หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 10
 21 
 เมื่อ: เมษายน 28, 2016, 12:58:02 AM 
เริ่มโดย Newsman - กระทู้ล่าสุด โดย Newsman

       งานนี้ต้องบอกว่าทำเอา อาร์แซน เวนเกอร์ ปวดหัวไปได้เลยเหมือนกันสำหรับทางด้านของเสือใต้ บาเยิร์น มิวนิค ยอดสโมสรแห่ง บุนเดสลีกา เยอรมัน เพราะล่าสุดมีรายงานข่าวออกมาว่าทางยอดทีมเมืองเบียร์กำลังเล็งฉกตัว อเล็กซิส ซานเชซ ดาวเตะคนสำคัญของทีมปืนโตมาเสริมแกร่ง

       โดยตามรายงานจากสื่อดังเมืองผู้ดีอย่าง เดลี่ มิร์เร่อร์ ระบุว่าทางเสือใต้ได้ทำการติดต่อสอบถามถึงความเป็นไปได้ที่จะซื้อดาวเตะชิลีจากปืนโตแล้ว

       สำหรับสถานการณ์ของ อาร์เซน่อล และ อเล็กซิส ในช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างชัดเจนว่าปืนโตยังต้องการเก็บนักเตะไว้ใช้งานต่อไป ซึ่งทาง อาร์แซน เวนเกอร์ ก็ได้ออกมากล่าวยืนยันเองเมื่อราวหนึ่งเดือนที่ผ่านมาว่าต้องการต่อสัญญากับนักเตะ และคิดว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยในช่วงซัมเมอร์นี้

       อย่างไรก็ตามตัวนักเตะเองเคยได้ออกมาเผยความรู้สึกเหมือนกันว่าไม่ได้ปิดโอกาสย้ายทีม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีข้อเสนอที่เหมาะสม และเป็นทีมที่ตนเองคิดว่าจะนำไปสู่ความสำเร็จในวิถีทางของฟุตบอลได้ ก็พร้อมจะพิจารณา

       ดังนั้นการออกมาตีข่าวครั้งนี้ของสื่อผู้ดีเกี่ยวกับความสนใจจาก บาเยิร์น มิวนิค จึงนับเป็นเรื่องที่น่าสนใจติดตามดูมากทีเดียว เพราะว่ากันตรงๆด้วยสถานการณ์แบบนี้หากบาเยิร์น มิวนิคสนใจในตัวนักเตะจริงตามข่าว และพร้อมจ่ายค่าตัวนักเตะที่เหมาะสมให้กับทีมปืนโตก็คงเป็นเรื่องยากแล้วที่ปืนโตจะรั้งนักเตะต่อไป

       สำหรับ อเล็กซิส ซานเชซ นั้นย้ายจาก บาร์เซโลน่า มาเล่นกับทีมปืนโตเป็นซีซั่นที่สองแล้ว โดยนักเตะทำผลงานได้ดีทันทีตั้งแต่ซีซั่นแรก แต่ก่อนที่จะย้ายซบทีมปืนโตนักเตะก็ได้รับความสนใจจากสโมสรใหญ่อื่นๆเช่นกัน อาทิเช่น ลิเวอร์พูล เพราะจะว่าไปฟอร์มการเล่นของนักเตะก็ดี และดูโดดเด่นตั้งแต่อยู่ บาร์เซโลน่า แล้วแม้ว่าบทบาทโดยรวมจะไม่ใช่นักเตะตัวหลักของอาซูกราน่าแบบเต็มตัวก็ตาม

 22 
 เมื่อ: เมษายน 24, 2016, 01:53:58 PM 
เริ่มโดย Newsman - กระทู้ล่าสุด โดย Newsman

       ต้องบอกว่าไม่มีปัญหาคาใจอะไรใดๆทั้งนั้นเลยสำหรับการออกมากล่าวเผยจากทาง ดาบิด เด เกอา นายด่านจอมหนึบของทีมปีศาจแดง ถึงความสัมพันธ์ระหว่างกุนซือชาวดัตซ์ “หลุยส์ ฟาน กัล” ถึงแม้ว่าในช่วงซัมเมอร์เจ้าตัวจะออกอาการงอแง จะย้ายทีมกลับบ้านเกิดไปเล่นกับทีมราชันชุดขาว กระทั่งถูกนายใหญ่รายนี้ตัดชื่อออกจากทีม และเลือกส่ง เซร์คิโอ โรเมโร่ นายประตูที่เพิ่งดึงมาร่วมทีมใหม่ในช่วงซัมเมอร์ลงเป็นมือหนึ่งแทนช่วงออกสตาร์ทซีซั่นก็ตาม

       ทั้งนี้ดังที่ทราบกันว่าอนาคตของ ดาบิด เด เกอา กับทีมปีศาจแดงดูร่อแร่มากในช่วงต้นซีซั่น และนักเตะก็ใกล้เคียงกับการจะได้ย้ายซบ เรอัล มาดริด ในวันเส้นตายตลาดซื้อขายซัมเมอร์ ทว่าที่สุดแล้วเหตุการณ์กลับตาลปัตร เมื่อทั้งสองทีมไม่สามารถจัดการเอกสารการย้ายทีมของนักเตะส่งให้ทางฟีฟ่าได้ทันเวลา ดีลจึงล่มลงไม่เป็นท่า

       และกลายเป็นว่านักเตะได้สัญญาใหม่จากปีศาจแดง พร้อมกับมายึดตำแหน่งมือหนึ่งของทีมดังเดิมปล่อยให้ โรเมโร่ จับเจ่าอยู่ข้างสนามแทนมาจนถึงวันนี้

        เด เกอา เผยถึงความสัมพันธ์ระหว่างกุนซือชาวดัตซ์ หลังจากผ่านพ้นสถานการณ์อันตึงเครียดเมื่อช่วงซัมเมอร์ว่า "ความสัมพันธ์ของเรามันยอดเยี่ยมมาก ไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น ผู้จัดการทีมเป็นคนที่มีบุคลิกที่แข็งแกร่งมากๆ และก็ทำงานอย่างหนักร่วมกับนักเตะรวมถึงสต๊าฟโค้ชของเขาตลอด ผมคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเราดีมากนะทั้งเขาผมและเพื่อนร่วมทีมรายอื่นๆ"

       อย่างไรก็ตามแม้ว่าทาง เด เกอา จะยืนยันถึงความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยมกับหลุยส์ ฟาน กัล และเพิ่งจะได้สัญญาใหม่จากทีมปีศาจแดงไปเมื่อช่วงซัมเมอร์แต่ที่ผ่านมา ระหว่างซีซั่นก็ยังคงมีข่าวลือตามมาว่าทีมราชันชุดขาวจะหวนกลับมาล่าลายเซ็นนักเตะอีกครั้งในตลาดซัมเมอร์หลังจบซีซั่นนี้ ดังนั้นอนาคตของนักเตะในถิ่นโอลแทรฟฟอร์ดต่อจากนี้จึงบอกได้ว่ายังไม่มีอะไรแน่นอนเช่นกัน

 23 
 เมื่อ: เมษายน 24, 2016, 12:57:01 AM 
เริ่มโดย Newsman - กระทู้ล่าสุด โดย Newsman

       เรียกว่าสบายใจหายห่วงเลยงานนี้สำหรับ เวย์น รูนี่ย์ หัวหอกผู้ดีวัยเก๋า เพราะแม้ว่าในปัจจุบันจะมีนักเตะกองหน้าผู้ดีหลายรายโชว์ฟอร์มขึ้นมาได้อย่างโดดเด่นชนิดเตะตา รอย ฮ็อดจ์สัน นายใหญ่ทัพสิงโตคำรามเต็มๆ อาทิเช่น เจมี่ วาร์ดี้ ที่กำลังพา เลสเตอร์ ลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกอยู่ แฮร์รี่ เคน ที่ก็กำลังพาท็อตแน่ม ฮอต สเปอร์ส ยื้อแชมป์อยู่เช่นกัน รวมไปถึง ธีโอ วัลค็อตต์, แดนนี่ เวลเบค จากอาร์เซน่อล แอนดี้ แคร์โรลล์ จากเวสต์แฮม ยูไนเต็ดที่เป็นตัวเลือกรองๆมาอีก

       แต่ทางนายใหญ่สิงโตก็ยังยืนยันว่ายังไงเขาก็จะต้องนำหัวหอกปีศาจแดงติดธงไปลุยยูโร 2016 ด้วยกันอย่างแน่นอน โดยแจงว่าการมีกองหน้าตัวเลือกดีหลายรายให้ตนเองเลือกใช้สอยนั้น ไม่ใช่ประเด็นที่จะทำให้ชั่งใจตัดรูนี่ย์ที่เป็นกัปตันทีมตัวจริงออกจากทีมเลย

       สำหรับรูนี่ย์ในระยะหลังถือว่ามีปัญหาเรื่องความสม่ำเสมอของฟอร์มการเล่น และปัญหาตำแหน่งการเล่นทั้งในทีมสโมสร และทีมชาติด้วยแม้ว่านักเตะจะเป็นกัปตันทีมของทั้งแมนฯยู และทัพสิงโตคำรามก็ตาม

       โดยในการลงเล่นกับปีศาจแดงนัดล่าสุดเจ้าตัวก็ต้องลงเล่นในบทบาทมิดฟิลด์ด้วยเหตุว่า มาร์คัส แรชฟฟอร์ด กองหน้าดาวรุ่งของทีมนั้นทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในช่วงที่ผ่านมาจน หลุยส์ ฟาน กัล ไม่อาจดร็อปนักเตะได้ ฮ็อดจ์สันซึ่งก็กำลังมีปัญหาหนักใจในการเลือกใช้งาน และวางตำแหน่งนักเตะในทีมชาติกล่าวถึงประเด็นนี้ว่า

       "แน่นอนล่ะตอนนี้เมื่อมีนักเตะหลายรายเข้ามาเป็นคู่แข่งเขาในตำแหน่งกองหน้า ก็ต้องเกิดคำถามว่าแล้วเขาจะได้ลงเล่นตรงไหน? แต่นั่นมันคนละเรื่องกับการที่ว่าจะเอาเขาติดทีมไปด้วยไหม มันมีการวิจารณ์ออกมาเหมือนกันว่าผมควรตัดเขาออกจากทีม แต่บอกตรงๆผมไม่เคยเข้าใจเรื่องพวกนี้เลย เขาทำหน้าที่กัปตันทีมของเขาอย่างดีมาตลอดสองปีหลังที่เล่นให้ทีมชาติ ดังนั้นไม่มีเหตุผลใดๆทั้งนั้นที่ผมจะตัดเขาออกไป จะว่าไปเขาเป็นคนแรกด้วยซ้ำที่ได้สิทธิ์การันตีเป็นหนึ่งใน 23 นักเตะที่จะได้ไปเล่นทัวร์นาเม้นท์นี้"

 24 
 เมื่อ: เมษายน 23, 2016, 01:37:59 PM 
เริ่มโดย Newsman - กระทู้ล่าสุด โดย rena36704
 ??? ???จริงดิ

 25 
 เมื่อ: เมษายน 21, 2016, 05:05:49 PM 
เริ่มโดย Newsman - กระทู้ล่าสุด โดย Newsman

       ต้องบอกว่าน่าจะเป็นข่าวดีของแฟนบอลเดอะค็อปอยู่เหมือนกันงานนี้ สำหรับการออกมากล่าวเผยของ มาริโอ บาโลเตลลี่ กองหน้าอิตาเลี่ยน ถึงความต้องการในอนาคตของตนเองซึ่งระบุชัดเจนว่าในซีซั่นหน้าเจ้าตัวไม่อยากที่จะกลับไปค้าแข้งกับหงส์แดง ลิเวอร์พูล แล้ว

       ทั้งนี้อย่างที่ทราบกันดีว่าเมื่อสองซีซั่นก่อนหงส์แดงทุ่มเงิน 16 ล้านปอนด์ดึงกองหน้าจอมเกรียนมาจาก เอซี มิลาน ด้วยความคาดหวังที่สูงทีเดียว หลังจากพวกเขาตัดสินใจขาย หลุยส์ ซัวเรซ ไปให้กับ บาร์เซโลน่า ว่ากันง่ายๆคือ บาโลเตลลี่ ถูกหลายคนคาดหวังว่าจะเข้ามาเป็นกองหน้าตัวหลักของทีมแทนที่ของ หลุยส์ ซัวเรซ นั่นเอง

       ทว่าเส้นทางการค้าแข้งใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คำรบที่สองของเกรียนโอ้กลับไม่สดใสดังที่หวัง นักเตะยังคงมีปัญหาเรื่องพฤติกรรมเกรียนทั้งในและนอกสนาม รวมถึงมีปัญหาเรื่องความทุ่มเท และสปิริตในการทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมทีมหลายอื่นๆ ซีซั่นแรกของเกรียนโอ้กับหงส์แดง จึงผ่านไปแบบแทบจะผลิตสกอร์ให้ทีมไม่ได้เลย

        จากผลงานอันย่ำแย่นี้จึงทำให้หงส์แดงเลือกตัดสินใจปล่อยนักเตะกลับไปเล่นกับต้นสังกัดเดิมแบบยืมตัวในซีซั่นนี้ โดยที่ช่วงกลางซีซั่นก็มีข่าวลือเกี่ยวกับการดึงนักเตะกลับคืนถิ่นแอนฟิลด์ออกมาบ้าง หลังจากที่หงส์แดงมีการเปลี่ยนแปลงตัวกุนซือด้วยการปลด เบรนแดน ร็อดเจอร์ส และแต่งตั้ง เจอร์เก้น คล็อปป์ ขึ้นแทนในช่วงต้นซีซั่น

       อย่างไรก็ตามล่าสุด มาริโอ บาโลเตลลี่ ออกมาเผยถึงความรู้สึกของตนเองผ่านสื่ออย่าง มีเดียเซ็ต พรีเมียม ว่า "ผมยังอยากอยู่ที่มิลาน ผมไม่อยากกลับไปลิเวอร์พูลแล้ว ตลอดเวลาที่ผมอยู่ที่นั่นผมไม่เคยมีความสุขเลย และสโมสรอย่างมิลานเองก็มีเงินเหมือนกันพวกเราไม่ได้มีปัญหาการเงินแต่อย่างใด"

       ก่อนหน้าที่จะล้มเหลวกับหงส์แดง บาโลเตลลี่ เคยค้าแข้งกับเรือใบสีฟ้า แมนฯซิตี้ มาแล้วและจากพฤติกรรมสุดเกรียนนอกสนามเองที่ทำให้เจ้าตัวล้มเหลว จนย้ายกลับอิตาลีเฉกเช่นในครั้งล่าสุดนี้


 26 
 เมื่อ: เมษายน 21, 2016, 04:46:11 PM 
เริ่มโดย Newsman - กระทู้ล่าสุด โดย Newsman

       มีลุ้นว่าจะได้เห็นข่าวดีในเร็วๆนี้ซะแล้วสำหรับแฟนบอลเดอะค็อปของหงส์แดง ลิเวอร์พูล เมื่อล่าสุดมีข่าวลือออกมาสะพัดเลยว่าเวลานี้มีอภิมหาเศรษฐีจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตกำลังเตรียมงบ 700 ล้านปอนด์ เทคโอเวอร์สโมสรหงส์แดงจาก แฟนเวย์ สปอร์ต กรุ๊ป กลุ่มทุนสัญชาติอเมริกาที่บริหารสโมสรอยู่เวลานี้

       ทั้งนี้หงส์แดงในยุคปัจจุบันมีเป้าหมายที่จะพัฒนาตนเองกลับขึ้นมาเป็นทีมลำดับต้นๆของพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเป้าหมายการทวงคืนความสำเร็จในรายการลีก ที่พวกเขาร้างลาไปนานกว่า 25 ปีแล้ว โดยในยุคของการบริหารงานโดยแฟนเวย์สปอร์ตกรุ๊ปที่มีประธานสโมสรเป็น จอห์น ดับเบิ้ลยู เฮนรี่ ได้มีการทุ่มงบเพื่อเปลี่ยนแปลงทีมไปมากมายเช่นกัน

       แต่โดยรวมก็ยังถือว่าการเปลี่ยนแปลงของพวกเขายังคงไม่เป็นผลดีนัก ทั้งยังติดปัญหาใหญ่ในแง่ของการต้องสู้กับบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ในอังกฤษที่มีเงินถุงเงินถังไว้คอยยกระดับทีมอยู่ตลอดเวลา ทั้งเชลซีที่มีเจ้าของทีมเป็นมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย “โรมัน อับราโมวิช” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่มี ชีค มานซุร์ สมาชิกราชวงศ์อาบูดาบีแห่งยูเออีเป็นเจ้าของ

       จนกระทั่งมีการลือออกมาว่าบางทีการมีมหาเศรษฐีจากอาหรับติดต่อขอซื้อสโมสรอาจทำให้ แฟนเวย์ สปอร์ต กรุ๊ป ถอดใจในการบริหารหงส์แดงต่อ และตัดสินใจขายหากได้ราคาที่เหมาะสม

       สำหรับข่าวลือที่สื่อตีออกมาล่าสุดระบุว่าผู้ที่สนใจซื้อสโมสรหงส์แดง และน่าจะมีการติดต่อพูดคุยกับทางแฟนเวย์ สปอร์ตกรุ๊ปในเบื้องต้นแล้วด้วยก็คือ เครือญาติของทาง ชีค มานซูร์ เจ้าของทีมแมนฯซิตี้นั่นเอง

       ตามการคาดเดาของสื่อ ชีค คาลิฟา ประธานาธิบดีแห่งยูเออี ซึ่งมีทรัพย์สินมากกว่าชีค มานซูร์ด้วย ในส่วนของมูลค่าสโมสรลิเวอร์พูลปัจจุบันมีมูลค่า 650 ล้านปอนด์แต่ทางชีค คาลิฟาพร้อมที่จะจ่ายให้กับทางเอฟเอสจีเป็นเงินกว่า 700 ล้านปอนด์สำหรับค่าเทคโอเวอร์

       หากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เกิดขึ้นจริงก็มีความเป็นไปได้สูงเลยที่หงส์แดงจะถูกยกระดับทีมแบบก้าวกระโดด กระทั่งกลับขึ้นมาคว้าแชมป์ลีกอย่างรวดเร็วเหมือนกับที่เชลซี และแมนฯซิตี้ทำมาแล้ว

 27 
 เมื่อ: เมษายน 21, 2016, 04:41:28 PM 
เริ่มโดย Newsman - กระทู้ล่าสุด โดย Newsman

       ต้องบอกว่าเป็นการพิจารณาโทษแบบเด็ดขาด และเป็นมาตรฐานเดียวกันเลยสำหรับประเด็นความผิดของ เจมี่ วาร์ดี้ และสโมสร เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในเกมล่าสุดที่พวกเขาเปิดบ้านไล่ตีเจ๊า เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ไป 2-2

       เพราะล่าสุดมีการออกมาตั้งข้อหาจากสมาคมลูกหนังอังกฤษหรือเอฟเอใส่ เจมี่ วาร์ดี้ แล้ว โดยเป็นข้อหาเพิ่มเติมจากกรณีที่นักเตะโดนใบเหลืองสองใบกลายเป็นใบแดง แล้วไปต่อว่าผู้ตัดสิน จอน มอสส์ ก่อนออกจากสนามด้วยคำหยาบ

       เป็นความผิดฐานแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม ซึ่งหาก เลสเตอร์ ซิตี้ ไม่ทำการอุทธรณ์ข้อกล่าวหานี้ของ วาร์ดี้ ก่อนเวลาหกโมงเย็นของวันที่ 21 เมษายน นักเตะก็จะโดนแบนเพิ่มทันทีหนึ่งเกม ตามบทลงโทษเช่นกรณีที่ ดีเอโก้ คอสต้า กองหน้าเชลซีเคยได้รับมาแล้ว แต่หากว่า เลสเตอร์ ซิตี้ เลือกที่จะยื่นอุทธรณ์ก็จะต้องมีการรับคำชี้แจงจากทางเลสเตอร์ เพื่อประกอบการพิจารณาอีกครั้ง

       อย่างไรก็ตามนอกจากข้อหาแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมของวาร์ดี้แล้ว เอฟเอก็ยังได้ตั้งข้อหาใส่ สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ จากกรณีเหตุการณ์ที่นักเตะในทีมเลสเตอร์แสดงความไม่พอใจ หลังจากที่ผู้ตัดสิน จอน มอสส์ เป่าให้จุดโทษกับเวสต์แฮม ยูไนเต็ดในนาทีที่ 83 ของเกมการแข่งขันอีกด้วย โดยเป็นข้อหาไม่สามารถควบคุมนักเตะของตนเองได้

       สำหรับประเด็นจุดโทษดังกล่าวถือเป็นหนึ่งไฮไลท์ที่ถูกพูดถึงหลังเกมมากที่สุดด้วยว่า ในจังหวะนั้นมีนักเตะของเลสเตอร์ดึงนักเตะทีมเยือนในกรอบเขตโทษจริง  ทว่าจังหวะการล้มลงของนักเตะทีมเยือนกลับเป็นการล้มพุ่งไปข้างหน้าเลย โดยเปรียบเทียบกับการที่วาร์ดี้โดนใบเหลืองที่สองไล่ออกจากสนามด้วยข้อหาพุ่งล้ม

       กระนั้นในส่วนของบทลงโทษข้อหานี้ของสโมสรเลสเตอร์ตามการรายงานข่าวจากสื่อ ยังไม่ได้มีระบุออกชัดเจนว่าจะเป็นการลงโทษแบบใด แต่พอคาดเดาได้ว่าน่าจะเป็นการลงโทษปรับเงินคล้ายๆกับหลายเคสเดิมๆ ที่เอฟเอตั้งข้อหาใส่สโมสรต่างๆซึ่งไม่ใช่ความผิดแบบเจาะจงนักเตะรายใดรายหนึ่ง


 28 
 เมื่อ: เมษายน 17, 2016, 11:42:37 PM 
เริ่มโดย Newsman - กระทู้ล่าสุด โดย Newsman

       เรียกว่าเป็นอะไรที่น่าประหลาดใจอยู่เหมือนกัน สำหรับการออกมากล่าวถึงผู้เล่นที่รับมือได้ยากที่สุดจาก มามาดู ซาโก้ ปราการหลังทีมชาติฝรั่งเศสของหงส์แดง ลิเวอร์พูล เพราะนักเตะที่เจ้าตัวยกย่องให้เป็นแข้งที่รับมือได้ยากที่สุดนั้นคือในรายของ ฮาเต็ม เบน อาร์กฟา ตัวรุกของนีซ ทีมดังในลีกเอิง ฝรั่งเศส ทั้งยังยกให้เป็นนักเตะที่ต่อกรยากกว่า ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สองซุปตาร์แห่งยุคของบาร์เซโลน่า แลเรอัล มาดริดตามลำดับด้วยซ้ำ

       ทั้งนี้การกล่าวเปิดเผยถึงแข้งที่รับมือได้ยากที่สุดจากบรรดากองหลังชื่อดัง ถือเป็นเรื่องที่มีให้ได้เห็นกันเรื่อยๆอยู่แล้ว ในแวดวงข่าวสารฟุตบอล โดยจะมีนักเตะกองหลังชื่อดังจากสโมสรต่างๆออกมาเผยถึงชื่อของนักเตะแนวรุก ที่ตนเองปวดหัวกับการต้องรับมือด้วยมากที่สุดซึ่ง โดยส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นแข้งชั้นนำระดับท็อปของโลกในยุคนั้นๆ

       อย่างไรก็ตาม มามาดู ซาโก้ ซึ่งเคยได้มีโอกาสดวลแข้งกับทั้ง ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สองแข้งเทพแห่งยุคมาแล้ว กล่าวเผยว่าแข้งที่ตนเองรู้สึกว่ารับมือได้อย่างที่สุดคือ ฮาเต็ม เบน อาร์กฟา หากใช่แข้งชั้นนำสองรายดังกล่าวหรือแข้งระดับท็อปของโลกรายใดแต่อย่างใด

       ซาโก้ กล่าวอธิบายกับสื่อที่เลือกยกให้ เบน อาร์กฟา เป็นแข้งรับมือยากสุดว่า "ผมเองได้มีโอกาสดวลกับเมสซี่ และโรนัลโด้มาแล้วบางทีพวกเขาทั้งสองก็ไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่พีคสุดของตัวเอง ผมกลับรู้สึกประทับใจฮาเต็ม เบน อาร์กฟามากกว่าตอนที่เขาอยู่กับโอลิม ลียง เขาสุดยอดมากๆ สิ่งที่เขาทำได้ในสนามนั้นมันเป็นอะไรที่พิเศษมากๆ" (ซาโก้ ได้มีโอกาสดวลกับ อาร์กฟา ตอนที่เจ้าตัวยังค้าแข้งอยู่กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง)

        สำหรับ มามาดู ซาโก้ ในทีมหงส์แดงปัจจุบันถือว่ากลายเป็นหนึ่งคีย์แมนในเกมรับไปแล้ว แม้ว่าในช่วงเริ่มต้นย้ายมาค้าแข้งใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ใหม่ๆยุคของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เจ้าตัวจะเริ่มต้นได้ค่อนข้างตะกุกตะกักจากปัญหาการปรับตัวก็ตาม

 29 
 เมื่อ: เมษายน 17, 2016, 10:50:00 PM 
เริ่มโดย Newsman - กระทู้ล่าสุด โดย Newsman

       เรียกว่าไม่ใช่ผู้วิเศษมาจากไหนหากแต่ผลงานที่ออกมาประจักษ์แก่สายตาคนทั้งโลกนั้น มาจากเบื้องหลังการทำงานหนักล้วนๆเลย สำหรับคำกล่าวให้สัมภาษณ์ครั้งล่าสุดของกุนซือป็อปปูล่าที่สุด ณ เวลานี้อย่าง เคลาดิโอ รานิเอรี่ หลังถูกสื่อถามถึงความรู้สึกที่ถูกสื่อทั่วโลกโดยเฉพาะในยุโรปตีข่าวถึงอย่างต่อเนื่อง

       ทั้งนี้อย่างที่ทราบกันรานิเอรี่เข้ามาทำทีม เลสเตอร์ ซิตี้ ในซีซั่นนี้ และกำลังพาทีมสร้างประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ ด้วยการเดินหน้าคว้าแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดี หลังผ่าน 33 เกมไปแล้ว และยังนำเป็นจ่าฝูง ด้วยจำนวนแต้มที่มากกว่าอันดับสองอยู่ถึงเจ็ดแต้ม

       ทั้งๆที่ก่อนเปิดซีซั่นแทบไม่มีใครมองว่า ทีมจิ้กจอกสยาม จะเป็นหนึ่งทีมที่ลุ้นจบห้าอันดับแรกของตารางคะแนนด้วยซ้ำ จากผลงานดังกล่าวนี้ จึงทำให้หลายสื่อตีข่าวตีสกู๊ปของ รานิเอรี่ ออกมามากมาย ล่าสุดก็เป็นสื่อในอิตาลีเจ้านึงที่ลงภาพของเจ้าตัวในหน้าหนึ่งของเล่มเลย

       อย่างไรก็ตาม รานิเอรี่ ออกมากล่าวแบบหล่อๆดังเช่นทุกครั้งที่เจ้าตัวให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ตนเองนั้นไม่ใช่ผู้วิเศษมาจากไหนที่เข้ามาสร้างปาฏิหาริย์ให้กับทีมจิ้กจอก หากแต่ผลงานที่ออกมานั้นเป็นผลพวงมาจากความตั้งใจทุ่มเททำงานหนักร่วมกับนักเตะ พร้อมกับอธิบายถึงสิ่งที่ทำให้การทำงานกับ เลสเตอร์ ซิตี้ แตกต่างไปจากการทำงานร่วมกับทีมชาติกรีซ ที่ตัวเขาโดนเด้งลงจากตำแหน่งด้วยว่า

       "มันเป็นเรื่องที่ดีนะ แต่จะว่าไปผมก็เคยได้ลงหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ในอิตาลีรวมถึงกรีซหลายครั้งแล้ว (เมื่อครั้งโดนเด้งลงจากตำแหน่งกุนซือทีมชาติกรีซ) ที่จริงผมก็เป็นผู้จัดการทีมธรรมดาๆนี่แหละ ทุกอย่างเหมือนเดิมเลยตอนที่ผมอยู่กรีซผมมีโอกาสได้ทำงานร่วมกับนักเตะเพียง 15 ครั้งเองจากระยะเวลา 4 เดือน ว่ากันก็คือผมมีโอกาสได้เตรียมทีมก่อนลงสนามแข่งจริงแค่ครั้งละสามวัน แถมไม่มีเกมอุ่นเครื่องให้เล่นอีกมันแตกต่างจากการทำงานร่วมกับสโมสรอย่างต่อเนื่อง ผมไม่ใช่ผู้วิเศษมาจากไหน กับการไม่มีอะไรให้ได้ทำอย่างนั้นแล้วผมจะไปช่วยทีมได้อย่างไร"

 30 
 เมื่อ: เมษายน 16, 2016, 12:57:42 PM 
เริ่มโดย Newsman - กระทู้ล่าสุด โดย Newsman

       เรียกว่าได้เฮกันสนั่นลั่นเรือเลยงานนี้สำหรับแฟนบอลของทีมเรือใบสีฟ้า แมนฯซิตี้ เพราะล่าสุดมีการออกมาคอนเฟิร์มข่าวของ อิลคาย กุนโดกัน มิดฟิลด์ตัวเก่งทีมชาติเยอรมันจากสื่อในเมืองผู้ดีแล้วว่า ยอดทีมมหาเศรษฐีเรือใบนั้นได้คว้าตัวนักเตะเข้าเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์นี้แน่นอนแล้ว โดยสามารถตกลงค่าตัวกับทางต้นสังกัด ดอร์ทมุนด์ ได้ที่ 30 ล้านปอนด์

       ทั้งนี้ตลอดช่วงที่ผ่านมา กุนโดกัน ถือเป็นหนึ่งนักเตะที่ถูกพูดถึงเรื่องประเด็นอนาคตในซีซั่นหน้ามากที่สุด สื่อเจ้าดังพากันโหมข่าวเชื่อมโยงนักเตะเข้ากับสองทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์ แมนฯยูไนเต็ด และ แมนฯซิตี้ ขณะที่ตัวนักเตะเองก็เหมือนจะแสดงออกมาว่าต้องการย้ายออกจาก ซิกนัล อิดูน่าพาร์ค เพื่อไปหาความท้าทายใหม่ๆในอาชีพค้าแข้ง

       อย่างไรก็ตาม เดอะ ซัน สื่อจอมแฉของอังกฤษออกมาเผยแล้วว่า แมนฯยูไนเต็ด อกหักหมดสิทธิ์กับดีลนี้แน่นอนเพราะทางนักเตะ ต้นสังกัด และทีมเรือใบได้ตกลงดีลกันเรียบร้อยแล้ว และทางเรือใบสีฟ้าจะจ่ายเงินจำนวน 30 ล้านปอนด์ให้เป็นค่าตัวนักเตะ

       นอกจากนี้ยังมีรายงานเพิ่มเติมไปอีกด้วยว่านักเตะได้เข้าพูดคุยกับทาง โจเซป กวาร์ดิโอล่า นายใหญ่คนใหม่ของซิตี้ที่จะเข้ามาทำงานในซัมเมอร์แล้วด้วย ดังนั้นถึงตอนนี้หากไม่มีอะไรผิดพลาดแฟนบอลเรือใบก็เตรียมรอต้อนรับนักเตะพร้อมๆกับกุนซือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ในซัมเมอร์นี้ได้เลย

       สำหรับทีมเรือใบสีฟ้าในช่วงหลังถือได้ว่าค่อนข้างมีปัญหาขุมกำลังในแดนกลางอยู่พอสมควร และอาจเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้ฟอร์มการเล่นของพวกเขาวูบลงในซีซั่นก็ได้ เนื่องจากนักเตะอย่าง ยาย่า ตูเร่ นั้นเริ่มโรยราลงด้วยอายุอานาม ขณะที่นักเตะรายอื่นอย่าง แฟร์นานดินโญ่ เฟอร์นานโด ก็ไม่ใช่นักเตะประเภทที่จะบู๊ทำเกมให้กับทีมได้การทุ่มดึงเอา อิลคาย กุนโดกัน เข้ามาเสริมทัพครั้งนี้จึงนับเป็นหนึ่งการเปลี่ยนแปลงสำคัญของพวกเขาเลยทีเดียว

หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 10