หน้า: 1 [2] 3 4 ... 10
 11 
 เมื่อ: พฤษภาคม 06, 2016, 03:34:15 PM 
เริ่มโดย Newsman - กระทู้ล่าสุด โดย Newsman

       ใกล้ที่จะได้ความชัดเจนกันแล้วงานนี้ในส่วนของอนาคต อัลบาโร่ โมราต้า หัวหอกสแปนิชของทีมม้าลาย ยูเวนตุส เพราะหลังจากที่มีการลือกันไปต่างๆนานาในช่วงที่ผ่านมา ล่าสุด เป๊ปเป้ มาร็อตต้า ผู้อำนวยการทั่วไปของสโมสรม้าลายก็ได้ออกมาเผยแล้วว่า เขากำลังเตรียมที่จะพูดคุยกับสโมสร เรอัล มาดริด ยักษ์ใหญ่แห่งลาลีกา สเปน ต้นสังกัดเก่าของนักเตะที่ถือออพชั่นดึงตัวนักเตะกลับ

       ทั้งนี้อนาคตของนักเตะเริ่มถูกจับตามองเมื่อมีการลือกันออกมาว่า นักเตะไม่แฮปปี้กับการใช้ชีวิตในอิตาลี และการเล่นฟุตบอลในแบบฉบับของ กัลโช่ เซเรีย อา ซึ่งแตกต่างไปจาก ลาลีกา สเปน ฟุตบอลในดินแดนบ้านเกิดนักเตะ และจากการที่สโมสรยูเว่เองได้ออกมาเผยข้อมูลว่า ต้นสังกัดเดิมของนักเตะ “เรอัล มาดริด” ได้ถือออพชั่นซื้อตัวนักเตะกลับ ก็ยิ่งทำให้มีการพุ่งความสนใจว่านักเตะจะได้เก็บข้าวของย้ายกลับ ซานติอาโก เบร์นาบิว ในตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์นี้หรือเปล่า

       เป๊ปเป้ มาร็อตต้า ได้ออกมากล่าวถึงสถานการณ์ของนักเตะเวลานี้ และแพลนที่พวกเขากำลังจะทำในเร็ววันนี้ว่า "สำหรับอนาคตของ อัลบาโร่ โมราต้า นั้นเราต้องรอดูทาง เรอัล มาดริด ก่อนพวกเขามีโปรแกรมลงเล่นเกมแชมเปี้ยนส์ลีกอยู่ แต่เราก็จะพยายามพูดคุย และเคลียร์ประเด็นในเสร็จสิ้นภายในสามสัปดาห์นี้แหละ เราต้องดูว่าผลมันจะออกมาอย่างไร"

       "แน่นอนถ้าหากมันเป็นแง่ดี (มาดริดจะไม่ใช้ออพชั่นซื้อนักเตะกลับ) เราก็จะมีความสุขกับมัน แต่หากว่าไม่เราก็ต้องมานั่งพิจารณาและประเมินถึงสิ่งต่างๆ นักเตะของเรามีค่าตัวที่เราได้ประเมินเอาไว้แล้วล่ะ แต่เราจะไม่พูดถึงตัวเลขนั้นกัน ถ้าหากพูดออกไปเดี๋ยวก็จะมีการคาดการณ์เชื่อมโยงสถานการณ์กันไปอีก ซึ่งแบบนั้นมันจะวุ่นวายกันไปใหญ่"

       มีการลือว่ายูเวนตุสให้ความสนใจในตัวของ อิสโก้ เพลย์เมกเกอร์สำรองของราชันชุดขาว และอาจยื่นข้อเสนอขอแลกตัวกับ โมราต้า หากมาดริดต้องการใช้ออพชั่นซื้อนักเตะกลับ

 12 
 เมื่อ: พฤษภาคม 06, 2016, 12:02:07 AM 
เริ่มโดย Newsman - กระทู้ล่าสุด โดย Newsman

       แม้ว่าจะเป็นการคว้าแชมป์แบบเซอร์ไพร์สคนทั้งโลกสำหรับทีมจิ้กจอก เลสเตอร์ ซิตี้ ใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่นนี้แต่ในมุมมองของหนึ่งในแข้งตัวหลักของทีมอย่าง เจมี่ วาร์ดี้ ต้องบอกว่านี่ไม่ใช่เหตุบังเอิญหรือความโชคดีแต่อย่างใดเลย เมื่อล่าสุดเจ้าตัวได้ออกมาเผยว่า เหล่าแข้งจิ้กจอกทุกคนพากันทุ่มเททำงานหนักตลอดทั้งซีซั่น จนกระทั่งได้รับรางวัลความสำเร็จเป็นแชมป์ลีกสูงสุดสมัยแรกในประวัติศาสตร์สโมสร

       ทั้งนี้ เลสเตอร์ ซิตี้ ในซีซั่นนี้มีนักเตะหลายรายทำผลงานได้อย่างโดดเด่นเหนือความคาดหมาย และแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นก็คือ เจมี่ วาร์ดี้ หัวหอกจอมถล่มประตู

       อย่างไรก็ตามนักเตะเคยได้ออกมากล่าวเผยแล้วว่า ผลงานอันยอดเยี่ยมที่ตนเองทำได้นั้นเป็นผลผลิตมาจากความตั้งใจทุ่มเททำงานหนักในทุกๆวัน และครั้งล่าสุดนี้ก็เป็นอีกหนึ่งครั้งที่เจ้าตัวยืนยันว่าความสำเร็จทั้งของตนเอง และของทีมที่เกิดขึ้นในซีซั่นนี้นั้นมาจากการทุ่มเททำงานหนักอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งซีซั่น

       วาร์ดี้ กล่าวว่า "ใช่มันคือความรู้สึกที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ ยอมรับเลยว่าผมไม่เคยรู้สึกถึงความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้มาก่อน เมื่อซีซั่นที่แล้วเราต้องต่อสู้เพื่อให้ได้อยู่รอดในลีกสูงสุด แต่ในวันเสาร์นี้เรากำลังจะได้ชูถ้วยแชมป์ แต่สิ่งนี้มันก็บ่งบอกกับทุกคนได้ชัดเจนมากๆแล้วว่า มันเป็นผลมาจากการทำงานหนักของนักเตะทุกคนรวมถึงทีมงานสต๊าฟของเราด้วย"

       "มันคือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่มากๆสำหรับเรา สำหรับสโมสรพวกเรารู้สึกเป็นเกียรติมากที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จนี้ และที่ทำให้มันดูพิเศษมากขึ้นไปอีกก็คือการที่เราได้รับความสำเร็จนี้ร่วมกับนักเตะในทีมชุดนี้ ที่พากันทำงานหนักอย่างไม่หยุดหย่อนตลอด เราใช้เวลาในทุกๆวันทุกๆวินาทีที่สนามซ้อมของเราไปอย่างคุ้มค่ามากๆ ความสำเร็จนี้มันตอกย้ำความคุ้มค่ากับสิ่งที่เราทุ่มเทไปที่สนามซ้อมได้ดีมากๆเลย"

 13 
 เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2016, 12:30:14 AM 
เริ่มโดย Newsman - กระทู้ล่าสุด โดย Newsman

       เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งกุนซือที่ต้องรอคอยความสำเร็จในรายการลีกมายาวนาน แต่ในที่สุดก็สามารถทำได้สำเร็จไม่มีอะไรให้ต้องติดค้างคาใจเมื่อถึงวันที่ต้องวางมือจากอาชีพแน่นอนแล้ว สำหรับทางด้านของ เคลาดิโอ รานิเอรี่ นายใหญ่ชาวอิตาเลียนของทีมจิ้กจอกสยาม เลสเตอร์ ซิตี้ ที่เพิ่งจะผงาดคว้า แชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาสดๆร้อนๆ

       ทั้งนี้แม้ว่าตลอดเส้นทางอาชีพกุนซือหลายปีที่ผ่านมา รานิเอรี่ จะถือเป็นชื่อของหนึ่งในกุนซือดังของโลก และมีโอกาสได้ร่วมงานกับทีมชั้นนำของยุโรปหลายทีมด้วยกัน อาทิเช่น อินเตอร์ มิลาน, ยูเวนตุส, เชลซี เป็นต้น แต่การประสบความสำเร็จในรายการลีกก็ยังไม่เคยเกิดขึ้น ในอาชีพของกุนซืออิตาเลียนรายนี้ การมาคุม เลสเตอร์ ซิตี้ในปัจจุบัน และผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษได้แบบเซอร์ไพร์สคนทั้งโลก จึงถือเป็นการเคลียร์ภารกิจที่ติดค้างในใจมาตลอดหลายปีของกุนซือจอมแท็คติกรายนี้ด้วย

       รานิเอรี่ได้กล่าวเปิดใจหลังพา เลสเตอร์ ซิว แชมป์พรีเมียร์ลีก ถึงเรื่องนี้ว่า "ตอนนี้ผมอายุ 64 ปีแล้ว ผมต่อสู้มายาวนานมากเพื่อความสำเร็จนี้ แต่ผมพยายามมองในแง่ดีตลอด ผมคิดเสมอว่าสักวันผมจะคว้าแชมป์ลีกได้ แต่ในอดีตที่ผ่านมากับวันนี้ตัวผมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปผมยังเป็นกุนซือคนเดิมกับที่ถูกทีมชาติกรีซไล่ออกนั่นแหละ"

       "ทว่าพอบางคนได้เห็นความสำเร็จนี้อาจจะลืมว่าครั้งนึงผมเคยโดนไล่ออก แต่มันก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไรหรอกว่าใครจะจดจำได้หรือไม่ เพียงแต่ตัวผมอยากให้ทุกคนเข้าใจว่าผมก็เป็นคนเดิมคนเดียวกันนั่นแหละ ต่างกันแค่ตอนนี้ผมอยู่ที่เลสเตอร์"

       "แต่ทั้งนั้นทั้งนี้การคว้าแชมป์แบบเซอร์ไพร์สแบบนี้ ก็ต้องยอมรับกันตรงๆว่ามันคงเกิดขึ้นไม่ได้อีกแล้วล่ะ แน่นอนซีซั่นหน้าเราจะไม่เล่นกันเพื่อหวังแชมป์ เป้าหมายของเราแค่การติดหนึ่งในสิบอันดับแรก"

 14 
 เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2016, 12:26:38 AM 
เริ่มโดย Newsman - กระทู้ล่าสุด โดย Newsman

       แม้ว่าทางด้านของ ดาบิด เด เกอา นายด่านจอมหนึบชาวสแปนิชจะทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ให้กับทีมปีศาจแดงในซีซั่นนี้ กระทั่งได้รับคะแนนโหวตจากแฟนบอลให้คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสร แต่นั่นก็ไม่เพียงพอที่จะถูกอกถูกใจกัปตันทีมอย่าง เวย์น รูนี่ย์ จนตัดสินใจลงคะแนนโหวตให้ ในส่วนของรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมจากการโหวตของเพื่อนร่วมทีมแต่อย่างใด

       ทั้งนี้อย่างที่ทราบกันดีว่าในซีซั่นนี้ เด เกอา ได้รับการยกย่องจากทั้งแฟนบอลของปีศาจแดงเอง และสื่อต่างๆว่าเป็นแข้งที่ทำผลงานได้โดดเด่นที่สุดในทีมปีศาจแดง ซึ่งก็สอดคล้องกับผลรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีที่มาจากคะแนนโหวตของแฟนบอลดังกล่าว โดยนักเตะได้รับรางวัลนี้ไปครองเป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกันเข้าไปแล้ว

       อย่างไรก็ตามในส่วนของรางวัลนักเตะยอดเยี่ยม อีกหนึ่งรางวัลอันมาจากคะแนนโหวตของเพื่อนร่วมทีมปีศาจแดงด้วยกัน เป็นทางด้านของ คริส สมอลลิ่ง กองหลังชาวผู้ดีที่ได้รับไป เวย์น รูนี่ย์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งคนที่ไม่ได้ลงคะแนนโหวตเลือก ดาบิด เด เกอา รวมทั้งผู้ที่ได้รางวัลอย่าง คริส สมอลลิ่ง ด้วยออกมากล่าวแสดงความเห็นเกี่ยวกับฟอร์มการเล่นของแข้งปีศาจแดงในซีซั่นนี้ พร้อมแจงเหตุผลที่ไม่เลือก เด เกอา ผ่านสื่อว่า

       "มันเป็นอะไรที่ยากลำบากอยู่หากจะโหวตรางวัลแข้งยอดเยี่ยมให้กับผู้รักษาประตู มันเป็นเรื่องของตำแหน่งการเล่น (ผู้รักษาประตูมีหน้าที่ในเกมที่แตกต่างไปจากผู้เล่นตำแหน่งอื่นๆ) แต่โดยส่วนตัวผมประทับใจในฟอร์มของ ดาลี่ย์ บลินด์ ที่สุด เช่นกัน คริส สมอลลิ่ง ก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม ทั้งคู่โดดเด่นจริงๆในซีซั่นนี้"

       "แต่เมื่อปีที่แล้วผมเลือกโหวตให้กับ สมอลลิ่ง ไปแล้วปีนี้ก็เลยเลือกโหวตให้ บลินด์" รูนี่ย์กล่าวผ่านช่อง MUTV ช่องทางการของสโมสรแมนฯยูไนเต็ด

       ผลงานของทีมปีศาจแดงปัจจุบันรั้งอยู่อันดับที่ 5 ของตารางคะแนน มี 60 แต้ม ตามหลังแมนฯซิตี้ ทีมอันดับ 4 อยู่ 4 แต้มและแข่งน้อยกว่าหนึ่งเกมยังมีลุ้นคว้าโควตา ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ซีซั่นหน้า

 15 
 เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2016, 12:22:09 AM 
เริ่มโดย Newsman - กระทู้ล่าสุด โดย Newsman

      ต้องบอกว่าเป็นการลงโทษที่หนักและเด็ดขาดไปเลยงานนี้สำหรับโทษแบนของ มามาดู ซาโก้ ปราการหลังเฟร้นแมนของทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล อันเนื่องมาจากการไม่ผ่านการตรวจสารกระตุ้น เมื่อล่าสุดมีรายงานออกมาว่าทาง ฟีฟ่า หรือ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ นั้นมีคำสั่งขยายขอบเขตโทษแบนนักเตะเพิ่มเติม จากเดิมที่เป็นการสั่งแบนโดย ยูฟ่า หรือ สหพันธ์ฟุตบอลแห่งยุโรป ซึ่งหมายความว่านักเตะจะถูกแบนจากรายการแข่งขันที่ควบคุมดูแลการจัดโดยทางยูฟ่า

       อาทิเช่น รายการลีกของประเทศในยุโรป รายการฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรยุโรป, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก, ยูโรป้าลีก เป็นต้น ให้กลายเป็นครอบคลุมไปถึงรายการแข่งขันในทุกๆทัวร์นาเม้นทั่วโลก หรือกล่าวอีกนัยนึงก็คือนับรวมรายการที่กำกับดูแลโดยทางฟีฟ่าด้วยนั่นเอง

       โดยหากตีความจากรายงานของสื่อที่ออกมาล่าสุดนี้ ก็น่าจะมีผลตั้งแต่โทษแบนชั่วคราวที่ทางยูฟ่าประกาศออกมาก่อนหน้านี้เป็นเวลา 30 วันทันทีเลย ส่วนถ้าโทษแบนจริงหลังการพิจารณาความผิดของนักเตะโดยยูฟ่าเสร็จสิ้นแล้ว มีการประกาศออกมาเมื่อไหร่การขยายขอบเขตโทษจากฟีฟ่า ก็จะมีผลตามทันทีไปโดยปริยายเช่นกัน

       ส่วนข่าวคราวอื่นๆที่น่าสนใจช่วงนี้ของทีมหงส์แดงนอกจากประเด็นโทษแบน มามาดู ซาโก้ แล้วก็มีในส่วนของการออกมากล่าวของ คริสเตยอง เบนเทเก้ กองหน้าชาวเบลเยี่ยมถึงเกมลีกล่าสุดที่หงส์แดงพ่ายแพ้ให้กับหงส์ขาว สวอนซี ซิตี้ 3-1

       เบนเทเก้ ที่เป็นตัวสำรองในเกมนี้และได้โอกาสลงสนามไปในครึ่งเวลาหลัง พร้อมทำหนึ่งประตูให้กับทีมไล่ตามหงส์ขาวมาเป็น 2-1 ก่อนที่จะมาโดนยิงเพิ่มอีกหนึ่งประตูในอีกไม่กี่นาทีถัดมา และแพ้ไปด้วยสกอร์ดังกล่าวนั้นกล่าวเผยว่า "รู้สึกดีใจแน่นอนที่สามารถยิงประตูได้ หลังจากที่ต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนั่งเป็นสำรองอยู่ข้างสนาม แต่ถึงกระนั้นก็รู้สึกผิดหวังกับเกมอยู่ดี ที่ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือชัยชนะของทีม และสามคะแนน"
   

 16 
 เมื่อ: พฤษภาคม 02, 2016, 04:58:26 AM 
เริ่มโดย Newsman - กระทู้ล่าสุด โดย Newsman

       ต้องบอกว่าดูเรื่องราวจะไปกันใหญ่ซะแล้วสำหรับประเด็นอนาคตของ มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ ปราการหลังพันธ์แกร่งทีมเสือเหลือง ดอร์ทมุนด์ เพราะหลังจากที่มีข่าวลือออกมาว่านักเตะขอย้ายซบทีมเสือใต้ในซัมเมอร์นี้ พร้อมกับแถลงยืนยันจากสโมสร ดอร์ทมุนด์ เองว่านักเตะต้องการย้ายไปอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค ก็มีแฟนบอลจำนวนมากของทีมเสือเหลืองออกมาแสดงความไม่พอใจ ทั้งการกล่าวตำหนิแข้งรายนี้ผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆและการส่งเสียงโห่ไล่ในสนามระหว่างเกมการแข่งขัน

       ทั้งนี้ดังที่ทราบกันว่าทาง สโมสรดอร์ทมุนด์ ได้มีการออกมาแถลงเกี่ยวกับอนาคตของ มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ ให้หลายคนได้คลายสงสัยว่านักเตะมีความต้องการย้ายซบทีมเสือใต้ในซัมเมอร์นี้ และต่อจากนั้นอดีตประธานสโมสรเสือใต้ก็ออกมาทำนองว่าเมื่อมีคนเดินมาหาเราถึงบ้าน แล้วจะไม่มีการเปิดบ้านให้เขาเข้ามามันก็คงจะไม่ใช่เรื่อง

       เหตุนี้จึงทำให้หลายคนตีความกันไปว่าเป็นทาง ฮุมเมิ่ลส์ เองที่กระสันจะย้ายไปเล่นให้ทางเสือใต้ ซึ่งนับเป็นทีมคู่ปรับตลอดกาลของต้นสังกัดปัจจุบัน ถึงขั้นติดต่อขอเสนอตัวไปเองเลยเช่นเดียวกันจึงมีความไม่พอใจตามมามากมายจากกลุ่มแฟนบอลของทีมเสือเหลือง

       อย่างไรก็ตามล่าสุดเป็น ตัวนักเตะ กับ สโมสรเสือใต้ ที่ออกมากล่าวชี้แจงว่าไม่เป็นความจริงเลยที่ตัวเขาขอเสนอตัวไปอยู่กับทีมเสือใต้ แต่เป็นทางสโมสรเสือใต้เองที่เริ่มต้นทาบทามนักเตะเข้ามาก่อน

       ฮุมเมิ่ลส์ กล่าวว่า "ผมไม่ได้เสนอตัวให้ที่ไหนทั้งนั้น นี่คือการลือที่ไร้สาระสิ้นดีมันคือข่าวที่ไม่จริงที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินมา"

       คาร์ล ไฮน์ รุมเมนิกเก้ ประธานคนปัจจุบันของเสือใต้กล่าวว่า "บางที เฮอเนส (อดีตประธานเสือใต้) อาจเข้าใจผิดไปเอง เป็นเราเองที่ติดต่อทาบทามนักเตะไป ไม่ใช่นักเตะที่เดินเข้ามาหาเรา มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ ไม่ได้แสดงออกถึงความต้องการจะย้ายมาเล่นกับเรา พวกเราต่างหากที่ไปสอบถามเขาถึงความเป็นไปได้ที่เขาจะมาเล่นกับเรา"

 17 
 เมื่อ: เมษายน 30, 2016, 12:24:20 PM 
เริ่มโดย Newsman - กระทู้ล่าสุด โดย Newsman

       ต้องบอกว่าเป็นหนึ่งนักเตะที่ไม่คุ้นเคยกับการนั่งดูเพื่อนร่วมทีมเล่นอยู่ข้างสนามจริงๆ สำหรับทางด้านของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวเตะรูปหล่อของราชันชุดขาว เรอัล มาดริด ซึ่งกำลังประสบกับปัญหาอาการบาดเจ็บ และพลาดการลงสนามช่วยทีมไปแล้วสองเกมคือในเกมลีก และเกมยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก รอบรองชนะเลิศนัดแรก ซึ่ง เรอัล มาดริด พบกับ แมนฯซิตี้ ที่สนามเอติฮัต บ้านของเรือใบสีฟ้า

       ทั้งนี้หลังเกมดังกล่าวนักเตะได้ออกมากล่าวเผยทำนองเปิดใจว่ารู้สึกอึดอัดที่ไม่สามารถลงสนามช่วยทีมได้ และถ้าหากเป็นเกมแมทชิงชนะเลิศก็อาจจะได้ฝืนอาการบาดเจ็บลงช่วยทีมบู๊เพื่อคว้าชัยชนะ โดยอาการบาดเจ็บของซุปตาร์โปรตุกีสรายนี้เกิดขึ้นในเกมลีกเมื่อสองสัปดาห์ก่อน เป็นอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อโคนขา และเอ็นหลังหัวเข่า

       โดยล่าสุดมีรายงานข่าวอัพเดตความคืบหน้าการรักษาอาการบาดเจ็บของนักเตะออกมาว่า การเข้ารับการตรวจรักษากับทีมแพทย์ครั้งล่าสุดได้มีการฉีดสเตมเซลล์ ซึ่งเป็นวิธีการรักษาทางการแพทย์แบบใหม่เข้าไปในบริเวณส่วนที่นักเตะมีอาการบาดเจ็บ เพื่อให้ร่างกายส่วนนั้นของนักเตะมีการเร่งฟื้นฟูให้กลับคืนสู่สภาพเดิมเร็วขึ้น โดยที่หวังผลให้นักเตะหายกลับมาทันลงสนามช่วยต้นสังกัดบู๊เกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบรองชนะเลิศนัดที่สองในซานติอาโก้ เบร์นาบิว

       สำหรับสเตมเซลล์ที่นำมาใช้ฉีดรักษาอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อโคนขา และเอ็นหลังหัวเข่าของนักเตะตามสื่อระบุนั้นเป็นเซลจากเลือด และกระดูกไขสันหลัง

       อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ซีเนอดีน ซีดาน กุนซือทัพลอสบลังกอสออกมากล่าวเผยว่าตัวเขาเองก็ยังไม่อาจคอนเฟิร์มได้ว่านักเตะจะฟิตกลับมาทันลงบู๊เรือใบในเกมที่สองหรือไม่ แต่ความต้องการของนักเตะนั้นก็ชัดเจนว่าอยากที่จะกลับมาให้ทันแน่นอน

       สำหรับผลการแข่งขันในเกมแรกที่ออกมาเรอัล มาดริดกับแมนฯซิตี้เสมอกันไป 0-0 ในเกมที่สองจึงต้องบอกว่าแทบจะไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบกันเหมือนได้กลับมาเริ่มเตะกันใหม่เต็มๆหนึ่งเกม

 18 
 เมื่อ: เมษายน 30, 2016, 12:20:44 PM 
เริ่มโดย Newsman - กระทู้ล่าสุด โดย Newsman

       หลังจากนี้ก็เหลือแค่เพียงรอการประกาศบทลงโทษจากทาง ยูฟ่า หรือ สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป อย่างเดียวเท่านั้นแล้ว สำหรับกรณีไม่ผ่านการตรวจโด๊ปของทาง มามาดู ซาโก้ ปราการหลังพันธ์แกร่งทีมชาติฝรั่งเศสของทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล

       ทั้งนี้ยูฟ่าได้ทำการตรวจการใช้สารกระตุ้นต้องห้ามหลังเกมการแข่งขัน ยูโรป้าลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดที่สองที่ หงส์แดง พบกับปีศาจแดง แมนฯยูไนเต็ด ซึ่งมีผลการตรวจออกมาราวสองสัปดาห์ก่อนว่าพบการใช้สารกระตุ้นในรายของ มามาดู ซาโก้

       จึงได้มีคำสั่งแบนนักเตะห้ามลงแข่งขันในทุกรายการทันที ก่อนที่จะมีการพิจารณาบทลงโทษอีกครั้ง และรอการตอบรับความผิดจากตัวนักเตะ โดยล่าสุดนักเตะได้ยอมรับผิดกับยูฟ่าต่อกรณีการใช้สารกระตุ้นแล้ว ทำให้บทลงโทษที่นักเตะจะได้รับนั้นน่าจะเป็นไปตามมาตรฐานเดิม เหมือนในเคสของ โคโล ตูเร่ สมัยค้าแข้งกับเรือใบสีฟ้า  แมนฯซิตี้ คือนักเตะจะถูกแบนเป็นระยะเวลา 6 เดือน

       แต่หากนักเตะไม่ยอมรับผิด และเลือกที่จะเข้าชี้แจงเหตุผล พร้อมกับพิสูจน์ตัวเองด้วยการเข้ารับการตรวจหาสารกระตุ้นอีกครั้ง แต่ผลออกมาเหมือนเดิมนั้นนักเตะจะถูกลงโทษแบนเป็นระยะเวลา 2 ปี

       อย่างไรก็ตามมีการพูดกันว่าต้นเหตุที่ทำให้ มามาดู ซาโก้ มีผลการตรวจพบการใช้สารกระตุ้นนั้นน่าจะมาจากการใช้อาหารเสริมลดปริมาณไขมัน

       สำหรับซาโก้นั้นถือว่าเป็นกองหลังรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองมากที่สุดคนนึงของฝรั่งเศส โดยนักเตะมีจุดเด่นในเรื่องของความแข็งแกร่งของร่างกาย และการเข้าปะทะที่ยอดเยี่ยม เมื่อนักเตะอยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดก็จัดว่าเป็นกองหลังที่สู้กับกองหน้าได้ทุกสไตล์เลยทีเดียว

       ซาโก้เริ่มต้นสร้างชื่อจากการเล่นให้ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในลีกเอิง ฝรั่งเศสแต่ด้วยความที่ปาริเซียงในยุคหลังทุ่มดึงกองหลังระดับโลกมาเสริมทัพมากมาย ทำให้นักเตะไม่ค่อยได้รับโอกาสมากนักและเป็น หงส์แดง ที่ทุ่มเงิน 17 ล้านปอนด์ดึงนักเตะมาเมื่อซัมเมอร์ปี 2013

 19 
 เมื่อ: เมษายน 28, 2016, 01:12:45 AM 
เริ่มโดย Newsman - กระทู้ล่าสุด โดย Newsman

       เรียกว่าทำเอาทางด้านของ เชส ฟาเบรกาส ยอดมิดฟิลด์ทีมสิงห์บลู เชลซีถึงกับประหลาดใจไปเลยเหมือนกัน สำหรับฟอร์มการเล่น และผลงานของ เควิน เดอ บรอยน์ ตัวรุกราคาแพงของทีมเรือใบสีฟ้า แมนฯซิตี้ เพราะเจ้าตัวได้กล่าวเผยว่า ก่อนหน้าที่ตัวรุกเบลเยี่ยมจะโยกซบเรือใบสีฟ้าด้วยค่าตัว 55 ล้านปอนด์นั้น ตนเองไม่ได้รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของเขาสักเท่าไหร่เลย ดังนั้นผลงานที่ตนเองได้เห็นเมื่อได้เล่นอยู่ในลีกเดียวกันจึงเป็นอะไรที่รู้สึกประทับใจมาก

       ทั้งนี้ เควิน เดอ บรอยน์ เคยมีประสบการณ์ค้าแข้งกับทีม เชลซี ต้นสังกัดปัจจุบันของ เชส ฟาเบรกาส อยู่ช่วงนึงแต่นักเตะไม่ประสบความสำเร็จ โดยได้โอกาสลงสนามให้กับทีมแห่งสแตมฟอร์ดบริดจ์ไม่ถึงสิบเกมด้วยซ้ำ ก่อนจะถูกขายไปให้กับทีม โวล์ฟบวร์ก ใน บุนเดสลีกา เยอรมัน ทว่าฟอร์มการเล่นในบุนเดสลีกา เยอรมันกับทีม โวล์ฟบวร์ก ของนักเตะกลับโดดเด่นมากๆ

        กระทั่งแมนฯซิตี้ ทีมมหาเศรษฐีจากเมืองแมนเชสเตอร์ตัดสินใจทุ่มซื้อนักเตะกลับอังกฤษด้วยค่าตัวสูงถึง 55 ล้านปอนด์ โดยที่นักเตะไม่ทำให้การทุ่มลงทุนครั้งนี้ของยอดทีมมหาเศรษฐีเรือใบต้องศูนย์เปล่า เมื่อสามารถทำผลงานได้ยอดเยี่ยมทันทีตั้งแต่ซีซั่นแรกที่กลับมาเล่นฟุตบอลอังกฤษ แม้ว่าจะไม่ดีเพียงพอช่วยให้ทีมเรือใบมีลุ้นแชมป์ซีซั่นนี้ก็ตาม

       เชส ฟาเบรกาส กล่าวแสดงความเห็นผ่านสื่อของ อีเอ สปอร์ต ค่ายเกมผู้ผลิตเกมฟุตบอลยอดนิยมอย่าง ฟีฟ่า ถึงผลงานของ เดอ บรอยน์ ว่า

       "ก่อนหน้านี้ผมแทบจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย เพราะผมไม่ได้ติดตามฟุตบอลเยอรมันเลยในช่วงหลัง ดังนั้นแน่นอนว่าเมื่อผมได้เห็นเขาในพรีเมียร์ลีกผมรู้สึกประทับใจในตัวเขา ผมไม่รู้มาก่อนว่าเขามีคุณภาพมากมายขนาดนี้ ที่สำคัญคือผมคิดว่าเขาเหมาะมากๆกับทีมแมนฯซิตี้ และเหมาะสมกับสไตล์การเล่นของพวกเขา เขาเหมือนส่วนเติมเต็มที่สมบูรณ์ของซิตี้"

       เดอ บรอยน์ ในซีซั่นนี้ลงเล่นให้ทีมเรือใบสีฟ้ารวมทุกถ้วยทุกรายการ 38 เกม ยิงประตูไปได้ 15 ประตู

 20 
 เมื่อ: เมษายน 28, 2016, 01:08:50 AM 
เริ่มโดย Newsman - กระทู้ล่าสุด โดย Newsman

       ดูท่าว่าอาจจะต้องเผชิญกับศึกใหญ่นอกสนามซะแล้วสำหรับหงส์แดง ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ หลังในตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์หลังจบซีซั่นนี้ เพราะล่าสุดมีการออกมาเผยข้อมูลจากตัวของนายหน้าที่ดูแลอนาคต โยนาส เฮคเตอร์ แบ็กซ้ายตัวเก่งของ เอฟซี โคโลญ ทีมดังในเยอรมันซึ่งเป็นเป้าหมายการเสริมทัพของหงส์แดงว่า ไม่มีแค่หงส์แดงเท่านั้นที่แสดงความสนใจในตัวของนักเตะ และเวลานี้ตัวเขาและนักเตะก็ยังไม่ได้พิจารณาสโมสรไหนเป็นพิเศษด้วย

       ทั้งนี้ หงส์แดง ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ตกเป็นข่าวลือมาตลอดซีซั่นว่าต้องการเสริมทัพในตำแหน่งแบ็กซ้าย ซึ่งอดีตกุนซือดอร์ทมุนด์มองว่า อัลแบร์โต้ โมเรโน่ แบ็กสแปนิชนั้นไม่เพียงพอที่จะทำให้เกมริมเส้นฝั่งซ้ายของหงส์แดงมีคุณภาพในระดับที่ตนเองต้องการ และก็มีสื่อหลายฉบับเชื่อมโยงพวกเขาเข้ากับ โยนาส เฮคเตอร์ แบ็กวัย 25 ผู้ทำผลงานได้โดดเด่นกับทีม เอฟซี โคโลญ

       แต่ ณ ตอนนี้ตามเกริ่นไปข้างต้นเหมือนว่าจะเป็นงานยากของคล็อปป์ และหงส์แดงซะแล้วเมื่อ ไรเนอร์ แดร์เบอร์ นายหน้าผู้ดูแลอนาคตของ เฮคเตอร์ กล่าวเผยว่า

       "เราต้องคุยกับหลายสโมสรเลยล่ะ มีหลายสโมสรสนใจนักเตะ เช่นกันเราก็ต้องปรึกษาหารือกับโคโลญ ต้นสังกัดด้วย"

       "แต่ ณ เวลานี้มันจะยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นเราจะรอเวลาที่เหมาะสมก่อน รอให้การแข่งขันในลีกบุนเดสลีกาฤดูกาลนี้จบสิ้นลงก่อน การย้ายทีมครั้งนี้ของนักเตะจะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายไม่ใช่แค่ตัวนักเตะ โคโลญจะได้ประโยชน์เช่นกัน" (นักเตะจะได้โอกาสพบประสบการณ์ท้าทายใหม่ๆ ในอาชีพค้าแข้งขณะที่สโมสรก็จะได้ค่าตัวที่เหมาะสมจากการขายนักเตะ)

       สำหรับผลงานปัจจุบันของ เอฟซี โคโลญ ในบุนเดสลีกาพวกเขารั้งอยู่อันดับ 8 ของตารางคะแนนมี 40 คะแนนจากการลงเล่น 31 เกมยังถือว่ามีโอกาสลุ้นจบอันดับที่ดี พอที่จะคว้าโควตาฟุตบอลถ้วยยุโรปใบเล็กซีซั่นหน้า เพราะตามหลังทีมในโซนนี้อยู่เพียงแค่ 5 แต้มเท่านั้น

หน้า: 1 [2] 3 4 ... 10