจากเป้าหมายการจบท็อปโฟร์โดยยังคงทำแต้มหล่นหายบ่อยครั้งในการพบกับทีมเล็กๆ แต่เมื่อมองภาพรวมของฟุตบอลแล้วกลับเป็นอะไรที่น่าพอใจไม่น้อย เนื่องจากรูปแบบการเล่นที่เปลี่ยนแปลงไป หงส์แดง ในยุคของ คล็อปป์ มีการเล่นที่ดุดันขึ้น นักเตะมีความกระตือรือร้นมากขึ้นและก็มีหลายๆเกมที่พวกเขาเอาชนะคู่แข่งได้ด้วยสกอร์ที่ท่วมท้น อย่างเกมล่าสุดก็ถล่มเอาชนะแอสตัน วิลล่าไปได้ถึง 6-0 เช่นเดียวกับสถิติเวลาพบกับทีมใหญ่ๆก็ทำได้ดีกว่าในยุคของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เรียกว่าสามารถสู้กับทีมในระดับใกล้เคียงกันได้ดีกว่าเดิมนั่นเอง นอกจากนี้การเล่นในรายการฟุตบอลถ้วยก็มีผลงานที่ยอดเยี่ยมด้วย เมื่อได้ทะลุเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศ ศึกแคปปิตอลวัน คัพ แล้ว เจอร์ราร์ด กล่าวแสดงความเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของทีมว่าผมเป็นแฟนของเขาตั้งแต่เขาอยู่ ดอร์ทมุนด์ ผมติดตามเขาตลอด เราโชคดีมากๆเลยนะที่ได้เขามาคุมทีมตอนนี้ผมเองก็เริ่มสร้างความสัมพันธ์กับเขาไปบ้างแล้ว ในฐานะที่ผมเป็นแฟนบอลของหงส์แดง แล้วผมก็หวังว่าเขาจะพาเราประสบความสำเร็จได้ |
69
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 18, 2016, 01:19:39 PM
|
||
เริ่มโดย Newsman - กระทู้ล่าสุด โดย Newsman | ||
ต้องบอกว่าโผล่มาแบบแหวกกระแสเลยทีเดียวสำหรับทางด้านของ พอล พาร์คเกอร์ อดีตแข้งปีศาจแดงที่ได้กล่าวแสดงความเห็นต่อประเด็นการเปลี่ยนแปลงของอดีตต้นสังกัด ที่กำลังลือกันหนักในช่วงนี้ว่าอาจจะสั่งปลด หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือชาวดัตซ์แล้วดึงเอา โจเซ่ มูริญโญ่ อดีตนายใหญ่เชลซีมาทำหน้าที่แทน โดยท่ามกลางกระแสเชียร์ให้ทาง มูริญโญ่ ได้กุมบังเหียนปีศาจแดงจริงๆ รวมถึงการแสดงทัศนะของหลายๆคนว่า มูริญโญ่ คือคนที่เหมาะสมที่จะเป็นกุนซือคนต่อไปของปีศาจแดง พาร์คเกอร์ กล่าวแย้งว่า "มันไร้สาระสิ้นดีเลยที่บอกกันว่า มูริญโญ่ คือคนที่เหมาะสมที่จะเข้ามานำปีศาจแดงในช่วงเวลาที่วิกฤติแบบนี้ มูริญโญ่ ไม่เคยผ่านประสบการณ์แบบนี้เขาไม่เคยเริ่มต้นทำงานกับทีมไหนในช่วงเวลาที่ย่ำแย่ แถมในช่วงหลังเขาก็ทำให้นักเตะหลายคนสิ้นศรัทธาแล้วด้วย" "ดังนั้นผมจึงมองว่ามันไม่เหมาะเลยกับปีศาจแดงในตอนนี้ นักเตะหลายคนของปีศาจแดงก็คงคิดเหมือนกัน เวลานี้นักเตะปีศาจแดงต้องการโค้ชที่มีความอ่อนโยน ตอนนี้นักเตะรู้สึกไม่แฮปปี้กับการต้องทำงานกับโค้ชที่มีความเฮี้ยบเกินไป ผมจึงคิดว่ากุนซือแบบ ทิม เชอร์วู้ด น่าจะเหมาะและดูเป็นประโยชน์กับพวกเขามากกว่าเขามีวิธีการดูแลนักเตะที่ดี เขาจะทำให้นักเตะรู้สึกดีต่อเขาและกลับมารู้สึกดีต่อตัวเองด้วยคำพูดดีๆ นี่สิคือสิ่งที่ยูไนเต็ดกำลังต้องการ แต่มันก็น่าเสียดายนั่นแหละที่กุนซือลักษณะแบบ เชอร์วู้ด มักไม่ใช่แผนการทำทีมระยะยาวของทีมใหญ่ๆ" "แล้วตอนนี้ยูไนเต็ดก็กำลังโฟกัสไปที่แผนงานระยะยาวซะด้วย พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นเพราะหากรีรอ หรือทดลองแผนงานระยะสั้นไปเรื่อยๆ มันอาจทำให้พวกเขากลายเป็นแบบ ลิเวอร์พูล" (ที่ร้างราความสำเร็จในรายการลีกไปกว่า 24 ปีแล้ว) ที่ผ่านมามูริญโญ่มีปัญหาในการทำงานร่วมกับนักเตะทั้งในทีม เชลซี และ เรอัล มาดริด จนเป็นหนึ่งเหตุสำคัญให้ต้องออกจากตำแหน่ง |
70
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2016, 11:02:02 PM
|
||
เริ่มโดย Newsman - กระทู้ล่าสุด โดย Newsman | ||
เรียกว่าไม่ลองไม่รู้เลยงานนี้สำหรับทางด้านของ จอห์น อัลดริดจ์ อดีตนักเตะระดับตำนานของหงส์แดงที่ได้ออกมากล่าวเชิงแนะ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือของทีมคนปัจจุบันว่าให้ลองใช้งานสองนักเตะกองหน้าชื่อดังของทีม “แดเนียล สเตอร์ริดจ์” และ “คริสเตยอง เบนเทเก้” ในการลงล่าตาข่ายคู่กัน ซึ่งอาจทำให้ได้ผลดีเกินคาดแม้ว่าช่วงที่ผ่านมาฝ่ายหลังจะโชว์ฟอร์มได้สุดบู่ก็ตาม ทั้งนี้ซีซั่นนี้ เบนเทเก้ กับ สเตอร์ริดจ์ ยังไม่ได้ลงเล่นคู่กันให้หงส์แดงแบบเป็นเรื่องเป็นราวสักเท่าไหร่ เพราะในรายของ สเตอร์ริดจ์ นั้นอย่างที่ทราบกันว่าใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการรักษาอาการบาดเจ็บ และเรียกสภาพความฟิตจึงทำให้ทุกคนก็ยังไม่เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมเช่นกันว่า การเล่นคู่กันของทั้งคู่นั้นจะเวิร์กสำหรับหงส์แดงหรือไม่ อย่างไรก็ตามเวลานี้ทั้ง เบนเทเก้ และ สเตอร์ริดจ์ ถือว่าได้กลับมาอยู่ในสภาพพร้อมลงสนามทั้งคู่แล้ว อัลดริดจ์ ตำนานนักเตะยุครุ่งเรืองของหงส์แดง จึงได้ออกมากล่าวแนะผ่านคอลัมน์ในสื่อท้องถิ่น “ลิเวอร์พูล เอ็คโค่” ว่าตอนนี้คล็อปป์ได้นักเตะหลายคนคืนกลับมาจากอาการบาดเจ็บแล้ว นั่นหมายความว่ามันไม่ได้มีความจำเป็นที่เขาจะต้องเปลี่ยนแปลงนักเตะแบบยกชุด (ส่งผู้เล่นสำรองและดาวรุ่งลง) ในเกมฟุตบอลถ้วย บางที สเตอร์ริดจ์ และ เบนเทเก้ อาจเป็นสองนักเตะคนสำคัญที่ทำให้พวกเขาได้ไปต่อในรายการเอฟเอคัพ (หงส์แดงมีคิวลงทำศึกเอฟเอคัพรอบสี่นัดรีเพลย์พบ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด) "ผมว่าบางทีคุณอาจเลือกส่ง เบนเทเก้ ลงยืนเป็นตัวจริงแล้วส่ง สเตอร์ริดจ์ ลงไปเติมในฐานะตัวสำรอง โดยให้คนใดคนนึงยืนต่ำลงมา และมีการเล่นที่อิสระซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเล่นของอีกคนได้ดีในจังหวะเข้าชาร์ต จบสกอร์ ผมว่าเขาน่าจะประสานงานกันได้อย่างยอดเยี่ยมนะ สเตอร์ริดจ์เป็นนักเตะที่ฉลาดอยู่แล้ว และเบนเทเก้ก็ต้องการนักเตะแบบนี้แหละคอยเล่นอยู่ด้านหลังเขา" |