แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Messages - Soccer

หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 114
31
       เป็นเรื่องให้แมนฯยูไนเต็ดต้องปวดหัวซะแล้ว เมื่อนายด่านคนสำคัญของทีม “ดาบิด เด เกอา” ตกเป็นเป้าหมายของยอดทีมแดนกระทิงดุ มหาอำนาจลูกหนังยุโรป “รีล มาดริด” ในการดึงตัวไปทดแทนอีเกร์ กาซิยาส ผู้รักษาประตูจอมหนึบกัปตันทีมชาติสเปน และ ดีเอโก้ โลเปซ นายทวารที่เบียดขึ้นมาแย่งตำแหน่งมือหนึ่งในทีมกับกาซิยาสในทีมยุคปัจจุบันของเทรนเนอร์คาร์โรลล์ อันเซล็อตติ ทั้งนี้ในส่วนของอีเกร์ กาซิยาสนั้นเป็นที่ทราบกันว่าเขาเป็นผู้รักษาประตูชั้นยอดที่ผูกขาดตำแหน่งมือหนึ่งทั้งในทีมรีล มาดริด และทีมชาติสเปนมาเป็นระยะเวลาเนิ่นนาน

       แต่ทว่าด้วยอายุอานามที่มากขึ้นเยอะแล้ว อาจจะมีผลทำให้ฟอร์มการเซฟประตูของเจ้าตัวตกลงจากเดิม เลยทำให้ยุคหลังมานี้เจ้าตัวต้องตกเป็นสำรองในทีมสโมสรทั้งช่วงที่มูริญโญ่คุมทีม และช่วงปัจจุบันที่อันเชล็อตติคุมทีม กระนั้นในทีมชาติเจ้าตัวก็ยังคงได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่ผู้รักษาประตูมือหนึ่งต่อเนื่องอยู่ อย่างไรก็ตามคาดการณ์กันไว้ว่าอนาคตข้างหน้าผู้ที่จะเข้ามาสานต่อตำแหน่งมือหนึ่งในทีมชาติสเปนต่อจาก อีเกร์ กาซิยาส ก็คือ ดาบิด เดเกอา นี้แหละครับ ซึ่งนอกจากจะก้าวขึ้นมาทดแทนตำแหน่งแทนอีเกร์ กาซิยาสในทีมชาติสเปนแล้ว หลายๆคนยังคาดการณ์เอาไว้ด้วยว่าเด เกอาน่าจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้รักษาประตูอันดับต้นๆของยุโรปแทนที่ของอีเกร์ กาซิยาสอีกเช่นกันด้วย

        ฉะนั้นเรื่องของการที่ทีมราชันชุดขาว รีล มาดริด จะเล็งเด เกอา เอาไว้เพื่อที่จะมาทำหน้าที่มือหนึ่งในระยะยาวต่อไปจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้มาก และก็เรียกได้ว่ามาดริดคงจะเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้พอสมควร มันจึงเป็นหน้าที่ของทางด้านแมนฯยูไนเต็ดแล้วล่ะครับที่จะต้องเตรียมมาตรการรั้งตัวเด เกอาเอาไว้ในถิ่นโอลแทรฟฟอร์ดแต่เนิ่นๆ ไม่อย่างนั้นมีหวังพวกเขาต้องได้เฟ้นหาผู้รักษาประตูมือดีมาทดแทนกันวุ่นวายแน่นอน เพราะสโมสรระดับรีล มาดริด นักเตะคนไหนๆก็ฝันอยากจะเล่นให้ทั้งนั้นแหละครับ

32
ข่าวฟุตบอล / "หงส์แดง" จอดแค่นัดที่ 5!!
« เมื่อ: กันยายน 24, 2013, 12:45:09 AM »
       หงส์แดง ลิเวอร์พูลจัดเป็นทีมที่โชว์ฟอร์มได้ดีที่สุดในช่วงเริ่มต้นฤดูกาล 3-4 นัดแรก ด้วยผลงานชนะรวดสามนัด และเสมอหนึ่งนัด มี 10 แต้มนำเป็นจ่าฝูง ทว่าเข้าสู่นัดที่ 5 พวกเขาก็ได้ฤกษ์จอดฟอร์มดีๆของตนเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเป็นการจอดแบบคาบ้านซะด้วย ซึ่งทีมที่มาหยุดหงส์แดงก็เป็นเพียงทีมเล็กๆประจำลีกอย่าง เซาธ์แฮมป์ตัน เท่านั้นเอง ส่วนสกอร์ที่ออกมาก็คือหงส์แดงแพ้ไปด้วยสกอร์ 0-1 เกมนี้ไม่น่าเกลียดที่ผลการแข่งขันเท่าไหร่ เพราะดูแล้วเป็นการแพ้แบบหวิวๆ จะเรียกว่าหงส์แดงพ่ายท่าพ่ายก็ได้ แต่ในเรื่องของรูปเกมนี้สิ

       ถ้าใครได้ชมเกมก็คงจะต้องบอกว่า นักเตะหงส์แดงชุดนี้ ชุดที่ไม่มีคูติญโญ่ ไม่มีซัวเรซ เล่นกันไม่เอาอ่าวเลย มองย้อนกลับไป 3-4 นัดแรกบางทีก็ทำให้นึกว่านี่อาจจะไม่ใช่การจอด หรือฟอร์มร่วงของหงส์แดง แต่นี่อาจจะเป็นผลการแข่งขันที่หงส์แดงควรได้รับอย่างแท้จริงซะมากกว่า คือเราจะสังเกตได้ว่าเกมแรกๆที่หงส์แดงลงแข่งแล้วมีแต้มโดยเฉพาะสามนัดแรกที่เก็บ 9 คะแนนเต็มนั้น พวกเขาก็ไม่ได้เล่นได้ดูดี หรือเหนือกว่าชนิดที่ว่าควรจะเป็นผู้ชนะอย่างเอกฉันท์ในเกมนั้นๆเลย น่าจะโดนตีเสมอ หรือพ่ายแพ้ด้วยซ้ำ แต่ก็นั่นแหละไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูดถึงเกมที่ผ่านมาแล้ว เพราะที่น่าสนใจกว่านั้นคือหลังจากนี้ ที่ลิเวอร์พูลพบกับความพ่ายแพ้แล้ว แถมยังไม่มีตัวปั้นเกมอย่างคูติญโญ่ไปอีกหลายเกม

       แบรนแดน ร็อดเจอร์สจะทำอย่างไร? จะเปลี่ยนกลับมาเน้นการเล่นแบบครองบอล เน้นการต่อบอล บุกคู่ต่อสู้เหมือนฤดูกาลที่แล้วตามปรัชญาของตนเองหรือเปล่า หรือจะยังคงสนแต่เรื่องของผลการแข่งขันแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ส่วนในเกมที่พวกเขาแพ้เซาธ์แอมป์ตันนั้น ขอพูดแถมอีกสักอย่างว่า ถ้าเกมนี้พวกเขาไม่ได้ความยอดเยี่ยมของผู้รักษาประตู ซิมง มิโญเล่ เกมนี้น่าจะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของหงส์แดงมากกว่า 1 สกอร์เป็นแน่

33
       ถือเป็นประสบการณ์ที่ดียิ่งสำหรับ เซร์คิโอ อเกวโร่ กุน กองหน้าตัวเก่งของทีมแมนฯซิตี้อย่างมากเลยครับ ที่ได้มีโอกาสเรียนรู้เทคนิคการวิ่งของ ยูเซน โบลต์ นักวิ่งผู้โด่งดังและเป็นเจ้าของสถิติโลกในปัจจุบัน โดยโอกาสอันดีครั้งนี้ของอเกวโร่เกิดขึ้นเพราะทั้งคู่เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบรนด์รองเท้า “พูม่า”  และพูม่าก็ได้มีการจัดกิจกรรมโปรโมทรองเท้ารุ่นใหม่ของตนเอง ซึ่งหนึ่งในรุ่นนั้นเซร์คิโอ อเกวโร่ กุน จะได้ใส่ลงดวลเกือกกับทีมแมนฯยูไนเต็ดในเกมดาบี้แมทที่ทุกคนรอคอยช่วงสุดสัปดาห์นี้ด้วย

       อย่างไรก็ตามนี่ถือเป็นคราวข่าวความเคลื่อนไหวในวงการฟุตบอล สองข่าวติดๆในช่วงเวลาใกล้เคียงกันที่มีชื่อของนักวิ่งลมกรด “ยูเซน โบลต์” เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งก็ไม่บ่อยนักครับที่จะมีผู้ที่ไม่ใช่นักฟุตบอล ผู้จัดการทีม หรือคนที่อยู่ในวงการฟุตบอลมามีชื่อเป็นข่าวเกี่ยวข้องกับแวดวงฟุตบอลถี่ๆแบบนี้ โดยอีกข่าวนึงในช่วงเวลาใกล้เคียงกันนี้ก็คือ เรื่องความเร็วการวิ่งสปีดของแกเร็ธ เบล เจ้าของสถิติค่าตัวในการย้ายทีมสูงที่สุดในโลกซึ่งได้ถูกนำไปเปรียบเทียบกันกับความเร็วในการวิ่งของยูเซน โบลต์ แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ จะว่าไปยูเซน โบลต์ ก็อาจจะไม่ใช่คนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับวงการฟุตบอลซะทีเดียว เพราะถ้าใครได้ติดตามข่าวก่อนหน้านี้สักพักจะพอทราบว่าโบลต์นั้นเป็นนักวิ่งที่มีความฝันที่จะเล่นฟุตบอลให้กับทีมปีศาจแดง แมนฯยูไนเต็ด ทีมแกร่งแห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

       และในการเจอกันระหว่างอเกวโร่ กุน กับ โบลต์ในครั้งนี้ อเกวโร่ กุนก็พูดถึงเรื่องนี้เชิงว่าโบลต์ไม่ดีพอที่จะเล่นให้แมนฯซิตี้ แต่ดีพอที่จะเล่นให้ยูไนเต็ด ซึ่งส่วนตัวผมอ่านแล้วก็งงๆความหมายนิดนึง ไม่แน่ใจว่าจะเป็นการกล่าวแบบติดตลกหรือเปล่า ด้วยอเกวโร่ กุนคงทราบดีว่าโบล์มีความฝันที่อยากจะเล่นให้กับแมนฯยูไนเต็ด ส่วนทางโบลต์เองก็พูดเกี่ยวกับการที่กุนมาเรียนรู้วิธีวิ่งจากเขาแบบติดตลกว่าเขาเองนั้นตั้งใจจะตัดกำลังกุน คือให้กุนสูญเสียพลังเยอะๆในครั้งนี้เพื่อที่เกมพบกับแมนฯยูไนเต็ดเขาจะได้มีร่างกายที่ไม่ฟิตพอ แต่ก็ทำไม่สำเร็จเพราะกุนนั้นมีสภาพร่างกายที่ดีมากๆ

34
       ส่อเค้าว่าจะเป็นดาวดับในทีมเชลซีภายใต้การนำของโจเซ่ มูริญโญ่ กุนซือจอมเครียด สำหรับฮวน มาต้า นักเตะตัวหลักซึ่งเป็นดาวเด่นให้กับเชลซีมาตลอดตั้งแต่ย้ายมาอยู่ในกับทีม และในเวลานี้ก็ดูว่าสถานการณ์จะชัดเจนมากขึ้นแล้ว โดยโจเซ่ มูริญโญ่ พูดออกมาชัดเจนว่าฮวน มาต้านั้นจะไม่ได้เล่นในตำแหน่งที่ตนเองถนัดต่อไป เพราะสำหรับตัวเขาเขาคิดว่าออสการ์ ดาวดังทีมชาติบราซิลคือนักเตะที่เก่งที่สุดในทีม และเขาจะมอบตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์ หรือนักเตะที่ยืนตำแหน่งกว่าหน้าให้เป็นหน้าที่รับผิดชอบของออสการ์คนเดียวเท่านั้น

       เท่ากับว่าตัวของมาต้าจะมีพื้นที่ในการลงสนามก็ต่อเมื่อขยับไปเล่นเป็นปีก หรือตัวรุกริมเส้นนั่นเอง ทั้งนี้มูริญโญ่ชี้แจงว่านี่คือความจริงที่ฮวน มาต้า และนักเตะอีกคนของทีมซึ่งจะเล่นในตำแหน่งปีกอีกข้างนึงนั้นต้องรับให้ได้ นอกจากนี้มูริญโญ่ยังกล่าวไปถึงฟอร์มการเล่นของมาต้าในนัดที่เขาลงเป็นตัวจริงในเกมพบเอฟเวอร์ตัน และพ่ายไป รวมถึงเกมพบกับบาเซิ่ลที่ลงมาเป็นตัวสำรองและพ่ายเป็นเช่นกันในเชิงว่า ทุกคนสามารถวิเคราะห์ฟอร์มการเล่นของเขาได้ พร้อมกับชี้ไปในเกมที่แพ้บาเซิ่ลว่ามาต้าลงไปในช่วงท้ายเกมนั้นเขามีหน้าที่ที่ต้องทำ (ถ้าให้พบตีความหมาย อาจจะบ่งบอกว่ามาต้านั้นทำไม่ได้สำเร็จ พลิกเกมเปลี่ยนเกมให้เชลซีไม่ได้)

       แถมมูริญโญ่ยังกล่าวเชิงเปรียบเทียบออสการ์ กับมาต้าด้วยว่าถ้าจะมีใครมาบอกตนเองว่าออสการ์ไม่ใช่นักเตะที่ดีที่สุดในทีมเขาจะไม่เชื่อ ฉะนั้นเขาจึงจะเลือกออสการ์เป็นเพลย์เมกเกอร์คนเดียวในทีมเชลซีของเขาเท่านั้น คือสถานการณ์มาถึงขนาดนี้แล้วผมก็ว่าในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะเดือนมกราคมเปิดขึ้นเราคงได้ลุ้นกันมันส์แน่ว่า ฮวน มาต้า จะได้ย้ายไปอยู่กับทีมไหน? ส่วนที่รู้ๆกันในตอนนี้ก็คือมาต้าคงเริ่มไม่มีความสุขกับการค้าแข้งในถิ่นสแตมฟอร์ดบริดจ์แล้วล่ะครับ

35
       ผ่าน 4 นัดของฤดูกาลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2013-2014 เราได้เห็นกันว่าทีมหงส์แดงลิเวอร์พูลยกระดับมาตฐานคุณภาพทีมของตนเองขึ้นมาแตกต่างจากฤดูกาลก่อนๆอย่างสิ้นเชิงคือขึ้นนำเป็นจ่าฝูงด้วยจำนวนแต้มที่มากที่สุด คือ 4 นัด 10 แต้ม ไม่เท่านั้น รางวัลนักเตะยอดเยี่ยม รางวัลผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำพรีเมียร์ลีก 2013-2014 ก็ต้องเป็นของลิเวอร์พูลทั้งคู่ (ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ , แบรนแดน ร็อดเจอร์ส ตามลำดับ) อย่างไรก็ตามนัดล่าสุดที่หงส์แดงพบกับสวอนซีนั้นดูเหมือนว่าอาจจะเป็นสัญญาณบ่งบอกลายๆว่าพวกเขากำลังจะกลับเข้าสู่คุณภาพที่แท้จริงของทีมหรือเปล่า?

       เพราะออกมาจากลิเบอร์ตี้ สเตเดี้ยมของทีมหงส์ขาว สวอนซี แบบสะบักสบอม เกือยจะไม่ได้แต้มกลับมาจากสนามเลยด้วยซ้ำ ในแมทต่อไปของหงส์แดง (แมทที่ 5) ซึ่งจะเตะกันในวันนี้ (21 กันยายน 2556) จึงถือเป็นอีกแมทการแข่งขันที่จะพิสูจน์คุณภาพที่แท้จริงของทีมหงส์แดงเลยว่า ที่จริงแล้วพวกเขามีระดับทีมอยู่ ณ จุดไหน ยกระดับขึ้นมาจากฤดูกาลก่อนแล้วตามที่ตาราคะแนนชี้ชี้ชัดว่าพวกเขาเป็นจ่าฝูงหรือไม่ โดยถ้าพลพรรคหงส์แดงสามารถเอาชนะทีมนักบุญ เซาธ์แฮมป์ตันได้ พวกเขาก็จะนำเป็นจ่าฝูงต่อไปอีกโดยที่ไม่ต้องสนผลการแข่งขันของทีมใหญ่อื่นๆว่าจะออกมาเป็นอย่างไร ทีมไหนจะแพ้ จะชนะ และนั่นก็คงแน่นอนครับว่าในฤดูกาลนี้ก็ต้องยอมรับจริงๆว่าหงส์แดงนั้นยกระดับคุณภาพของทีมขึ้นมาจากเดิมแล้วจริงๆ

       หรือกล่าวได้ว่ายกตัวเองจากการเป็นทีมกลางๆตาราง ไม่ได้ลุ้นกระทั่งโควตาแชมเปี้ยนส์ลีก ให้ก้าวกระโดดขึ้นมาเป็นทีมลุ้นแชมป์อย่างเต็มตัว ที่สำคัญยิ่งก็คือในแมทนี้ลิเวอร์พูลไม่มี “ฟิลิปเป้ คูติญโญ่” เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่งที่ผู้จัดการทีม แบรนแดน ร็อดเจอร์สบอกว่าสำคัญกับทีมอย่างมาก และอีกคนที่ไม่มีแน่ๆเช่นกันก็คือ หลุยส์ ซัวเรซ ที่ยังติดโทษแบนอยู่ ฉะนั้นมันแน่ซะยิ่งกว่าแน่ว่าถ้าพวกเขาชนะได้โดยไม่มีสองนักเตะคนสำคัญของทีม พวกเขาย่อมดีพอที่จะลุ้นแชมป์ในระยะยาว แต่ทว่าหากแพ้ขึ้นมาคงไม่ต้องบอกกันว่าที่จริงแล้วคุณภาพของทีมหงส์แดงอยู่ในระดับไหน

36
       เจอข่าวงงๆของร็อดเจอร์สไปได้ไม่นานเท่าไหร่ ก็มีข่าวงงโผล่มาให้ได้รับทราบกันอีกแล้วครับ โดยเป็นข่าวเกี่ยวกับเรื่องของเป้าหมายในรายการพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ของทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล ซึ่งตามที่ทราบกันไปก่อนหน้าร็อดเจอร์สได้ทำความงุนงงเอาไว้โดยพูดประมาณว่าทีมลิเวอร์พูลต้องมีการเสริมแกร่งอีกเพื่อลุ้นพื้นที่ยูฟ่าแชมเปชี้ยนส์ลีก โดยยกตัวอย่างที่สเปอร์ประกอบให้ดูว่าพวกเขาใช้เงินทุ่มซื้อนักเตะราว 100 ล้านปอนด์เพื่อให้ได้มาซึ่งการติด 1 ใน 4 อันดับแรก ก็เลยทำเอาแฟนบอลโดยเฉพาะเดอะค็อปงงกันเป็นไก่ตาแตกว่าที่ออกสตาร์ทฤดูกาลได้ดีขนาดนี้

       มีการเสริมทัพด้วยนักเตะอย่างมามาดู ซาโก้ อิลอรี่ ตูเร่ รวมไปถึงวิคเตอร์ โมเซส แถมในศึกแดงเดือดคำรบแรกก็เอาชนะผีแดง แมนฯยูไนเต็ดไปได้แล้วพร้อมกับเก็บ 3 แต้มสำคัญ แต่ร็อดเจอร์สหวังพาทีมคว้าแค่โควตาแชมป์เปี้ยนส์ลีกเท่านั้นเองหรือ คือไม่คิดจะเก็บคว้าเอาโอกาสดีๆแบบนี้ในการเร่งทำผลงานให้ดีแล้วซิวแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัย 19 ที่แฟนบอลรวมถึงทุกฝ่ายในลิเวอร์พูลรอคอยมาเนิ่นนานเลยหรอ ทว่ามาในข่าวคราวหนนี้ร็อดเจอร์สก็กลับออกมาพูดเชิงว่าต้องการรักษาตำแหน่งจ่าฝูงให้ได้นานที่สุด พร้อมพูดออกมาประมาณว่าถ้าหลุยส์ ซัวเรซกลับมาแล้ว ลิเวอร์พูลจะได้ล่าแชมป์พรีเมียร์ลีกแบบเต็มตัว ทำนองนั้นเลยครับ

       แต่กระนั้นร็อดเจอร์สก็ชี้ว่าก่อนที่ซัวเรซจะกลับมาทีมลิเวอร์พูลก็ต้องพยายามรักษาความได้เปรียบในการนำเป็นจ่าฝูงไว้ให้ได้ต่อไป ซึ่งเรื่องนี้แน่นอนว่าผมเองก็เห็นด้วยกับที่ร็อดเจอร์สพูดเพราะแม้ว่าลิเวอร์พูลจะนำจ่าฝูงอยู่แต่ด้วยศักยภาพทีมปัจจุบันที่ไม่มีซัวเรซยังดูเป็นรองทีมคู่แข่งแย่งแชมป์หลายๆทีมอยู่ ฉะนั้นถ้ารักษาความได้เปรียบนี้ไว้ได้จนถึงเวลาที่ซัวเรซกลับมาแล้ว ก็จะเป็นโอกาสที่ดีมากที่ลิเวอร์พูลจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ได้สำเร็จ แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ก็ไม่ทราบเหมือนกันนะว่าวันดีคืนดีแบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือทีมลิเวอร์พูลจะออกมาเปลี่ยนเป้าหมายของทีมอีกหรือเปล่า?

37
       นับจากที่มีการถกเถียงกันมาเนิ่นนาน ก็ถึงเวลาที่เวทีฟุตบอลระดับโลกอย่างพรีเมียร์ลีก อังกฤษได้ข้อลงเอย และได้ฤกษนำเอาเทคโนโลยี โกลไลน์ เข้ามาช่วยในการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินแล้ว โดยเป็นที่แน่นอนว่าฤดูกาลนี้ทั้งฤดูกาล ทุกแมทการแข่งขัน ทุกสนาม จะได้ใช้เทคโนโลยีโกลไลน์ในการเป็นตัวช่วยตัดสินว่าบอลข้ามเส้นประตูไปแล้วหรือยัง ซึ่งส่วนตัวผมมองว่าเป็นการช่วยขจัดความไม่เป็นธรรมของผลการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษที่ดีมากๆเลย

       แม้ว่าเทคโนโลยีตัวนี้อาจจะไม่ได้ช่วยลดความผิดพลาดทั้งหมดในการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินในสนาม แต่อย่างน้อยมันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาใช้งาน วันข้างหน้าเราอาจจะได้เห็นเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาช่วยสนับสนุนการตัดสิน ทำให้การตัดสินเกมในสนามถูกต้องมากกว่านี้อีกก็เป็นได้ เช่น การนำภาพรีเพลย์มาช่วยตัดสินจังหวะการทำฟาล์วของนักเตะว่าจริงๆแล้วฟาล์วหรือไม่ฟาล์ว ฝั่งใดผิดฝั่งใดถูก เพราะหลายการให้ลูกโทษ การให้ฟรีคิก ก็เกิดจากการตัดสินที่ผิดพลาดเหมือนกัน ส่วนว่าเทคโนโลยีโกลไลน์นี่จะช่วยในการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินเกมการแข่งขันพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลนี้ได้มากน้อยแค่ไหน ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าเคสปัญหาลูกกำกึ่งว่าข้ามเส้นไปแล้วหรือยังนั้นเกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหน ถ้ามีเคสเกิดขึ้นเยอะก็เท่ากับว่าเทคโนโลยีโกลไลน์นี่ช่วยผู้ตัดสินได้เยอะ

       แต่ถ้าไม่ได้มีเคสเกิดขึ้นเยอะเท่าไหร่เทคโนโลยีนี่ก็อาจไม่ได้ช่วยผู้ตัดสินอะไรมากมาย ด้วยเทคโนโลยีตัวนี้ช่วยผู้ตัดสินได้เฉพาะกรณีลูกกำกึ่งว่าเข้าประตูไปแล้วหรือไม่เท่านั้น อย่างที่บอกว่ามันไม่ได้ช่วยลดความผิดพลาดในการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินทั้งหมดในสนาม กระนั้นก็เถอะครับ แม้จะเกิดเคสปัญหาขึ้นน้อย หรือไม่เกิดเลยก็ตามการมีโกลไลน์อยู่ในสนามก็ช่วยทำให้นักเตะ ผู้จัดการทีมของทุกทีมสบายใจ อุ่นใจได้กับการตัดสินของผู้ตัดสินได้ดีกว่าตอนไม่มีครับ

38
       ปิดฤดูกาลกันไปนาน ทั้งนักเตะสต๊าฟโค้ช ทีมงานของทีมสโมสรฟุตบอลต่างๆก็ได้พักกันแบบเต็มอิ่มกันไปแล้ว เวลานี้ก็ได้เวลานี้ฤดูกาลใหม่จะกลับมาเริ่มฟาดแข้งกันอีกครั้ง ซึ่งจริงๆก็อย่างที่ทราบๆกันว่านัดแรกนั้นก็เป็นเพียงนัดแรกของการแข่งขันทั้งฤดูกาล ผ่านพ้นนัดนี้ หรือแมทนี้ไปก็จะยังมีอีกหลายแมทให้แต่ละทีมได้เก็บเกี่ยวแต้มกันอีกมากมาย คือไม่สามารถที่จะมาวัดตัดสินใจแชมป์กันได้ตั้งแต่นัดแรกอยู่แล้ว แต่ทั้งนั้นทั้งนี้จะว่านัดแรกมันไม่ได้สำคัญก็คงจะไม่ใช่

       เพราะแต้มในนัดแรกที่มีให้เก็บมันก็เท่ากับทุกๆนัดที่มีให้เก็บตลอดฤดูกาล และก็เท่ากับนัดสุดท้ายของฤดูกาลด้วย ฉะนั้นนัดสุดท้ายของฤดูกาลสำคัญแค่ไหน นัดแรกก็ควรจะสำคัญมากพอๆกัน ยิ่งไปกว่านั้นนัดแรกมันยังพิเศษกว่านัดอื่นๆก็ตรงที่ว่ามันเป็นนัดแห่งการเรียกความมั่นใจ ทีมไหนเอาชนะคู่แข่ง เก็บสามคะแนนเต็มได้ตั้งแต่นัดแรกของฤดูกาล ความมั่นใจที่จะสู้ในนัดต่อๆไปของฤดูกาลก็มาเต็มเปี่ยม แต่ทีมไหนพลาดท่าพ่ายซะตั้งแต่นัดแรกของฤดูกาล ก็น่าเป็นห่วงว่าจะกู้ฟอร์มเก่งกลับมาได้เมื่อไหร่ มันจึงแน่นอนครับว่าในนัดแรกของฤดูกาลไม่ว่าจะเป็นพรีเมียร์ลีก อังกฤษ หรือลีกไหนๆก็ตามทุกทีมต้องใส่เต็มแน่นอน คอบอลของลีกใดๆจึงไม่น่าจะพลาดการติดตามการแข่งขันนัดแรกด้วยประการทั้งปวงครับ

       อย่างผมเองเป็นคอบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ก็รอติดตามการคิกออฟแมทแรกของศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษแบบใจจดใจ่จ่อเช่นกัน แล้วก็หวังว่าทุกทีมในพรีเมียร์ลีกก็คงรอที่จะทำผลงานในสนามแบบเต็มที่อย่างใจจดใจจ่อให้คอบอลอย่างเราๆได้ดูกันแบบสุดมันส์เช่นกัน ส่วนเป้าหมายของแต่ละทีม ในแต่ละลีกก็คงไม่ต่างจากฤดูกาลก่อนๆเท่าไหร่ อยู่ที่ว่าทีมไหนจะทำได้สำเร็จหรือเปล่า และนัดแรกนี้แหละจะมีส่วนช่วยเรียกความมั่นใจที่สำคัญในการทำเป้าหมายของทีมตนเองให้สำเร็จ เพราะตามที่บอกนัดแรกไม่ได้ตัดสินแชมป์ แต่นัดแรกเป็นอะไรที่สำคัญสำหรับการเรียกความมั่นใจมากๆ

39

       เกือบจะเป็นปรีซีซั่นที่สมบูรณ์แบบมากที่สุดอยู่แล้ว ทว่าทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูลกลับมาพลาดท่าปราชันในนัดสุดท้ายไปแบบหวุดหวิด 1-0 ทำให้พวกเขาเสียสถิติการลงแข่งขันปรีซีซั่นแบบชนะรวดไปโดยปริยาย โดยก่อนหน้า 6 นัดรวด พวกเขาเอาชนะคู่แข่งได้ทั้งหมด 6 นัด และเสียประตูไปเพียง 1 ประตูเท่านั้น ทั้งนี้ในเกมปรีซีซั่นนัดสุดท้ายของทีมหงส์แดงที่พวกเขาพ่ายไปนั้น เป็นการพ่ายแพ้ต่อทีมเซลติก ณ สนามอวิวา สเตเดี้ยม สาธารณรัฐไอร์แลนด์ ซึ่งเข้าใจว่าน่าจะเป็นสนามกลางเพราะลิเวอร์พูลเป็นทีมจากอังกฤษ ขณะที่เซลติก็เป็นทีมของสก็อตแลนด์ สำหรับความจุสนามนี้นัดจุผู้ชมได้เพียง 12,000 คนเท่านั้น ถือว่าเป็นสนามที่มีขนาดค่อนข้างเล็กมาก

       เกมนี้ลิเวอร์พูลยังคงใช้ผู้เล่นหน้าเดิมๆที่ใช้ในเกมปรีซีซั่นเกมก่อนๆ อาทิ ยาโก้ อัสปาส ซิมง มิโญเล่ สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด ฟิลิปเป้ คูติญโญ่ โคโล่ ตูเร่ เป็นต้น ในส่วนของประตูที่เกิดขึ้นนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่ต้นเกม ในนาทีที่ 12 จากการยิงของ อามิโด้ บัลเด้ และแม้ตลอดระยะเวลาที่เหลือในเกมนี้ ลิเวอร์พูลจะพยายามบุกเพื่อทวงประตูคืน แต่เกมรับของเซลติกก็ดีเกินคาดทำให้พวกเขาไม่สามารถทวงประตูคืนได้สำเร็จ จึงจบเกมไปด้วยสกอร์ดังกล่าว อย่างไรก็ตามครับแบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือหงส์แดง รู้สึกพึ่งพอใจกับผลงานในนัดนี้ โดยเฉพาะการได้เห็นการประสานที่ดีระหว่างคูติญโญ่ กับ สเตอร์ริดจ์ สองนักเตะแนวรุกตัวหลักของทีมที่น่าจะเป็นความหวังที่ดีที่สุดของทีมในฤดูกาลใหม่ด้วย

       ส่วนผลกระทบจากความพ่ายแพ้ในแมทนี้สำหรับทีมหงส์แดง คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรมาก อาจมีบ้างในเรื่องของความมั่นใจในการลงสู้ศึกซีซั่นใหม่ที่อาจจะขาดหายไปหน่อย เพราะที่ผ่านมาพวกเขาอุตส่าห์ทำผลงานชนะรวด และก็คงหวังจะชนะในแมทนี้ด้วย แต่ผลออกมาเป็นแบบนี้ก็ย่อมผิดหวัง และพาให้ความมั่นใจเลือนหายไปบ้าง แต่ทว่าด้วยรูปเกม การเล่นที่คงเส้นคงวามาตลอดปรีซีซั่น รวมถึงนัดนี้ด้วยจึงไม่น่าจะทำให้ความพ่ายแพ้หนนี้กระทบกับฟอร์มการเล่นในช่วงต้นฤดูกาลใหม่เท่าใดนัก

40

       หลังจากที่ คาราเกอร์ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีของ หลุยส์ ซัวเรซ ออกมาในทำนองว่าเขานั้นเป็นผู้เล่นที่ดีเกินไปสำหรับทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูลในเวลานี้ พร้อมทั้งยังระบุทีมที่เหมาะสมสำหรับซัวเรซอีกด้วยว่าควรจะเป็น บาร์เซโลน่า มาดริด หรือไม่ก็บาร์เยิร์น มิวนิค ทีมแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกทีมล่าสุด ก็คงทำให้หลายคนได้ถกเถียงกันเกี่ยวกับเรื่องนี้พอสมควร โดยส่วนนึงก็คงเห็นด้วยกับที่คาราเกอร์กล่าวออกมา แต่บางส่วนก็ต้องไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามในส่วนของเหตุผลที่คาราเกอร์ อดีตกองหลังของลิเวอร์พูลให้มานั้น ถ้าพินิจพิจารณาดีๆก็นับเป็นเหตุที่มีน้ำหนักทีเดียว

       โดยคาราเกอร์นั้นให้เหตุผลประมาณว่า ลิเวอร์พูลในเวลานี้เป็นทีมที่กำลังเปลี่ยนถ่ายนักเตะ กำลังสร้างทีมใหม่ๆ นักเตะฝีเท้าดีๆระดับโลกอย่างซัวเรซนั้นไม่อาจรอความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นกับลิเวอร์พูลได้ เวลานี้เขาคู่ควรกับการเล่นแชมเปี้ยนส์ลีก รวมทั้งการคว้าแชมป์ด้วย ส่วนปืนใหญ่ อาร์เซน่อลที่ยื่นข้อเสนอขอซื้อตัวซัวเรซเข้ามานั้นก็ยังไม่ถือเป็นทีมที่เหมาะสำหรับซัวเรซเช่นเดียวกับต้นสังกัดลิเวอร์พูล คือเหตุผลประมาณนี้ก็แน่นอนว่าเป็นอะไรที่น่าเห็นใจซัวเรซ เพราะถ้าเราดูกันจากอายุของซัวเรซ ซึ่งอายุ 26 แล้ว หากเขาจะรอประสบความสำเร็จกับลิเวอร์พูล บางทีอาจจะไม่ทันช่วงชีวิตของการค้าแข้ง หรือบางทีเขาก็อาจจะไปประสบความสำเร็จเอาตอนปลายๆของการค้าแข้งแล้ว อะไรทำนองนั้น คือประเมินดูเอาจากสภาพทีมที่คนส่วนใหญ่คิดนะครับ

       แต่ทั้งนั้นทั้งนี้บางทีผมก็คิดว่าลิเวอร์พูลอาจจะประสบความสำเร็จในอนาคตอันใกล้ หรือในฤดูกาลหน้านี้ทันทีเลยก็ได้ เรื่องความสำเร็จแบบนี้ไม่มีใครคาดเดาได้อยู่แล้ว ส่วนเมื่อเรามาคิดกันในมุมอื่นๆ เช่น การตั้งคำถามเกี่ยวกับฝีเท้าของซัวเรซ คือโอเคล่ะว่าซัวเรซนั้นเป็นนักเตะที่มีความสามารถเฉพาะตัวสูง แต่ถามว่าเป็นประโยชน์กับทีมมากกว่านักเตะคนอื่นๆจริงหรือเวลาอยู่ในสนาม อันนี้ผมไม่กล้าการันตีแน่นอน เพราะบางนัดเวลาที่ลิเวอร์พูลไม่มีซัวเรซลงสนาม ลิเวอร์พูลก็สามารถทำผลงานได้ดี แถมบางช่วงทีมเวิร์กก็ดี ไหลลื่นกว่าตอนมีซัวเรซอยู่ในสนามเสียด้วย เวลาที่ซัวเรซอยู่ในสนามหลายจังหวะเขาก็เล่นด้วยตัวเองมากเกินไป หวงบอลมากเกินไป จากที่ทีมจะได้ประโยชน์จากความสามารถเฉพาะตัวของเขาก็เลยเป็นเสียประโยชน์แทน ฉะนั้นส่วนตัวผมสรุปไม่ได้จริงๆว่าซัวเรซดีเกินไปสำหรับหงส์แดงจริงหรือเปล่า?

41
       รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมยุโรปก็ถือเป็นอีกหนึ่งรางวัลอันทรงเกียรติสำหรับนักฟุตบอลที่ค้าแข้งอยู่ในยุโรปอย่างมาก ฉะนั้นนักเตะทุกคนย่อมใฝ่ฝันอยากที่จะคว้ารางวัลนี้ไปนอนก่อน แต่ผลที่ออกมาตอนนี้ก็ชัดเจนแล้วว่ามีนักเตะเพียง 3 รายต่อไปนี้เท่านั้นที่ได้มีสิทธิ์ลุ้นรางวัลดังกล่าวไปนอนกอดประกอบไปด้วย ลิโอเนล เมสซี่ เจ้าประจำของนักเตะที่ได้ลุ้นรางวัลส่วนตัวเยอะมากที่สุด คือไม่ว่าจะมีรางวัลอันทรงเกียรติใดสำหรับนักฟุตบอลยุคนี้ เมสซี่ก็มีชื่อเข้าชิงชัยด้วยกันทั้งนั้น รายต่อมาก็ถือเป็นเจ้าประจำเช่นกัน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ปีกครบเครื่องของทีมราชันชุดขาว รีล มาดริด

       และอีกหนึ่งราย ฟร้อง ริเบรี่ ผู้ที่ทำผลงานตลอดฤดูกาล 2012-2013 ให้กับทีมบาร์เยิร์น มิวนิค ทีมแชมป์ยุโรปหนล่าสุดได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมยุโรปนี้จะมีการประกาศผู้ที่ได้รับรางวัลอย่างเป็นทางการในวันที่ 29 สิงหาคม พร้อมกับการจับสลากแบ่งกลุ่มฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ฟุตบอลรายการที่ยิ่งใหญ่สุดของยุโรป โดยถ้าให้ผมเลือกตามความชอบ และเดาๆเอาด้วยว่าใครน่าจะได้รับรางวัล ผมเลือกเมสซี่ครับ เพราะรู้สึกได้ว่าเค้าเป็นนักเตะที่มีฝีเท้าเลื่อมกว่าคนอื่นๆเสมอ ทั้งที่อาจจะเสียเปรียบในเรื่องของสรีระที่ด้อยกว่านักเตะหลายคน แต่ผลงานทุกสิ่งทุกอย่างในสนามที่เขาทำได้กลับพิสูจน์ความเป็นยอดนักเตะของโลกได้อย่างไม่ขัดเขิน อีกทั้งในฤดูกาลที่ผ่านมาเมสซี่ทำลายสถิติการยิงประตูแบบกระจุบกระจายด้วย ดังนั้นน่าจะมีภาษีดีกว่าคนอื่น

       อย่างไรก็ตามน่าสนใจตรงที่ฟร้อง ริเบรี่ที่สามารถคว้าทริปเปิลแชมป์ร่วมกับทีมบาร์เยิร์น มิวนิคได้ แล้วหนึ่งในแชมป์นั้นก็เป็นแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกซึ่งเป็นแชมป์ที่สุดของยุโรปที่จัดโดยยูฟ่าเจ้าของรางวัลดังกล่าวด้วย ก็เป็นไปได้อยู่เหมือนกันว่าบรรดาผู้สื่อข่าวที่มีสิทธิ์ลงคะแนนโหวตให้กับสามสุดยอดนักเตะ อาจจะใช้เรื่องนี้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจโหวตเลือกนักเตะรายใดให้ได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมยุโรป

42
ข่าวฟุตบอล / "รูนี่ย์" วัดใจแฟนบอล
« เมื่อ: สิงหาคม 07, 2013, 08:18:13 PM »

       ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่แปลกใหม่ดีเหมือนกันครับ สำหรับการตัดสินอนาคตตัวเองของหัวหอกทีมชาติอังกฤษแห่งถิ่นโอลแทรฟฟอร์ด ของทีมผีแดง แมนฯยูไนเต็ดที่ว่ากันว่าจะใช้เสียงตอบรับของแฟนบอลเวลาอยู่ในสนามเป็นเครื่องตัดสินว่าจะย้ายออกจากถิ่นโอลแทรฟฟอร์ดหรือไม่ หากว่าแฟนบอลยังคงต้อนรับเขาดี ไม่มีการโห่ไล่ก็จะอยู่กับทีมต่อไป ทว่าหากโดนโห่ไล่ก็เตรียมที่จะเก็บข้าวของออกจากถิ่นโอลแทรฟฟอร์ดแล้วไปอยู่กับทีมอื่น ซึ่งก็ถือเป็นอะไรที่ยุติธรรมต่อแฟนบอลของแมนฯยูนเต็ดดีเหมือนกันครับ เพราะแน่นอนว่าตลอดระยะเวลาที่รูนี่ย์เล่นให้แมนฯยูไนเต็ด ตั้งแต่ย้ายทีมมาจากเอฟเวอร์ตัน ก็มีแฟนบอลผีแดงจำนวนมากที่ชื่อชอบในตัวของรูนี่ย์ และตามเชียร์รูนี่ย์มาโดยตลอด

       หากเขาจะทิ้งทีมไปโดยไม่สนใจความรู้สึกของแฟนบอลกลุ่มนั้นเลย ก็ดูจะเป็นอะไรที่ใจดำเกินไป ทว่าหากให้เขาฝืนทนอยู่กับทีมต่อไปทั้งๆที่โดนแฟนบอลทีมตัวเองโห่ไล่ นั่นมันก็คงเป็นอะไรที่ไม่แฟร์สำหรับตัวเขาเองเหมือนกัน ก็อย่างที่ทราบกันอย่างน้อยสิ่งนึงที่เขาไม่ได้รับตามที่เขาเองพึงพอใจหากอยู่กับทีมแมนฯยูไนเต็ดต่อไปก็คือการถูกการันตีว่าจะได้เป็นตัวหลักให้กับทีม เพราะที่ผ่านมาเดวิด มอยส์ได้พูดเปรยออกมาแล้วว่ารูนี่ย์นั้นเป็นตัวซัพพอร์ทของ ฟาน เพอร์ ซี่ ดังนั้นหากต้องมาโดนแฟนบอลโห่เวลาอยู่ในสนามอีก เป็นใครๆก็ทนรับได้อยากอยู่แล้วครับ

       ส่วนทีมที่เวนย์ รูนี่ย์จะย้ายไปอยู่ในกรณีที่รูนี่ย์ตัดสินใจอำลาทีมแมนฯยูไนเต็ดก็แน่นอนว่า ตอนนี้ที่มีความเป็นไปได้ก็คือทีมเดียว สิงห์บูล เชลซี ภายใต้การนำทีมของโจเซ่ มูริญโญ่ และถ้าการย้ายครั้งเกิดขึ้นจริงนอกจากเป็นการลงเอยอนาคตของรูนี่ย์ที่ยืดเยื้อมานาน ก็จะเป็นการลงเอยการเสริมทัพของเชลซีรอบนี้แบบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วด้วย ทั้งนี้มูริญโญ่ได้กล่าวไว้ว่ารูนี่ย์เป็นเพียงเป้าหมายเดียวของเชลซีในการเสริมทัพรอบนี้ หลังจากคว้านักเตะดาวรุ่งมาก่อนบางแล้ว

43
       ท่ามกลางความฮือฮาของราคาตัวของ แกเร็ธ เบล ที่น่าจะกำลังกลายเป็นสถิติใหม่ของโลกภายหลังจากที่เจ้าตัวได้ย้ายทีมจากสเปอร์ ไปมาดริดเรียบร้อยแล้ว มีสิ่งนึงที่กำลังจะเป็นผลกระทบตามมาทันที หลังจากนี้ แต่หลายฝ่ายอาจไม่ได้ฉุกคิด โดยเฉพาะทีมรีล มาดริดที่กำลังจะทุ่มเงินในจำนวนที่เป็นสถิติใหม่ของโลกเพื่อซื้อแกเร็ธ เบล ก็คือ ตลาดซื้อขายนักเตะระดับบิ๊กเนมกำลังจะแคบลง เพราะค่าตัของเบลกำลังจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของค่าตัวนักเตะระดับบิ๊กเนม กล่าวคือสโมสรต่างๆที่มีนักเตะบิ๊กเนมอยู่ในทีม เวลาจะขายนักเตะ หรือมีสโมสรอื่นมาติดต่อขอซื้อ

       ก็จะนำเอาค่าตัวแกเร็ธ เบล มาอ้างอิงเพื่อให้ขายในราคาสูงๆได้ อย่างตัวอย่างตอนนี้ ในรายของหลุยส์ ซัวเรซ ก็เริ่มมีเดอะค็อปบางส่วนนำเอาค่าตัวของแกเร็ธ เบล มาวัดเปรียบเทียบกันแล้ว โดยได้มีการนำเอาสถิติต่างๆในการเล่นของเบล กับซัวเรซมาเทียบกัน พร้อมสรุปผลด้วยว่าซัวเรซมีสถิติ หรือทักษะในการเล่นที่ดีกว่าเบล แล้วอย่างนี้อาร์เซน่อลจะมายื่นซื้อในราคาที่ต่ำกว่าเบลเป็นเท่าตัวแบบนี้ได้ไง สรุปกันง่ายๆเลยครับว่า ในอนาคตอันใกล้ต่อไปโอกาสย้ายทีมของนักเตะระดับบิ๊กเนมจะเริ่มน้อยลง และถึงจะย้ายได้ก็จะเป็นการย้ายเข้าสู่ทีมเดิมๆในวงแคบๆ เช่น มาดริด เปแอสเช แมนฯซิตี้ โมนาโก เป็นต้น คือเป็นทีมที่มีกำลังจ่ายค่าตัวนักเตะระดับใกล้ๆร้อยล้านปอนด์เท่านั้น 

       ถามว่านี่เป็นผลกระทบที่ดีหรือเปล่า? แน่นอนไม่ดีเลย เพราะโอกาสที่นักเตะดีๆ ดังๆจะกระจายไปอยู่กับหลายๆทีมดังก็จะมีลดน้อยลง จากเดิมที่มันก็ค่อนข้างแคบลงเรื่อยๆอยู่แล้ว มันก็จะยิ่งแคบลงมากกว่า แฟนบอลอย่างเราๆอีกหน่อยก็จะได้เห็นทีมที่มีนักเตะดีๆระดับโลก ซึ่งเป็นนักเตะระดับเกรดเอของโลกจริงๆ รวมอยู่ในทีมไม่กี่ทีมของโลกตามที่กล่าว แต่ถึงกระนั้นก็เถอะในอีกมุมมองนึงก็ต้องบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงไปตามเวลาอยู่แล้ว สถิติค่าตัวของนักเตะระดับโลกก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆอยู่ดี แม้วันนี้มาดริดจะไม่ซื้อเบลในราคาประมาณ 100 ล้านปอนด์ วันหน้าก็ต้องมีสักวันที่มีนักเตะที่ได้ย้ายทีมในราคาประมาณนี้อยู่ดีครับ

44

       เรียกว่าเป็นการแซงหน้าคู่ปรับตลอดกาลเป็น 2 สมัยเข้าไปแล้วครับ สำหรับการซิวแชมป์สมัยที่ 20 ของทีมแมนฯยูไนเต็ด ขณะที่ทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล แชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีของพวกเขานั้นยังคงหยุดอยู่ที่ 18 สมัยมานานร่วม 23 ปีแล้วครับ โดยการแซงหน้าคว้าแชมป์เพิ่มเป็น 2 สมัย ครั้งนี้ของทีมแมนฯยูไนเต็ด ถือว่าค่อนข้างสวยงาม เพราะสามารถทำแต้มทิ้งห่างทีมอันดับสองมากจนการันตีความเป็นแชมป์ได้ตั้งแต่ยังไม่ทันจะปิดฤดูกาล

       และจริงๆจะบอกว่าแมนฯยูเนต็ดได้แชมป์ตั้งแต่ผ่านช่วงครึ่งฤดูกาลไปไม่นานแล้วก็ได้ครับ เพราะจำนวนแต้มที่พวกเขาเก็บได้สม่ำเสมอ สวนทางกับทีมคู่แข่งลุ้นแชมป์ต่างๆที่เริ่มทำแต้มร่วงหล่นกันมากมาย เพียงแต่มันจะดูเร็วเกินไปที่จะบอกว่าแมนฯยูไนเต็ดได้แชมป์แล้ว เนื่องจากยังเหลือโปรแกรมการแข่งขันอีกเยอะให้บรรดาทีมคู่แข่งได้แก้ตัว ทว่าเวลาผ่านไปจำนวนนัดที่เหลือก็ลดลงทุกอย่างจึงชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุดก็ได้ประกาศโฉมหน้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยที่ 20 แมนฯยูไนเต็ดอย่างเป็นทางการจริงๆตั้งแต่ยังไม่ทันจบฤดูกาล อย่างไรก็ตามครับ การคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก หรือแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษสมัยที่ 20 ของแมนฯยูไนเต็ด ซึ่งแน่นอนว่าทำให้สาวกทีมผีแดง แมนฯยูไนต็ดได้น่าชื่นตาบานกันถ้วนหน้า แต่สำหรับสาวกเดอะค็อป หรือสาวกหงส์แดง ลิเวอร์พูล ไม่เป็นที่น่ายินดีอยู่แล้ว กับการที่จะต้องมาโดนทีมคู่ปรับที่แย่งชิงความสำเร็จ แซงหน้าเพิ่มไปอีกหนึ่งสมัยเช่นนี้

       และนั่นหมายความว่า เป็นอย่างน้อยที่สุดพวกเขาจะต้องใช้เวลาถึง 2 ฤดูกาลติดต่อกันที่จะทำให้มีสถิติการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีเทียบเท่า แมนฯยูไนเต็ด กระนั้นในความเป็นจริงคงไม่อาจเป็นไปตามทฤษฎีอย่างง่ายดาย ระยะสองฤดูกาล สำหรับการก้าวขึ้นมาคว้าสิทธิ์ไปเล่นฟุตบอลถ้วยยุโรปใบใหญ่ หรือการทำให้ทีมขึ้นมาติดท็อป 4 อีกครั้ง ก็ดูเป็นเป้าหมายที่หนักพอสมควรแล้ว แต่ก็นั่นแหละครับ อะไรก็เกิดขึ้นได้ ใครจะไปคิดเพียงระยะเวลาไม่กี่ แมนฯไนเต็ดจะคว้าแชมป์เทียบเท่าลิเวอร์พูล และก้าวขึ้นมาแซงหน้าได้ในที่สุด ขณะที่ลิเวอร์พูลหยุดสถิติแชมป์ของตนเองมานานนับหลายปี ฉะนั้นนี่อาจเป็นสิ่งกระตุ้นให้พลพรรคหงส์แดงได้บุกเบิกขึ้นมาสู่ยุครุ่งเรืองอีกครั้งก็เป็นได้

45
เวสต์บรอมวิช - อาร์เซน่อล (พรีเมียร์ลีก อังกฤษ)
วันที่ : 13 พฤษภาคม 2555
เวลา : 21:00 น.
ถ่ายทอดสด : ทรูสปอร์ต 3, Star Sports Astro

เปรียบเทียบความพร้อมของทีม

เวสต์บรอมวิช :
รอย ฮ็อดจ์สัน กุนซือทีมชาติอังกฤษคนใหม่ทำทีม ''เดอะ แบ็กกี้ส์'' เสมอกับ โบลตัน 2-2 ในเกมพรีเมียร์ลีกเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว ในการเกมสั่งลาของ ฮ็อดจ์สัน วันอาทิตย์นี้ กัปตันทีม คริส บรันท์ มีอันต้องอดลงสนามช่วยทีมอย่างแน่นอน เพราะเพิ่งผ่าตัดต่อมทอนซิลมาหมาดๆ
กองกลางอีกรายอย่าง พอล ชาร์เนอร์ ส่อแววได้ลงสนามในเกมสุดท้ายให้ แบ็กกี้ส์ เพราะสัญญาจะหมดในซัมเมอร์นี้คงไม่ได้รับการต่อสัญญาอีกค่อนข้างแน่ ส่วนกองหน้า ปีเตอร์ โอเดมวิงกี้ (ขา) และปีก เจอโรม โธมัส (ป่วย) ต่างยังไม่แน่ว่าจะไหวหรือไม่ในการช่วยทีมไล่ล่าชัยชนะเพื่อลุ้นจบฤดูกาลด้วยอันดับท็อปเทน
   
อาร์เซน่อล :
เดอะ กันเนอร์ส ของผู้จัดการทีมชาวฝรั่งเศส อาร์แซน เวนเกอร์ ขอแค่ชนะในนัดนี้ก็จะได้อันดับสามอย่างแน่นอนและหมายถึงตั๋วไปลุยแชมเปี้ยนส์ ลีก แบบชัวร์ๆ หลังสะดุดด้วยการถูก นอริช ยัน 3-3 ในนัดก่อน เวนเกอร์ มีลุ้นได้ตัว ธีโอ วัลค็อตต์ ปีกความเร็วสูงทีมชาติอังกฤษหายเจ็บเอ็นหลังหัวเข่ากลับมาช่วยทีมได้ แต่ฟูลแบ็ก บาการี่ ซาญ่า วืดแน่เพราะขาหักจนต้องเข้ารับการผ่าตัด และต้องอดช่วยทีมชาติฝรั่งเศสในทัวร์นาเมนต์ ยูโร 2012 รอบสุดท้ายด้วย กองหลังเยอรมัน แพร์ แมร์เตซัคเคอร์ (ข้อเท้า) ตอบสนองได้ดีกับการรักษา ขณะที่กองกลาง อาบู ดิยาบี้ (น่อง), มิเกล อาร์เตต้า (ข้อเท้า) และ แจ็ค วิลเชียร์ (ข้อเท้า) ชวดแน่ ส่วนดาวซัลโวประจำทีม โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ พร้อมออกสตาร์ตเช่นเดิม   

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

เวสต์บรอมวิช :
(4-4-2) : เบน ฟอสเตอร์, บิลลี่ โจนส์, แกเร็ธ แม็คออลี่ย์, โยนาส โอลส์สัน, เลียม ริดจ์เวลล์, เกรแฮม ดอร์แรนส์, พอล ชาร์เนอร์, ยุสซูฟ มูลัมบู, เจอโรม โธมัส, มาร์ก อองตวน ฟอร์กตูเน่, ปีเตอร์ โอเดมวิงกี้ (เชน ลอง)
   
อาร์เซน่อล :
(4-2-3-1) : วอยเชียค เชสนี่, ฟรานซิส โกเกอแล็ง, โธมัส แฟร์มาเล่น, โลร็องต์ กอสซิแอลนี่, คีแรน กิ๊บบ์ส, อเล็กซ์ ซง, อารอน แรมซี่ย์, ธีโอ วัลค็อตต์, โทมัส โรซิชกี้, ยอสซี่ เบนายูน, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่

วิจารณ์เกมการแข่งขัน

เวสต์บรอมฯ ฝืดในบ้าน โดยยิงได้แค่ 19 ลูกจาก 18 เกม แถมแพ้ประจำ ขณะที่ ปืนใหญ่ ต้องเน้นและชอบเกมที่เน้นโต้กลับแบบนี้ นอกจากนี้ สถิติไม่เลวนักโดยแพ้ครั้งเดียวที่ ฮอว์ธอร์นส์ นับตั้งแต่ปี 1973 เป็นต้นมา ความจี๊ดจ๊าดและเฉียบคมของ ฟาน เพอร์ซี่ คงพาปืนใหญ่เข้าป้ายที่สามได้ไม่ยาก
 

หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 114