แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Messages - Soccer

หน้า: 1 [2] 3 4 ... 114
16
       มีออกมาให้ได้ติดตามกันเรื่อยๆครับ สำหรับข่าวคราวการซื้อผู้เล่นรายใหม่ของทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูลในตลาดซื้อขายนักเตะรอบ 2 นี้ โดยล่าสุดมีสื่อในประเทศรัสเซียตีข่าวออกมาว่าระหว่างหงส์แดง และเอฟซี บาเซิ่ล รวมถึงตัวของ “ซาลาห์” ปีกฝีเท้าดีทีมชาติอียิปต์ได้บรรลุข้อตกลังกันเรียบร้อยแล้ว และซาลาห์จะได้เซ็นต์สัญญาย้ายมาอยู่กับหงส์แดง ลิเวอร์พูลเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 4 ปีด้วยกัน นอกจากนี้ยังได้มีการระบุวันเวลาที่ขั้นตอนทุกอย่างจะเรียยร้อย

       พร้อมสำหรับการเปิดตัวซาลาห์ในสีเสื้อหงส์แดงด้วยว่าจะไม่เกินวันที่ 2 มกราคม ทั้งนี้ซาลาห์ถือเป็นปีกฝีเท้าดีที่ทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูลแสดงความสนใจดึงตัวมาร่วมทีมสักพักแล้ว ขณะเดียวกันก็มีทีมใหญ่อื่นๆให้ความสนใจเช่นกัน อาทิเช่น ท็อตแน่ม ฮอต สเปอร์ ทีมร่วมลีกเดียวกับหงส์แดง แต่ก็นั่นแหละครับหากว่าสื่อกล้าตีข่าวเชิงคอนเฟิร์มการย้ายทีมขนาดนี้แล้ว ทีมดังแห่งถิ่นไวท์ฮาร์ทเลนก็คงจะต้องแห้วไปแน่นอน ส่วนเหตุผลการเสริมทัพตรงจุดนี้ของทีมหงส์แดง ก็เป็นที่ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการทีมต้องการเสริมความแข็งแกร่งในแนวรุก อย่างที่เราทราบกันมาอย่างดีโดยตลอดว่าทีมแห่งแอนฟิลด์นั้นยังมีขุมกำลังแนวรุกไม่เพียงพอสำหรับรับศึกหนักทั้งฤดูกาล และจะว่าไปอาจเรียกได้ว่าขาดแคลนก็เป็นได้ครับ ด้วยลำพังมีแค่คูติญโญ่ สเตอร์ลิง ในทีมชุดจริงมันยังทำให้ประสิทธิภาพเกมรุกของทีมไม่มีคุณภาพพอ

       คือคูติญโญ่เองก็ยังไม่สามารถที่จะหุบเข้ามาเล่นเป็นเพลย์เมกเกอร์ได้ตามที่ร็อดเจอร์สต้องการ เพราะไม่มีตัวที่จะมายืนริมเส้นแทน แต่คราวนี้หากซาลาห์ย้ายมาจริงก็จะสามารถจัดตัวแนวรุกได้อย่างมีอิสระมากขึ้น อย่างไรก็ตามแม้ว่าข่าวจะออกมาค่อนข้างจะไปในทางว่าซาลาห์จะได้ย้ายเข้ารั้วหงส์แดงแน่ๆ แต่ว่าในส่วนของค่าเหนื่อย หรือค่าตัวก็ยังไม่ได้มีการกล่าวถึงแต่อย่างใดครับ

17
       เป็นที่แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วครับว่าทางด้าน “เคซึเกะ ฮอนดะ” สตาร์ลูกหนังทีมชาติญี่ปุ่นจะได้ย้ายเข้าร่วมก๊วนปีศาจแดงดำ เอซี มิลาน ในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะเดือนมกราคมนี้ เมื่อทางด้านรองประธานสโสรเอซี มิลาน (อาเดรียโน่ กัลเลียนี่) ยักษ์ใหญ่แห่งกัลโช่ เซเรียเอ อิตาลี ออกมาเผยแบบไม่มีกั๊กว่าสโมสรเอซี มิลานได้ทำการเซ็นต์สัญญาล่วงหน้ากับสตาร์ทีมชาติญี่ปุ่นรายนี้แล้ว และตาร์รายนี้ก็จะได้เดินทางมาอยู่กับมิลานในวันที่ 3 มกราคม 57 นี้

       แถมยังแบไต๋อีกว่าฮอนดะอาจจะได้ลงเล่นในวันที่ 6 มกราคมเลย หากว่าสามารถจัดการเรื่องเอกสารต่างๆเสร็จอย่างรวดเร็ว งานนี้จึงต้องบอกว่าขอแสดงความยินดีกับแฟนบอลมิลานล่วงหน้าครับ โดยเฉพาะกับแฟนบอลที่เป็นชาวเอเชียอย่างเราๆ เพราะถึงจะไม่ใช่นักเตะไทย แต่ว่าด้วยความที่ญี่ปุ่นเป็นชาติในทวีเอเชียเหมือนกัน และเป็นประเทศที่ค่อนข้างสนิทสนมกับไทยเรา แถมมีวัฒนธรรมที่บ้านเราชื่นชอบ อาทิเช่น เรื่องของอาหาร การแต่งกาย จึงทำให้เหมือนกับว่าได้เห็นนักเตะจากบ้านเรา ตัวแทนจากภูมิภาคเราไปเป็นส่วนนึงของทีมเอซี มิลานน่ะครับ และยิ่งฮอนดะเป็นนักเตะที่ฝีเท้าสุดยอดด้วยแล้ว มันยิ่งเหมือนเป็นความน่ายินดีด้วยสองเท่าเลย คือในแง่ของการเป็นแฟนมิลานก็ดีใจที่มีนักเตะดีๆเพิ่มเข้ามาในทีมอีกคน ในแง่ของการเป็นคนเอเชียก็อย่างที่กล่าวไปคือดีใจที่เหมือนได้เห็นตัวแทนจะบ้านเราไปอยู่กับทีมใหญ่ขนาดนั้น

       ทั้งนี้ระหว่างฮอนดะ กับมิลานเคยตกเป็นข่าวกันมาตั้งแต่ช่วงตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์ที่ผ่านมาแล้ว แต่ด้วยความที่มิลานไม่พร้อมจ่ายเงินค่าตัว หรือว่าง่ายๆว่าต้องการคุ้มค่าในการดึงฮอนดะมาร่วมทีม จึงรอให้นักเตะหมดสัญญากับต้นสังกัด ซีเอสเคเอ มอสโค ก่อนแล้วค่อยดึงตัวมา (นักเตะจะหมดสัญญากับซีเอสเคเอ มอสโค สิ้นปีนี้)

18
       ยังคงไม่แน่นอนครับสำหรับอนาคตของ “เคราร์ด เดวโลเฟว” นักเตะดาวรุ่งของบาร์เซโลน่าที่เอฟเวอร์ตันยืมตัวมาใช้งานว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป หลังจากที่ตัวนักเตะทำผลงานได้ยอดเยี่ยมให้ทีมเอฟเวอร์ตัน และโรแบร์โต้ มาติเนซ กุนซือเอฟเวอร์ตันก็ออกมาแสดงเจตจำนงว่าต้องการให้เดวโลเฟวอยุ่กับทีมเอฟเวอร์ตันในฤดูกาลหน้าต่อไปอีกหนึ่งฤดูกาล จากนั้นค่อยย้ายกลับบาร์เซโลน่า แต่ขณะเดียวกันทางด้านเคราร์โด้ มาร์ติโน่ ก็ออกมากล่าวแทงกั๊กว่าเวลานี้ยังรวดเร็วเกินไปที่จะตัดสินใจอนาคตของนักเตะ โดยมาร์ติโน่กล่าวเชิงชื่นชมว่าเดวโลเฟวพัฒนาการเล่นได้ยอดเยี่ยมขึ้นเรื่อยๆ

       (ซึ่งพัฒนาการของเดวโลเฟวทำให้เขามีโอกาสก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของบาร์ซ่า) เวลานี้จึงยังไม่รู้ว่าอนาคตในฤดูกาลหน้าของเขาควรจะเล่นให้กับทีมไหน อย่างไรก็ตามแม้ว่าเดวโลเฟวจะเป็นนักเตะฝีเท้าดี และพัฒนาการเล่นขึ้นมากับทีมเอฟเวอร์ตัน โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมจนทางด้านมาร์ติโน่ กุนซือบาร์เซโลน่ารู้สึกพึงพอใจ แต่ถ้าจะว่ากันที่ความจำเป็นในการใช้งานแล้ว เวลานี้ซึ่งหมายรวมถึงในอนาคตอันใกล้อย่างฤดูกาลหน้าด้วยนั้น บาร์เซโลน่าก็ยังไม่ได้มีความจำเป็นต้องใช้งานเดวโลเฟวอยู่ดี เพราะนักเตะในตำแหน่งแนวรุกของบาร์เซโลน่า หรือตำแหน่งเดียวกัน และใกล้เคียงกันกับเดวโลเฟลมีอยู่มากมาย หลายรายก็เป็นตัวหลักของทีม ฝีเท้า ทักษะยอดเยี่ยมกว่าเดวโลเฟวด้วยซ้ำไป

       อาทิเช่น เนย์มาร์ เปโดร อเล็กซิซ เตโญ่ อิเนียสต้า รวมถึงเมสซี่ด้วยเช่นกัน ประกอบกับอายุของเดวโลเฟลก็ยังน้อย (อายุ 19 เท่านั้น) ฉะนั้นแล้วถ้าพูดกันที่ความเป็นไปได้ ถึงทางมาร์ติโน่จะกล่าวออกมาแบบกั๊กๆก็เถอะ ก็น่าจะเป็นว่าเดวโลเฟวได้เล่นให้เอฟเวอร์ตันต่อไปในฤดูกาลหน้าอีก 1 ฤดูกาลตามความต้องการของเอฟเวอร์ตัน เพราะทางเลือกแบบนี้น่าจะเป็นประโยชน์ต่อบาร์เซโลน่า และตัวเดวโลเฟลมากกว่า (เดวโลเฟวก็ได้ลงเล่น ได้เก็บประสบการณ์เพิ่มขึ้น เวลากลับไปบาร์ซ่า บาร์ซ่าก็จะได้นักเตะที่มีพร้อมทักทักษะ และประสบการณ์พร้อมสำหรับการเป็นกำลังสำคัญให้ทีมต่อไป)

19
       แม้ว่า “แกเร็ธ เบล” ปีกความเร็วสูงทีมชาติเวลส์จะต้องเริ่มฤดูกาลใหม่ กับทีมใหม่อย่างราชันชุดขาว รีล มาดริดซึ่งเป็นยอดทีมของสเปน และยอดสโมสรของยุโรปด้วยอย่างที่ต้องบอกว่าตะกุกตะกัก คือมีปัจจัยหลายอย่างเอื้ออำนวยให้เขาทำผลงานได้ไม่ดีเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นอาการบาดเจ็บที่รบกวนสภาพความฟิตของร่างกาย หรือความกดดันจากค่าตัวที่แสนแพง รวมถึงการจ้องเปรียบเทียบผลงานของเขากับ “เมซุส โอซิล” เพลย์เมกเกอร์ดาวเด่นของทีมที่ย้ายสวนทางกับเบลไปค้าแข่งยังพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

       แต่ทว่าเบลก็สามารถที่จะจัดการปัจจัยเหล่านั้น และทำให้ผงานของตนเองให้ดีขึ้นได้ตามลำดับเรื่อยๆ พร้อมๆกับการพยายามปรับตัวให้เข้ากับการใช้ชีวิตในสเปนได้ดีขึ้นเรื่อยด้วย โดยเวลานี้แกเร็ธ เบล ซัดประตูให้ทีมรีล มาดริดไปแล้วทั้งสิ้น 9 ประตู ซึ่งนับว่าเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว เมื่อเทียบกับจำนวนนัดที่เจ้าตัวลงเล่นให้มาดริดที่จำนวน 14 นัด คือเฉลี่ยแล้วยิงเกิน 2 นัดต่อ 1 ประตู แถมยังทำแฮตทริกแรกได้แล้วด้วย ด้วยเหตุนี้เองจากที่เราเคยเห็นแต่เพื่อนร่วมทีม หรือผู้คนต่างๆออกมายกย่อง “คริสเตียโน่ โรนัลโด้” ซุปตาร์โปรตุกีส ของทีมราชันชุดขาว เวลานี้เราจึงได้เปลี่ยนมาเห็นเจ้าตัวออกมายกย่องชื่นชมคนอื่นบ้างแล้ว ซึ่งก็คือการชื่นชมแกเร็ธ เบล เพื่อนร่วมทีมคนใหม่ของเขานี้แหละ ทั้งนี้โรนัลโด้ได้กล่าวทำนองสิ่งที่แกเร็ธ เบลในช่วงที่ผ่านมากับมาดริดนี้ถือเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อมาก

       เพราะเขาต้องเจอกับปัญหาบาดเจ็บเล็กๆน้อยรบกวนช่วงที่ย้ายมาใหม่ แล้วก็เจอกับแรงกดดันที่มากมายอีกด้วย นอกจากนี้โรนัลโด้ก็ยังได้ระบุอีกด้วยว่าตัวเขาเอง และเพื่อนร่วมทีมมาดริดนั้นจะพร้อมที่ให้ความช่วยเหลือแกเร็ธ เบลเสมอ ว่าง่ายๆก็คือจะไม่ปล่อยให้แกเร็ธ เบลต้องเผชิญการปรับตัว การใช้ชีวิตในสเปนแต่เพียงลำพังอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามการย้ายมาค้าแข้งในมาดริดสำหรับแกเร็ธ เบลนั้นไม่ถือว่าเป็นการย้ายมาอยู่แบบโดดเดียวซะทีเดียว ด้วยในทีมมาดริดมีนักเตะอย่าง ลูก้า โมดริช ซึ่งเป็นอดีตนักเตะสเปอร์อยู่ด้วย

20
       เป็นที่ทราบกันดีว่าในการจับสลากแบ่งกลุ่มฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายนั้นจะมีการคัดกรองระดับทีมเอาไว้ เพื่อให้บรรดาทีมเก่งๆ ทีมใหญ่ๆไม่มาฉะกันเองตั้งแต่ต้น หรือเรียกกันง่ายๆว่าจัดอันดับทีมวาง และใน ฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิลนี้ทางฟีฟ่าก็ได้ออกมามาเผยวิธีการจัดอันดับทีมวางแล้วว่าจะใช้เรื่องของอันดับฟีฟ่าแรงกิ้งในเดือนตุลาคมเป็นเกณฑ์การจัดอันดับ ซึ่งนั่นก็หมายถึงว่าตามฟีฟ่าแรงกิ้งเดือนตุลาคมนั้นหากทีมไหนมีคะแนนอยู่ในลำดับที่เท่าไหร่เราก็สามารถที่จะมาไล่เรียงเป็นอันดับทีมวาง รวมถึงอันดับไล่เลี่ยลงที่จะอยู่ในโหลต่างๆ (เวลาจับสลาก) ซึ่งไม่มีโอกาสเจอกันเองได้

       และจากการที่สื่อได้ลองมาคาดการณ์ไล่เรียงดู ก็พอจะทำให้เราได้เห็นโฉมหน้าอันดับทีมวาง 8 ทีมเป็นดังนี้ครับ สเปน, เยอรมัน, อาเจนติน่า, โคลอมเบีย, อุรุกวัย, บราซิล, เยอรมัน, สวิตเซอร์แลนด์ แน่นอน 8 ทีมนี้จะไม่มีโอกาสที่จะเจอกันเองในรอบแบ่งกลุ่ม อย่างไรก็ตามสำหรับทีมบราซิลนั้นจริงๆจากอันดับฟีฟ่าแรงกิ้งไม่ถือว่าติดอยู่ในอันดับทีมวาง แต่ทว่าด้วยความที่เป็นเจ้าภาพจึงถูกจับมาอยู่รวมกับกลุ่มทีมวางด้วย งานนี้จึงทำให้ทีมยักษ์ใหญ่อย่างฮอลแลนด์ที่มีฟีฟ่าแรงกิ้งเดือนตุลาคมดีกว่าบราซิลต้องหลุดจากทีมวางแทน สำหรับโฉมหน้าทีมยักษ์ใหญ่อื่นๆที่ไม่ถูกจัดอยู่ในทีมวางตามคาดการณ์ของสื่อเช่นกันก็ประกอบไปด้วย อังกฤษ อิตาลี และฝรั่งเศส

       ซึ่งตรงนี้น่าสนใจมากครับ ในส่วนของอังกฤษ กับอิตาลีตามอันดับคะแนนนั้นถูกจับรวมอยู่ในโหลที่ 2 (เวลาจับสลาก) รวมกับทีมอย่าง โปรตุเกส กรีซ บอสเนีย โครเอเชีย รัสเซีย และฮอลแลนด์ ซึ่งในกลุ่มทีมเหล่านี้จะไม่ได้เจอกันเอง แต่ก็มีโอกาสที่จะไปเจอกับกลุ่มทีมวางคือบรรดา 8 ทีมที่กล่าวไปก่อนหน้า เช่น บราซิล สเปน เยอรมัน แต่กับทีมชาติฝรั่งเศสนี้หลุดไปอยู่โหลที่ 3 เลยครับเท่ากับว่ามีโอกาสสูงที่บรรดาทีมใหญ่ 2-3 ทีมจะต้องมาอยู่รวมกลุ่มกับฝรั่งเศส และถ้านับรวมฝรั่งเศสด้วยก็เท่ากับว่า 3-4 ยักษ์ใหญ่ต้องมาเจอกันเองตั้งแต่ช่วงต้นๆของศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่บราซิลเลย เป็นอะไรที่สนุกสำหรับคอบอลแน่นอนครับ

21
       ใครที่ติดตามการเล่นของทีม ลิเวอร์พูล และ สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีมคนปัจจุบันมาบ้างน่าจะพอทราบว่าสไตล์การเล่นของเขานั้นเปลี่ยนไปตามลำดับช่วงเวลา และอายุของเขา ซึ่งไม่ได้จะบอกนะครับว่ามันเป็นอะไรที่ลดน้อยถอยลง หรือว่าถดถอยลง หากแต่จะกล่าวชื่นชมว่าเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจมากๆในการปรับสไตล์การเล่นของนักเตะคนนึงเพื่อให้ตนเองยังคงมีความยอดเยี่ยมอยู่ในทุกแมทที่ลงนาม เจอร์ราร์ดเริ่มเล่นฟุตบอลตอนหนุ่มในฐานะนักเตะประเภทตัวทำเกม กองกลางตัวรุกอะไรประมาณนั้น

       แล้วเขาก็เติบโตทั้งในทีมลิเวอร์พูล และทีมชาติอังกฤษมาในฐานะนั้น สามารถทำเกมจ่ายบอล สร้างโอกาสให้เพื่อนยิงประตู และทะลุขึ้นไปยิงประตูเองได้ตลอด ทว่าพออายุอานามเริ่มมากขึ้น และจะด้วยสภาพทีม ภาระของทีมที่เขาต้องประคองทีมมากขึ้นเจอร์ราร์ดก็เลยได้มีการปรับเปลี่ยนสไตล์การเล่นของตนเอง โดยลดบทบาทในเกมรุกลงมา เป็นการช่วยประคองเกมแดนกลาง คอยคุมเกม คอยออกบอลให้เพื่อนร่วมทีม แต่กระนั้นก็ไม่ได้ตัดบทบาทในเกมรุกไปซะทีเดียวเลย เมื่อมีจังหวะมีโอกาสเหมาะๆเจอร์ราร์ดก็จะเติมขึ้นไปทำเกม หรือลองยิงดูบ้าง ทั้งนี้เจ้าตัวยังอธิบายด้วยตัวเขาเองว่าตนเองนั้นยอมรับว่าไม่ใช่นักเตะหนุ่มๆที่จะมีเรี่ยวแรงวิ่งขึ้นไปเติมเกมรุกได้ตลอดทั้งเกมแล้ว แต่ก็ยังไม่ใช่เวลาที่ตนเองจะลไปเล่นรับแบบเต็มตัว หากมีจังหวะเติมเกมได้ก็จะเติมขึ้นไป โดยจะพิจารณาถึงสถานการณ์ในสนามเป็นหลัก

      ว่าสิ่งไหนจะเป็นประโยชน์ต่อทีมมากที่สุด  อย่างไรก็ตามเจอร์ราร์ดกล่าวว่าหลังจากนี้ตนจะปรับสไตล์การเล่นไปเรื่อยๆ และจะเป็นมิดฟิลด์ตัวรับแบบเต็มตัวในที่สุดก่อนที่จะแขวนสตั๊ด คือเรียกว่าเป็นการเล่นแบบรู้ตัวเอง รู้ศักยภาพร่างกาย ซึ่งทำให้ส่งผลดีทั้งต่ออาชีพค้าแข้งของเขา และส่งผลดีต่อทีมด้วย ก็แน่นอนเหลือเกินครับว่านี่คงจะหนึ่งเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้เป็นนักเตะที่เดอะค็อปชื่นชอบและยกย่องมากที่สุดในยุคหลังนี้

22

       หลังจากร้างราสนามไปนาน ทางด้าน ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ มิดฟิลด์ของทีมปีศาจแดง แมนฯยูไนเต็ดเวลานี้ก็ใกล้จะได้หวนคืนสนามแล้วครับ โดยเฟล็ทเชอร์นั้นประสบปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับลำไส้ และต้องเข้ารับการรักษากับแพทย์ต่อเนื่องยาวนานจนไม่สามารถลงสนามให้แมนฯยุไนเต็ดได้ยาว เรียกว่าแฟนบอลบางคนก็เกือบจะลืมชื่อเขาไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ทว่าในด้านของฝีเท้านั้นเขาถือเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ต้องบอกว่าครบเครื่องมากเหมือนกัน ฉะนั้นหากเขาได้คืนสนามหนนี้ก็ย่อมทำให้เดวิด มอยส์ กุนซือแมนฯยูไนเต็ดมีทางเลือกในการใช้งานผู้เล่นแดนกลางที่มากขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลให้การทำทีมของเขาง่ายขึ้น

       และผลงานของทีมแมนฯยูไนเต็ดก็ดีขึ้นด้วยก็เป็นได้ครับ ทั้งนี้ว่ากันว่าเฟล็ทเชอร์น่าจะพร้อมลงสนามในเดือนหน้านี้เองครับ แต่เราก็ต้อมาลุ้นกันด้วยว่าการที่เขาห่างหายจากสนามไปนานนั้นจะมีผลกระทบต่อฟอร์มการเล่นของเขาหรือเปล่า หากว่ากลับมาแล้วเล่นได้ตามมาตรฐานเดิมก็โชคดีสำหรับแฟนๆทีมปีศาจแดงล่ะครับ แต่ถ้าหากกลับมาแล้วยังไม่อาจเล่นได้ตามมาตรฐานเดิมๆของเขาก็คงต้องมาเอาใจช่วยให้ทางด้านเดวิด มอยส์ มอบโอกาสลงสนามให้กับเขาบ่อยๆจะได้คืนฟอร์มได้เร็วๆครับ อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าแมนฯยูไนเต็ดกำลังจะได้เฟล็ทเชอร์หวนคืนสนามกลับมา ทว่าในส่วนของเป้าหมายการเสริมทัพในแดนกลางของทีมปีศาจแดงนั้นยังเชื่อกันว่าไม่น่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง

       คือในช่วงปีใหม่พวกเขาน่าจะยังเดินหน้าเสริมทัพตามที่พวกเขาแพลนเอาไว้ ก็จึงอยู่ว่าเฟล็ทเชอร์กลับมาแล้วจะเร่งทำผลงานจนกลับมายึดตำแหน่งตัวจริงได้เร็วแค่ไหน เพราะถ้าหากชักช้า มีนักเตะใหม่เข้ามาก่อน โอกาสในการทวงตำแหน่งตัวจริงน่าจะยากขึ้น ดีไม่ดีเขาอาจกลับมาเป็นเพียงอะไหล่ของทีมเท่านั้น ไม่ได้กลับมาเป็นส่วนสำคัญของทีมอีกแล้วก็เป็นได้ครับ หรือหากเลวร้ายกว่านั้นหน่อยก็อาจจะถูกขายทิ้งไปเลย ซึ่งก็มีความเป็นไปได้เช่นเดียวกัน

23
ข่าวฟุตบอล / "เคดิร่า" อยากไป "เชลซี"?
« เมื่อ: ตุลาคม 26, 2013, 10:44:02 PM »
       ก็เฉียดจะได้ย้ายไปอยู่กับทีมแมนฯยูไนเต็ดในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาเหมือนกันครับสำหรับ ซาร์มี่ เคดิร่า มิดฟิลด์ของทีมราชันชุดขาว รีล มาดริด แต่ทว่าทางต้นสังกัดดังกล่าวนั้นยังเหมือนจะชั่งใจ กั๊กๆเจ้าตัวไว้ใช้งานอยู่ อย่างไรก็ตามสถานการณ์ของเจ้าตัวถูกคาดการณ์กันว่าไม่น่าจะอยู่ยาวกับทีมดังแห่งสเปน ทีมดังต่างๆในอังกฤษรวมทั้งแมนฯยูไนเต็ดที่จะซื้อเจ้าตัวเมื่อซัมเมอร์ก็เลยพากันจับจ้องสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และก็พร้อมที่จะยื่นข้อเสนอเข้าไปขอซื้อตัวในตลาดซื้อขายนักเตะเดือนมกราคม ทั้งนี้มีอาร์เซน่อล และเชลซีสองทีมดังแห่งกรุงลอนดอนด้วยที่ชัดเจนว่าจะยื่นซื้อเคดิร่า
 
      แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ว่ากันว่าทีมที่มีโอกาสจะได้เจ้าตัวไปร่วมทีมมากที่สุดนั้นเป็นทีมสิงห์บูล เชลซี ของผู้จัดการทีม “โจเซ่ มูริญโญ่” อดีตนายเก่าของทีมราชันชุดขาว เพราะตัวนักเตะนั้นรู้สึกว่ามูริญโญ่เชื่อมั่นใจตัวเขา การได้กลับไปทำงานร่วมกันอีกครั้งจึงเป็นเรื่องที่ดีต่ออนาคตค้าแข้งของเขา ส่วนปัจจัยที่ทำให้สานการณ์ในการค้าแข้งของเคดิราในประเทศสเปนนั้นไม่สู้ดี จนเป็นที่มาของการกระแสข่าวการย้ายทีมอย่างที่เรากำลังกล่าวกันอยู่นี้ก็เป็นในเรื่องการตีข่าวของสื่อต่างๆในสเปนที่มักจะไม่ค่อยชื่นชมตัวเขา ประมาณว่าจะเล่นดีมากแค่ไหนก็ไม่ได้รับคำชม แต่พอเวลาเล่นผิดพลาดหน่อยโดนจวกยับ อะไรทำนองนั้นเลยครับ

       อย่างไรก็ตามหากว่าเคดิร่าเลือกที่ย้ายไปเล่นให้เชลซีกับนายเก่าของเขา เขาก็พลาดโอกาสในการกลับไปเล่นกับเพื่อนร่วมทีมเก่าของเขาอย่าง “เมซุส โอซิล” ที่เวลานี้เล่นให้กับอาร์เซน่อล อีกทั้งจะพลาดโอกาสในการเล่นรวมกับเพื่อนร่วมชาติอีกคนอย่างแพร์ เมเตอร์ซัคเกอร์ด้วย ฉะนั้นตอนนี้ผมยังมองว่ามีความเป็นไปได้ที่ในท้ายที่สุดแล้วพอถึงเวลาตลาดซื้อขายปีใหม่จริงๆเคดิร่าจะเปลี่ยนใจย้ายไปอยู่กับทีมไอ้ปืนใหญ่ อาร์เซน่อล

24
       มีข่าวเกี่ยวกับการย้ายทีมของ อัดนาน ยานาไซ ปีกพรสวรรค์ของทีมแมนฯยูไนเต็ดออกมานานมากแล้ว และก็เป็นหลายทีมยักษ์ใหญ่ที่เข้ามามีส่วนรวม อาทิเช่น บาร์เซโลน่า ยูเวนตุส  แมนฯซิตี้ เป็นต้น ซึ่งก็แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่น่าติดตามอย่างมาก โดยเฉพาะสิ่งที่จะออกมาจากปากของตัวนักเตะเอง เพราะที่ผ่านๆมาข่าวจากสื่อต่างๆนั้นจะเป็นเนื้อข่าวที่มาจากทางสโมสรที่ต้องการตัวนักเตะตามที่กล่าวทั้งนั้น ทิศทางของข้อมูลที่เราได้ทราบก็เป็นไปในลักษณะว่าสโมสรนั้นๆให้ความสนใจตัวนักเตะจริง และก็อาจจะพยายามเจรจากับทางฝั่งนักเตะถึงความเป็นไปได้ในการย้ายทีม แต่ก็ยังไม่ได้มีอะไรชัดเจนเท่าใดนัก

       ทว่าเวลานี้ต้องบอกกันว่าสิ้นสุดการรอคอยแล้วล่ะครับ ด้วยตัวนักเตะ (อัดนาน ยานาไซ) นั้นได้ออกมาเปิดปาก เปิดใจถึงกรณีนี้เรียบร้อยแล้ว แล้วก็น่าถูกอกถูกใจแฟนๆทีมผีแดงไม่น้อยเลย เนื่องจากสิ่งที่เขาพูดออกมานั้นเป็นทำนองว่า เขามีความสุขดีกับการเล่นให้แมนฯยูไนเต็ด โดยเขาตั้งใจที่จะเล่นให้แมนฯยูไนเต็ดตั้งแต่แรกแล้ว และในเวลานี้เขาก็ได้ทำอย่างนั้น (ประมาณว่าได้เล่นกับทีมที่ตนเองฝันแล้ว ไม่จำเป็นต้องย้ายไปไหน) แถมยังบอกด้วยว่าสิ่งที่เขาจะทำต่อไปก็คือการตั้งใจทำผลงานให้ทีม พร้อมกับพยายามพัฒตาตนเองเพื่อก้าวไปเป็นนักเตะที่ดีที่สุดของโลก

       อย่างไรก็ตามเรื่องของการต่อสัญญากับทีมแมนฯยูไนเต็ดนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวนักเตะเพียงคนเดียว ยังขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคนใกล้ชิดของนักเตะซึ่งก็คุณพ่อเขา และนายหน้าของนักเตะด้วย ทั้งนี้ดูเหมือนว่าประเด็นที่ส่งผลให้ ณ ตอนนี้ยังไม่มีการต่อสัญญาออกไปก็คือเรื่องของจำนวนเงินค่าเหนื่อย กับการการันตีโอกาสในการลงสนาม ฉะนั้นก็อยู่ที่ทางด้านนายหน้านาย คุณพ่อ และสโมสรแมนฯยูไนเต็ดแล้วล่ะครับว่าจะหาจุดลงเอยในการเจรจาได้อย่างไร หากว่าหาข้อลงเอยกันไม่ได้สักที แม้ตัวนักเตะจะอยากเล่นให้ผีแดงต่อไปแต่ผมก็ว่ามีโอกาสที่จะย้ายทีมได้เหมือนกัน

25
       หลังควงกันทำผลงานให้กับทีมได้ดีต่อเนื่องในช่วงสองนัดหลัง ซัวเรซ – สเตอร์ริดจ์ คู่กองหน้าแห่งถิ่นแอนฟิลด์ (ฝ่ายแรก) ก็ได้มีการออกมาเปิดใจให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการได้เล่นร่วมกันว่าเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม โดยซัวเรซนั้นชื่นชมว่าสเตอร์ริดจ์นั้นเป็นนักเตะกองหน้าชั้นยอด ตนเองรู้สึกมีความสุขที่มีสเตอร์ริดจ์อยู่นทีมและเล่นได้เข้าขากัน ทั้งนี้ในสองนัดล่าสุดทั้งสเตอร์ริดจ์ และซัวเรซต่างก็ช่วยทำสกอร์ให้ทีมหงส์แดงเอาชนะคู่แข่งได้ ทั้งนี้ซัวเรซยังกล่าวเกี่ยวกับการเล่นร่วมกันระหว่างเขากับสเตอร์ริดจว่ามันเป็นการทำเพื่อทีมลิเวอร์พูล

       ไม่ใช่การทำเพื่อตัวเขา หรือตัวของสเตอร์ริดจ์เท่านั้น ส่วนเกี่ยวกับเรื่องฟอร์มการเล่นที่ดีของทีมหงส์แดงเวลานี้ ซัวเรซให้ความเห็นว่าถ้าหากพวกเขายังทำผลงานได้ดีแบบนี้ต่อเนื่อง เก็บชัยชนะได้ตามเป้าไปเรื่อยๆก็มีหวังที่จะจบท็อปโฟร คือเรียกว่าตัวซัวเรซนั้นยังไม่ได้มองไปไกลถึงการลุ้นแชมป์ ซึ่งก็อาจทำเอาเดอะค็อปหลายคนน้อยใจอยู่เหมือนกัน แต่มองอีกด้านสำหรับการตั้งเป้าหมายแค่ท็อปโฟร์ของซัวเรซก็ถือว่าดีจะได้เป็นการไม่กดดันตัวเองครับ ส่วนนักเตะรายอื่นๆในทีมลิเวอร์พูลที่แสดงทัศนะเกี่ยวกับการเล่นของคู่กองหน้าดังกล่าวก็มีโคโร่ ตูเร่ ปราการหลังวัยเก๋าที่ออกมาแสดงความเห็นว่าทั้งสองคนถือเป็นกองหน้าที่ดีที่สุดของพรีเมียร์ลีก อังกฤษเวลานี้ โดยตูเร่นั้นไม่ได้พูดถึงเฉพาะฝีเท้าของทั้งคู่แต่ยังพูดถึงลักษณะการทำงานร่วมกันของซัวเรซและสเตอร์ริดจ์ด้วย

       คือเขาบอกว่าทั้งคู่นั้นทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี ต่างคนต่างเคารพซึ่งกันและกัน ซึ่งก็อาจจะหมายถึงทั้งภายในและนอกสนาม ประมาณว่าอยู่นอกสนามก็เคารพกันไม่ใดมีฝ่ายใดฝ่ายนึงมองข้ามอีกฝ่ายหรือไม่ให้เกียรติอีกฝ่าย พออยู่ในสนามใครจะคิดทำอะไรในเกมรุก คิดจะจ่าย คิดจะเลี้ยงบอลไปเอง หรือคิดจะยิงประตูก็ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกขัดแย้งแต่อย่างใด ทั้งนี้ในส่วนของโคโร่ ตูเร่ที่แสดงความเห็นดังกล่าวนี้ถือเป็นหนึ่งกองหลังของลิเวอร์พุลชุดนี้ที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมมากๆครับ

26
       ว่าฟอร์มการเล่นของผีแดง รวมทั้งผลการแข่งขันเป็นอะไรที่ย่ำแย่แล้วแต่เมื่อมาพบสถิติการทำประตูจากโอเพ่นเพลย์แล้วกลับย่ำแย่ไปกว่าที่คิดซะอีก คือมาไล่ๆดูตั้งแต่เปิดฤดูกาลมาเว้นเกมที่พบกับสวอนซีเกมเดียวก็จะเห็นว่าทีมปีศาจแดง แมนฯยูไนเต็ดชุดนี้ของเดวิด มอยส์ ไม่สามารถที่จะทำประตูจากการเล่นแบบโอเพ่นเพลย์ได้เลยแม้แต่ประตูเดียวเป็นระยะเวลา 6 นัดติดต่อกันเข้าไปแล้ว นั่นหมายความว่าประตูที่แมนฯยูไนเต็ดได้มาแต่ละประตูมาจากลูกเซ็ตพีช หรือลูกตั้งเตะล้วนๆเลย

       ไร้ซึ่งการประสานงานที่ดีในเกมรุกระหว่างนักเตะในทีม ไร้จิตนาการในการสร้างเกมรุกให้สัมฤทธิ์ผล สาเหตุก็คงไม่ต้องโทษที่อะไร เพราะทราบกันดีว่าเป็นที่ตัวกุนซือ เดวิด มอยส์อย่างแน่นอน ด้วยนักเตะชุดนี้ไปไล่ดูรายชื่อได้เลยครับ ล้วนเป็นนักเตะหน้าเดิมที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลที่แล้วทั้งนั้นเลย และแถมยังมีเฟลไลนี่ กองกลางตัวเก่งที่ย้ายมาจากเอฟเวอร์ตันเพิ่มเติมอีกรายด้วย ถึงจะบอกว่าเป็นการเสริมทัพเพียงแค่คนเดียว แต่ก็นับว่าทำให้ทีมผีแดงชุดนี้น่าจะเป็นชุดที่ดูดีกว่าฤดูกาลที่แล้ว แต่ไง๊ทำไปทำมาถึงเล่นกันแบบนี้ นี่เป็นคำถามที่แฟนแมนฯยูไนเต็ดตั้งใส่เดวิด มอยส์กันอย่างหนาหูในช่วงนี้ แต่แน่นอนเป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ

       เพราะทุกคนทราบคำตอบดีว่าจะทำอย่างไรให้แมนฯยูไนเต็ดเล่นได้ดีเหมือนเดิม และสามารถทำประตูจากลูกโอเพ่นเพลย์ได้เยอะเหมือนเดิม เพียงแต่กุนซือเดวิด มอยส์ เป็นเดียวที่ยังไม่รู้ ส่วนถ้าถามส่วนตัวผมว่าทำอย่างไรประตูจากโอเพ่นเพลย์ถึงจะเกิด ผมก็คงได้แต่วนพูดเรื่องเดิมๆคือส่งชินจิ คางาวะส่งสนามบ่อยๆ และควรจะส่งลงเก้าสบนาทีเต็มด้วย เพราะมองหานักเตะที่จะทำเกมปั้นเกมสร้างโอกาสในการยิงประตูในเกมรุกให้ทีมตอนนี้ก็มีคางาวะอยู่คนเดียวที่ดีที่สุดแล้ว สำหรับกองหน้าที่จะคอยจบสกอร์ก็มี ฟาน เพอร์ซีอยู่แล้ว

27
       ผ่านพ้นไป 5 ฤดูกาล ทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อลก็ผงาดขึ้นนำเป็นจ่าฝูงของงตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้อย่างเต็มภาคภูมิแซงหน้าจ่าฝูงรายเดิมอย่างหงส์แดง ลิเวอร์พูล ที่มาสะดุดสองนัดหลังคือเสมอ และแพ้ให้กับคู่แข่งตามลำดับ แต่กระนั้นก็ถือว่าฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษในฤดูกาลนี้เป็นอะไรที่ผิดคาดสำหรับแฟนบอลเช่นกัน เพราะว่าทีมอย่างอาร์เซน่อล และลิเวอร์พูลนั้นถูกคาดเดาว่าน่าจะอยู่ในกลุ่มลุ้นโควตาฟุตบอลยุโรป คือประมาณอันดับ 4-6 ของตารางคะแนน แต่ไปๆมาๆถึงตอนนี้ทีมอย่างแมนฯซิตี้ แมนฯยูไนเต็ด และเชลซีที่ถูกมองว่าเป็นทีมลุ้นแชมป์กลับไม่ใช่ทีมที่อยู่ในตำแหน่งลุ้นแชมป์จริงๆ

       ฉะนั้นไม่ว่าจะอย่างไรก็แล้วแต่ในความที่ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้เป็นอะไรที่ผิดคาดสำหรับแฟนบอลไปหน่อย ก็ถือเป็นโอกาสอันดีที่ทีมอย่างอาร์เซน่อลอาจจะได้มีโอกาสทำผลงานคว้าแชมป์ไปครองได้ ทั้งนี้ทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อลถือเป็นทีมที่ร้างราแชมป์พรีเมียร์ลีกมานานหลายปีแล้ว และแน่นอนว่าแฟนบอลเดอะกันเนอร์ไม่รู้สึกปลื้อมผลงานในช่วงหลายปีหลังของอาร์แซน เวนเกอร์ แต่ด้วยศักยภาพทีม ปัจจัยด้านการใช้จ่ายเงินของทีมปืนใหญ่ และทีมคู่แข่งก็ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาอาร์เซน่อลยังไม่ดีพอที่จะคว้าแชมป์ ทว่าในฤดูกาลนี้ที่มีโอกาสอันดีทั้งการเก็บแต้มช่วงต้นฤดูกาลนำทีมอื่นๆเป็นจ่าฝูง และได้นักเตะคุณภาพระดับเวิร์ดคลาสอย่างเมซุส โอซิลมาอยู่กับทีม จึงแน่นอนเช่นกันว่าอาร์เซน่อลควรจะคว้าโอกาสอันดีในการที่จะผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกนี้ไว้ให้ได้

       ไม่เช่นนั้นหากรอให้ถึงฤดูกาลต่อไปๆ อาจจะทำให้พวกเขาต้องรอมาเนิ่นนานเหมือนที่ผ่านมาก็เป็นไปได้ แต่ส่วนปัจจัยจริงๆที่ผมว่าน่าจะกำหนดว่าอาร์เซน่อลนั้นจะคว้าแชมป์ฤดูกาลนี้ได้สำเร็จตามที่ตนเองการหรือไม่ ก็เป็นที่การเสริมทัพช่วงตลาดซื้อขายนักเตะเดือนมกราคม คือถ้าอาร์เซน่อลมีการเสริมนักเตะคุณภาพเข้ามาในทีมเพิ่มอีกสักรายสองราย เพื่อมาผนึกกำลังกับเมซุส โอซิลที่ซื้อเข้ามาช่วงซัมเมอร์ก็มีโอกาสสูงที่จะประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ได้ แต่ถ้าหยุดการเสริมทัพอยู่แค่นี้ก็คงต้องลุ้นแย่งกับเชลซี แมนฯซิตี้ และทีมอื่นๆแบบเหนื่อยหน่อยครับ


28
       ออกมานั่งยัน ยืนยัน นอนยันกันเลยทีเดียวสำหรับ อันเดรส อิเนียสต้า มิดฟิลด์ทักษะสูงของทีมบาร์เซโลน่าว่าจะอยู่กับทีมต่อไปจนเลิกเล่นฟุตบอลนู้นล่ะครับ งานนี้ก็เลยทำเอาบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรปหลายต่อหลายทีมพากันอกหักกันไปเป็นแทบๆ เพราะก่อนหน้านี้เคยมีข่าวว่าอันเดรส อิเนียสต้านั้นไม่สามารถตกลงสัญญากับทีมอราซูกราน่าได้ เนื่องจากปัญหาเรื่องค่าเหนื่อยที่ว่ากันว่าอาจจะไม่สมศักดิ์ศรีของตัวนักเตะ

       ทีมใหญ่ๆ โดยเฉพาะทีมเงินถุง เงินถังในยุโรปจึงพร้อมเตรียมสัญญา และเงินค่าเหนื่อยก้อนโตไว้ล่อใจมิดฟิลด์รายนี้ให้มาจรดปากกาเซ็นต์สัญญากับทีมของตนเอง แต่ทั้งนี้เจ้าตัวก็บอกจากปากเองเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าเรื่องสัญญากับทีมไม่มีปัญหาแน่นอน ตนเองไม่เคยสนใจว่าจะได้ค่าเหนื่อยเท่าไหร่ มากเป็นอันดับที่เท่าไหร่ของสโมสร เพราะตนเองอยู่ที่มีมาตั้งแต่เด็ก โตมาพร้อมที่นี้ ยังไงก็ต้องแขวนสตั๊ดที่นี้ เรียกได้ว่านอกจากจะทำให้บรรดาทีมยักษ์ใหญ่อกหักกันระนาวแล้ว ยังได้ใจแฟนบอลอราซูกราน่าไปแบบเต็มๆด้วย จากเดิมที่แฟนๆอราซูกราน่านั้นก็รักและคลั้งไคล้มิดฟิลด์รายนี้มากมายอยู่แล้ว ทั้งนี้อิเนียสต้าถือเป็นนักเตะกำลังสำคัญของทีมบาร์เซโลน่านี้ร่วมกับแนวรุกอย่างลิโอเนล เมสซี่ และมิดฟิลด์อย่างซาบี เอร์นานเดซ คือการประสานงานของนักเตะสามนี้ทำให้บาร์เซโลน่ากลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งอย่างมาก

       ดังนั้นแน่นอนว่าทางบาร์เซโลน่าก็คงอยากที่จะให้อิเนียสต้านั้นอยู่กับทีมต่อไปจนแขวนสตั๊ดเหมือนที่เจ้าตัวอยากจะอยู่ รวมไปถึงนักเตะอย่างเมสซี่ และซาบี เอร์นานเดซด้วย อย่างไรก็ตามทีมบาร์เซโลน่าถือเป็นหนึ่งทีมที่มีนักเตะจงรักภักดีต่อสโมสรจำนวนมาก ซึ่งนักเตะหลายๆคนของบาร์เซโลน่าในชุดก็พร้อมที่จะอยู่ค้าแข้งกับทีมต่อไปตราบนานเท่านาน อย่างที่เราเห็นเคสนึงในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์ก็คือ เชส ฟาเบรกาส แม้ว่าจะไม่ได้อยู่กับทีมบาร์ซ่ามาแบบยาวๆเหมือนอิเนียสต้า เมสซี่ ซาบี แต่กระนั้นพอมีทีมใหญ่อย่างแมนฯยูไนเต็ดมาขอซื้อตัว เจ้าตัวก็ไม่ได้ต้องการย้ายจากทีมไปแต่อย่างใด

29
       ตลาดซื้อขายนักเตะแต่ละรอบก็จะมีไฮไลท์การย้ายทีมของนักเตะที่น่าสนใจให้ติดตามกันอยู่เรื่อยๆ ซึ่งก็แน่นอนว่าเป็นการย้ายของนักเตะระดับซุปตาร์ ดังๆ มีชื่อเสียงค่าตัวแพง หรือไม่บางรายก็เป็นนักเตะที่มีแววรุ่ง ฝีเท้าดี อายุน้อย แต่ที่พิเศษสำหรับตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์ 2013 ก็คือ นักเตะที่ย้ายทีมแล้วถือเป็นไฮไลท์ในครั้งนี้ล้วนสวมเสื้อเบอร์ 11 ทั้งนั้นเลย รายแรกเป็นเนย์มาร์ที่ย้ายจากทีมซานโต๊สประเทศบราซิลมาอยู่กับทีมอราซูกราน่า บาร์เซโลน่า ทีมดังของประเทศสเปน

       ในส่วนของสรรพคุณนักเตะเราแทบไม่ต้องพูดถึง เพราะเนย์มาร์เป็นนักเตะที่ได้ยินชื่อเสียงกันมานานแล้ว และยังถูกมองว่าเป็นดาวเด่นที่สุดประจำทีมชาติบราซิลยุคปัจจุบันนี้ด้วย แต่ก็มีข่าวที่ทำให้ความฮือฮาในการย้ายเข้ามาเล่นกับบาร์เซโลน่าลดน้อยลงอยู่บ้าง ซึ่งคือข่าวปัญหาสุขภาพของเจ้าตัวที่ว่ากันว่ามีผลกระทบต่อการโชว์ฟอร์มของเจ้าตัว ทั้งนี้ในส่วนของค่าตัวที่บาร์เซโลน่าจ่ายให้เพื่อดึงเนย์มาร์มาเล่นให้ถิ่นคัมป์นูนั้นอยู่ที่จำนวน 57 ล้านยูโร นับว่าเป็นตัวเลขค่าตัวที่สูงมากเลยทีเดียว ส่วนรายต่อมาเป็นทางด้านแกเร็ธ เบล ย้ายจากสเปอร์ไปราชันชุดขาว รีล มาดริด รายนี้คงไม่ต้องอธิบายอะไรกัน ค่าตัวทำลายสถิติโลก (100 ล้านยูโร) ฝีเท้าก็ถูกหลายๆคนจัดให้อยู่กลุ่มเดียวกับระดับเมสซี่ และโรนัลโด้

       และสุดยอดเบอร์ 11 รายสุดท้าย เมซุส โอซิล รายนี้ย้ายสวนทางกันกับแกเร็ธ เบล ที่ไปเล่นในลาลีกา โดยโอซิลย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีกกับอาร์เซโลน่า ค่าตัวก็ทำลายสถิติสโมสรอาร์เซน่อลที่ 50 ล้านยูโร อาจจะดูเป็นตัวเลขที่ต่ำถ้าหากไปเทียบกับแกเร็ธ เบล ซึ่งย้ายไปมาดริดด้วยราคา 100 ล้าน แต่ทว่าหากเทียบคุณภาพทักษะ ฝีเท้าแล้วล่ะก็ต้องบอกว่าโอซิลคุ้มเกินคุ้ม แฟนมาดริดหลายคนยังบ่นเสียดายไม่หายที่ขายโอซิลไปให้กับอาร์เซน่อล

30
ข่าวฟุตบอล / แดงเดือด กู้หน้าใคร?
« เมื่อ: กันยายน 25, 2013, 09:14:22 PM »
       หงส์แดง ลิเวอร์พูล และ ปีศาจแดง แมนฯยูไนเต็ด สองทีมที่จะพบกันในศึกแคปปิตอลวันคัพ รอบสาม ต่างแพ้ในเกมลีกมาด้วยกันทั้งคู่ หงส์แดงแพ้คาบ้านให้กับทีมนักบุญ เซาธ์แฮมป์ตัน 0-1 ส่วนผีแดงบุกไปแพ้ให้กับทีมเรือใบสีฟ้า แมนฯซิตี้ถึง 4-1 ฉะนั้นแน่นอนว่าทั้งสองทีมต่างกำลังต้องการที่จะกู้หน้าให้ได้ และการกู้หน้า กู้ศรัทธาจากแฟนบอลที่ดีที่สุดก็คงเป็นการเอาชนะให้ได้ทันทีให้เกมถัดไป เกมนี้จึงน่าสนใจมากว่าจะเป็นใครกันแน่ที่จะกู้หน้าได้ แล้วใครจะต้องเป็นฝ่ายช้ำชอกกับผลการแข่งขันต่อไป ซึ่งถ้ามองถึงความเป็นไปได้เวลานี้สำหรับสภาพทีม สภาพจิตใจของทั้งสองทีมก็คงต้องบอกว่าน่าจะเบียดเสมอกันไป

       แต่แน่นอนละครับว่าผลการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นจริงๆไม่มีใครอาจทราบได้อยู่แล้วว่าจะเป็นอย่างไร ที่จะทราบได้ก็คือผลกระทบหลังจากผลการแข่งขันต่างหากครับ โดยถ้ามองผลได้ ผลเสียทั่วๆไปแล้วแน่นอนว่าทีมที่แพ้ทุกคนย่อมมองว่ามีมีผลดีอยู่แล้วล่ะครับ เพราะจะเป็นการแพ้สองเกมติดทันที ก็เหมือนกับที่ทีมสิงห์บูล เชลซีประสบมาแล้ว แต่หากมองว่าถ้าเกิดทีมไหนแพ้แล้วมีผลเสียกว่ากันผมมองว่าเป็นแมนฯยูไนเต็ด ด้วยเกมแดงเดือดคำรบแรกที่เป็นเกมลีก แมนฯยูไนเต็ดก็เป็นฝ่ายบุกไปพ่ายลิเวอร์พูลมาก่อนแล้ว ถ้าเกมนี้แพ้อีกก็เท่ากับแพ้สองนัดเลย แถมในนัดที่แล้วก็อย่างที่ทราบแพ้แมนฯซิตี้มาซะสกอร์เยอะเลย อันดับในลีกก็ต่ำกว่าลิเวอร์พูล ลิเวอร์พูลยังดีรั้งอันดับ 5 มีแต้มเท่ากับอันดับที่ 3 และ 4

       แมนฯยูไนเต็ดอยู่ถึงอันดับที่ 8 ซึ่งมันไม่ใช่อันดับที่ดีสำหรับทีมระดับลุ้นแชมป์อย่างแน่นอน ฉะนั้นถ้ามาบวกกับต้องแพ้คู่ปรับอย่างลิเวอร์พูลเป็นนัดที่สองของฤดูกาล เพียงแค่ในช่วงผ่าน 6 นัดแรกของฤดูกาลเท่านั้น พร้อมกับต้องตกรอบบอลถ้วยแคปปิตอลวันคัพมันจึงดูเป็นอะไรที่ไม่งามเป็นแน่ บางทีอาจกลายเป็นสิ่งตัดสินใจอนาคตของมอยส์ได้เลย แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ก็ต้องมาดูกันว่าแมนฯยูไนเต็ดจะเปลี่ยนผลเสียที่อาจจะตามมานี้ให้เป็นความกดดัน หรือแรงผลักในเกมแดงเดือดหนนี้ครับ

หน้า: 1 [2] 3 4 ... 114