แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Messages - Newsman

หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7 ... 37
61

       ต้องบอกว่าสบายใจหายห่วงได้เลยงานนี้ สำหรับกรณีอาการบาดเจ็บของ มาร์โค แวร์รัตติ และ อังเคล ดิ มาเรีย สองดาวเตะคนสำคัญของทัพ ปาริเซียง เมื่อล่าสุดเทรนเนอร์ของทีม “โลร็อง บล็องก์” ได้ออกมากล่าวยืนยันแล้วว่าอาการบาดเจ็บของทั้งสองคนไม่มีอะไรน่ากังวล อย่างที่แฟนบอลพากันตกใจไปจากที่เห็นตนเองเปลี่ยนนักเตะออกตั้งแต่ครึ่งเวลาแรกในเกมลีกนัดล่าสุด

       ทั้งนี้ในเกม ลีกเอิง สุดสัปดาห์นัดล่าสุดที่ เปแอสเช เปิดบ้านอัด แร็งส์ ไป 4-1 ดิ มาเรีย และ แวร์รัตติ มีอาการบาดเจ็บในครึ่งเวลาแรก และถูกบล็องก์เปลี่ยนตัวออกตั้งแต่ครึ่งเวลาแรกทั้งสองราย

       โดยในรายของ ดิ มาเรีย ถูกเปลี่ยนออกในช่วงท้ายของครึ่งแรก ขณะที่ทาง แวร์รัตติ ถูกถอดออกหลังหมดครึ่งเวลาแรกหรือในช่วงพักครึ่งนั่นเอง ทำให้มีการคาดการณ์กันไปว่าทั้งคู่อาจได้รับบาดเจ็บหนักจนพลาดลงช่วยทีมในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก กลางสัปดาห์ที่จะบุกไปเยือน สิงห์บลู ซึ่งเป็นแมทสำคัญที่จะชี้ชะตาว่าจะได้ผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 8 ทีมต่อไปไหม

       ว่ากันง่ายๆคือแฟนบอลของ เปแอสเช เป็นกังวลกันนั่นเองว่าการขาดทั้ง ดิ มาเรีย และ แวร์รัตติ อาจส่งผลต่ออนาคตในเวที แชมเปี้ยนส์ลีก

       อย่างไรก็ตามล่าสุด โลร็อง บล็องก์ ได้ออกมากล่าวผ่านสื่อให้แฟนบอลได้สบายใจแล้วว่า อาการบาดเจ็บของทั้งสองรายไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

       บล็องก์ อธิบายว่า ดิ มาเรีย เจ็บกล้ามเนื้อ แวร์รัตติ ก็มีอาการอักเสบแต่มันไม่ได้รุนแรงอะไร ทั้งคู่เลยมันเป็นเพียงอาการบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น และเหตุผลที่ถอดพวกเขาออกจากสนามอย่างรวดเร็วนั่นก็เพราะป้องกันไว้ก่อนนั่นแหละ

       สำหรับผลงานในลีกของ เปแอสเช ซีซั่นนี้ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่แทบจะเลิกโฟกัสไปได้แล้วเพราะนำเป็นจ่าฝูงด้วยจำนวนแต้ม 73 แต้ม ขณะที่ทีมอันดับสองที่ตามมาอย่างโมนาโกนั้นมีอยู่เพียงแค่ 49 แต้มเท่านั้นเวลานี้ยอดทีมแห่งเมืองน้ำหอมจึงมีเวลาเต็มๆในการเน้นไปที่รายการฟุตบอลถ้วยยุโรป

62

       ถึงตอนนี้ก็ต้องบอกว่าค่อนข้างชัดเจนแน่นอนว่าแล้วภารกิจกุมบังเหียนทีมสิงห์บลู เชลซี แบบขัดตาทัพในซีซั่นนี้ของ กุส ฮิดดิ้งก์ น่าจะเป็นงานสุดท้ายของเจ้าตัวแล้ว เพราะนายใหญ่มากประสบการณ์ชาวฮอลแลนด์รายนี้ได้ออกมากล่าวเผยกับสื่อเองแล้วว่า นี่จะเป็นงานทิ้งทวนอาชีพของตนเองแล้ว ก่อนที่จะใช้เวลาหลังจากนี้ไปกับการพักผ่อนอย่างเต็มที่

       ทั้งนี้ฮิดดิ้งก์เข้ามารับงานกุมบังเหียนทัพสิงห์บลูแบบขัดตาทัพแทนที่ของ โจเซ่ มูริญโญ่ ที่ถูกปลดออกจากตำแหน่งเมื่อราวสองเดือนก่อน แต่ผลงานของสิงห์บลูก็ไม่ได้นับว่าดีขึ้นมากมายสักเท่าไหร่ และแม้ว่าเจ้าตัวจะเคยประกาศกร้าวว่าพร้อมพาลูกทีมไต่อันดับ ขึ้นไปคว้าโควต้าฟุตบอลถ้วยยุโรป แต่ในภาพความเป็นจริงตอนนี้ก็ยังถือว่าห่างไกล และมีความเป็นไปได้น้อยมาก

       อย่างไรก็ตาม ฮิดดิ้งก์ กล่าวถึงอาชีพกุนซือของตนเองว่า "ตอนนี้ผมรู้สึกดีมาก ผมตื่นขึ้นมาทำงานในทุกๆเช้าด้วยความสุขชีวิตของผมเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แน่นอนล่ะว่าบางครั้งเราก็มีช่วงเวลายากลำบากหลังต้องเผชิญกับความพ่ายแพ้ แต่ทุกครั้งที่ได้ทำงานในสนามฝึกซ้อมกับนักเตะผมก็รู้สึกมีความสุข กระนั้นมันก็สมควรแก่เวลาแล้วล่ะอาชีพกุนซืออาจจะเหมาะกับคนหนุ่มกว่าผม ผมเองก็ต้องเปิดทางให้กับคนรุ่นใหม่ ผมสัญญานะว่าซีซั่นหน้าผมจะเข้ามาชมเกมของเชลซีให้ได้บ่อยที่สุด ส่วนการไปรับงานใหม่ที่อื่นมันคงไม่มีแล้วล่ะ"

       แม้ว่าฮิดดิ้งก์จะพาทีมสิงห์บลูทำผลงานออกมาได้ไม่ค่อยดีนักทั้งใน รายการฟุตบอลลีก และ ฟุตบอลถ้วย โดยเฉพาะในรายการยุโรปล่าสุดก็ยังสุ่มเสี่ยงต่อการไม่ได้ไปต่อใน แชมเปี้ยนส์ลีก เนื่องจากพ่ายแพ้ให้กับเปแอสเชมาในเกมแรก 2-1 แต่ถ้ามองกันในแง่ของความคาดหวัง ก็ไม่ถือว่าทางฮิดดิ้งก์มีผลงานที่ย่ำแย่นัก ว่ากันง่ายๆคือฮิดดิ้งก์เข้ามากุมบังเหียนทีมในสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนักจากปัญหาในยุคของมูริญโญ่ ประกอบกับการที่ไม่ได้เป็นตัวเลือกคุมทีมในระยะยาวของสโมสรอยู่แล้วจึงทำให้ความคาดหวังจากทั้งสโมสรและแฟนบอลไม่ได้มีมากมายนัก

63

       งานนี้ต้องบอกว่ามาจากประสบการณ์ตรงเลยทีเดียวสำหรับทางด้านของ วิลเลี่ยน มิดฟิลด์แซมบ้าของทีมสิงห์บลู เชลซี ที่ได้ออกมากล่าวถึงประเด็นการวืดย้ายซบหงส์แดงของ อเล็ก เตเซร่า มิดฟิลด์เพื่อนร่วมชาติในช่วงตลาดหน้าหนาวที่ผ่านมา ก่อนที่จะลงเอยด้วยการโยกซบทีมในลีกจีนด้วยค่าตัวสูงถึง 38 ล้านปอนด์

       ทั้งนี้อย่างที่ทราบกันว่า เตเซร่า เป็นเป้าหมายการเสริมทัพเบอร์แรกของหงส์แดงในตลาดหน้าหนาว โดยที่หงส์แดงได้ทุ่มเงินกว่า 25 ล้านปอนด์ เป็นขอเสนอขอซื้อแข้งดาวดังบราซิเลี่ยนรายนี้จาก ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค ยอดทีแห่งลีกยูเครนแต่ข้อเสนอกลับถูกปฏิเสธไปดื้อๆ และแม้ว่านายหน้าของนักเตะจะพยายามช่วยเต็มที่ เพื่อให้นักเตะได้โยกซบทีมยักษ์ใหญ่แห่ง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตามความฝัน แต่ด้วยเวลาอันจำกัดจึงทำให้ดีลไม่สามารถลุล่วงได้ จนท้ายที่สุดเป็นทีมจากลีกจีนที่ทุ่ม 38 ล้านปอนด์ คว้านักเตะไปโชว์เพลงแข้งในดินแดนมังกร

       อย่างไรก็ตาม วิลเลี่ยน ที่เคยชวดซบ หงส์แดง มาแล้วเช่นกัน หลังมีข่าวลือเชื่อมโยงด้วยกันเป็นเวลานานเมื่อตอนที่เล่นให้ ชัคตาร์ ก่อนหักมุมโยกซบ เชลซี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่ามันเป็นเหตุผลเรื่องเงิน ชัคตาร์ มักจะยินดีขายนักเตะให้กับทีมเล็กๆที่ยอมทุ่มเงินมากให้มากกว่าที่จะขายให้กับทีมใหญ่ๆที่ชอบต่อรองราคา มันเกิดขึ้นกับ เตเซร่า เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นกับผม

       มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ทีมไหนจะบรรลุข้อตกลงกับ ชัคตาร์ ตอนผมอยู่ที่นั่นผมครุ่นคิดเรื่องอนาคตของตัวเองอยู่ถึงสองปีเลยล่ะ (วิลเลี่ยนเริ่มต้นกับเชลซีได้ไม่ดีนัก โดยส่วนใหญ่มักจะต้องนั่งเป็นตัวสำรองให้กับทีม แต่มาในซีซั่นนี้จากฟอร์มการเล่นของแข้งตัวรุกรายอื่นในทีม สิงห์บลู ตกลงทั้ง อาซาร์, ออสการ์ เลยทำให้เจ้าตัวได้โอกาสพิสูจน์ผลงานมากขึ้น และก็ไม่ทำให้แฟนบอลเดอะบลูส์ต้องผิดหวังสามารถเล่นได้อย่างโดดเด่น ยิงประตูสำคัญๆได้ในหลายเกม)

64

       ต้องบอกว่าอาจจะไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงตัวกุนซือซะแล้วสำหรับทีมปีศาจแดง แมนฯยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่แห่ง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อล่าสุดมีรายงานข่าวออกมาจากสื่อชื่อก้องอย่าง เดอะ ซัน ว่าเวลานี้พวกเขากำลังมีแพลนที่จะเปลี่ยนแปลงระบบโครงสร้างการซื้อขายนักเตะของทีม เนื่องจากช่วงสามปีที่ผ่านมาทีมหมดเงินไปมากมายกับการช้อปปิ้งนักเตะดาวดังเข้าทีม แต่ผลที่ได้กลับตรงกันข้าม เมื่อยังไม่สามารถกลับมาใกล้เคียงกับการลุ้นแชมป์ได้เหมือนในยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

       ทั้งในซีซั่นล่าสุดยังสุ่มเสี่ยงอย่างยิ่งต่อการที่จะชวดการจบท็อปโฟร์เพื่อคว้าตั๋ว UCL ซีซั่นหน้าเพราะทาง หลุยส์ ฟาน กัล นายใหญ่ของทีมก็ได้ออกมากล่าวยอมรับแบบกลายๆแล้วว่า คงเป็นไปไม่ได้แล้วที่จะพาทีมจบหนึ่งในสี่อันดับแรก

       ตามรายงานจากเดอะซันระบุว่า เอ็ด วู้ดเวิร์ด ซีอีโอคนดังของปีศาจแดงกำลังพิจารณาให้สโมสรหันมาใช้ระบบ ผ.อ.กีฬา ที่จะคอยดูแลและกำกับการซื้อขายนักเตะร่วมกับผู้จัดการทีม แบบที่ทีมคู่แข่งร่วมเมืองอย่างเรือใบสีฟ้า แมนฯซิตี้ ทำจากเดิมที่ปัจจุบันอำนาจเบ็ดเสร็จในการเลือกสรรนักเตะของปีศาจแดงจะขึ้นอยู่ที่ตัวกุนซือเท่านั้น

       ซึ่งก็ทำให้ได้เห็นกันแบบชัดๆแล้วว่าไม่ค่อยจะเป็นผลดีต่อสโมสรสักเท่าไหร่ ตรงกันข้ามกลับต้องบอกว่าเป็นผลเสียซะด้วยซ้ำไป เพราะอย่างที่ทราบกันทั้งในยุคของ เดวิด มอยส์ และ หลุยส์ ฟาน กัล ปีศาจแดงทุ่มงบให้ช้อปปิ้งนักเตะร่วมกันกว่า 350 ล้านปอนด์ แต่นักเตะที่ได้เข้าทีมมากลับเล่นกันไม่เอาอ่าวเลย

       ทั้งยังถูกวิจารณ์กันอย่างกว้างขวางจากทั้งสื่อและแฟนบอลด้วยว่า หลายดีลเป็นดีลที่ไม่คุ้มค่าเลย อาทิเช่น เมมฟิส เดอปาย, มารูยาน เฟลไลนี่, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ หรือแม้กระทั่ง ฮวน มาต้า ที่ดึงมาจากเชลซีก็ตาม

       ปีศาจแดงในยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หมดเงินไปกับการช้อปปิ้งนักเตะน้อยมาก และแม้ว่าจะมีนักเตะหลายรายที่ถูกทุ่มซื้อด้วยเงินก้อนโตเช่นกัน แต่ก็ล้วนเป็นนักเตะที่เล่นได้อย่างคุ้มค่า

65
     2  -  1     


       เรียกว่ายังคงต้องไปลุ้นเหนื่อยกันต่อทั้งสองทีมเลยในนัดที่สองของเกมรอบน็อกเอ้าต์ หรือรอบ 16 ทีมสุดท้ายศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก สำหรับสิงห์บลู เชลซี และปาริเซียง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เมื่อผลการแข่งขันในเกมนัดแรกนั้นจบลงไปแบบเฉียดฉิว 2-1 โดยเป็นชัยชนะของเจ้าบ้าน

       ซึ่งถือว่าไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบกันสักเท่าไหร่ เพราะแม้สิงห์บลูจะพ่ายแพ้แต่พวกเขาก็ได้อเวย์โกลกลับมา  เท่ากับว่าถ้าพวกเขายิงประตูในบ้านได้แค่ประตูเดียวและไม่เสียประตู หรือชนะสกอร์ 1-0 ก็จะได้ผ่านเข้ารอบต่อไปทันทีนั่นเอง

       ทั้งนี้เกมระหว่าง เชลซี พบ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายถือเป็นหนึ่งไฮไลท์สำคัญประจำรอบเลย เนื่องจากทั้งสองทีมเวลานี้จัดได้ว่าเป็นทีมหัวแถวของยุโรป มีนักเตะระดับสตาร์อยู่แทบจะทั้งทีม โดยเฉพาะยอดทีมแชมป์ลีกเอิงนั้นช่วงหลังพวกเขาชัดเจนมากว่ามีแผนพัฒนาสโมสรให้ก้าวขึ้นเป็นเจ้ายุโรป และทุ่มเงินไปมากมายในการดึงนักเตะดาวดังระดับโลกมาเสริมทัพตลอดหลายซีซั่นหลัง

       สำหรับไฮไลท์ในเกมสิงห์บลูบุกพ่ายเปแอสเช 2-1 เจ้าบ้านเปแอสเชได้ประตูนำ1-0 จาก ซลาตัน อิบราฮิโมวิช นาทีที่ 39 แต่นาทีสุดท้ายของครึ่งเวลาแรก จอห์น โอบี มิเกล ก็มาตามตีเสมอให้ทีมเยือนเป็น 1-1 และจบครึ่งเวลาแรกไปด้วยสกอร์นี้

       ครึ่งเวลาหลังนาทีที่ 78 เอดิสัน คาวานี่ มายิงประตูขึ้นนำ 2-1 ให้เจ้าบ้านและกลายเป็นประตูชัยไปในที่สุด

       ส่วนรูปเกมที่เกิดขึ้นตลอด 90 นาทีเจ้าบ้านทำได้ดีกว่าชัดเจน โดยครองบอลได้เยอะกว่าถึง 65%-35% สร้างสรรค์โอกาสจบสกอร์ได้รวม 16 ครั้ง และเป็นการสับไกเข้ากรอบถึง 8 ครั้ง ขณะที่ทีมเยือนสร้างโอกาสได้รวม 7 ครั้งเท่านั้น ลูกคอเนอร์ก็ได้มากกว่าถึง 9 ครั้งต่อ 3 ครั้ง สรุปคือเจ้าบ้านทำได้ดีกว่าทั้งรูปเกมและผลการแข่งขันที่ออกมานั่นเอง

66

       แม้ว่าผลงานในลีกจะยังลุ่มๆดอนๆ สามวันดีสี่วันไข้ แต่ในแง่ของกระแสตอบรับหรือความพึงพอใจที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงกุนซือของหงส์แดง จากการดึงเอา เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ชาวเยอรมันมาทำงานแทนที่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ตั้งแต่เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วยังถือว่านี่คือการเปลี่ยนแปลงที่น่าพอใจเลยทีเดียว เพราะนอกจากแฟนบอล เดอะ ค็อป จะไม่ได้ออกมากล่าวตำหนิติเตียนอดีตนายใหญ่ทีมเสือเหลืองแต่อย่างใดแล้ว

       ล่าสุด สตีเว่น เจอร์ราร์ด อดีตกองกลางระดับตำนานของทีม ที่ปัจจุบันเล่นให้ แอลเอ แกแล็กซี่ และยังคงติดตามผลงานของ หงส์แดง ในฐานะแฟนบอลคนนึงอยู่ได้ออกมากล่าวชี้ว่า ถือเป็นความโชคดีของ หงส์แดง แล้วที่ได้ เจอร์เก้น คล็อปป์ มากุมบังเหียนทีม

       ทั้งนี้ผลงานโดยรวมของทีม หงส์แดง หลังการเปลี่ยนแปลงตัวกุนซือในซีซั่นนี้ไม่นับว่าเปลี่ยนแปลงไปสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพิจารณาเฉพาะอันดับใน ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เพราะพวกเขายังคงอยู่ห่างจากเป้าหมายการจบท็อปโฟร์โดยยังคงทำแต้มหล่นหายบ่อยครั้งในการพบกับทีมเล็กๆ แต่เมื่อมองภาพรวมของฟุตบอลแล้วกลับเป็นอะไรที่น่าพอใจไม่น้อย เนื่องจากรูปแบบการเล่นที่เปลี่ยนแปลงไป

       หงส์แดง ในยุคของ คล็อปป์ มีการเล่นที่ดุดันขึ้น นักเตะมีความกระตือรือร้นมากขึ้นและก็มีหลายๆเกมที่พวกเขาเอาชนะคู่แข่งได้ด้วยสกอร์ที่ท่วมท้น อย่างเกมล่าสุดก็ถล่มเอาชนะแอสตัน วิลล่าไปได้ถึง 6-0

       เช่นเดียวกับสถิติเวลาพบกับทีมใหญ่ๆก็ทำได้ดีกว่าในยุคของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เรียกว่าสามารถสู้กับทีมในระดับใกล้เคียงกันได้ดีกว่าเดิมนั่นเอง  นอกจากนี้การเล่นในรายการฟุตบอลถ้วยก็มีผลงานที่ยอดเยี่ยมด้วย เมื่อได้ทะลุเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศ ศึกแคปปิตอลวัน คัพ แล้ว

       เจอร์ราร์ด กล่าวแสดงความเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของทีมว่าผมเป็นแฟนของเขาตั้งแต่เขาอยู่ ดอร์ทมุนด์ ผมติดตามเขาตลอด เราโชคดีมากๆเลยนะที่ได้เขามาคุมทีมตอนนี้ผมเองก็เริ่มสร้างความสัมพันธ์กับเขาไปบ้างแล้ว ในฐานะที่ผมเป็นแฟนบอลของหงส์แดง แล้วผมก็หวังว่าเขาจะพาเราประสบความสำเร็จได้

67

       ต้องบอกว่าโผล่มาแบบแหวกกระแสเลยทีเดียวสำหรับทางด้านของ พอล พาร์คเกอร์ อดีตแข้งปีศาจแดงที่ได้กล่าวแสดงความเห็นต่อประเด็นการเปลี่ยนแปลงของอดีตต้นสังกัด ที่กำลังลือกันหนักในช่วงนี้ว่าอาจจะสั่งปลด หลุยส์ ฟาน กัล กุนซือชาวดัตซ์แล้วดึงเอา โจเซ่ มูริญโญ่ อดีตนายใหญ่เชลซีมาทำหน้าที่แทน โดยท่ามกลางกระแสเชียร์ให้ทาง มูริญโญ่ ได้กุมบังเหียนปีศาจแดงจริงๆ รวมถึงการแสดงทัศนะของหลายๆคนว่า มูริญโญ่ คือคนที่เหมาะสมที่จะเป็นกุนซือคนต่อไปของปีศาจแดง

       พาร์คเกอร์ กล่าวแย้งว่า "มันไร้สาระสิ้นดีเลยที่บอกกันว่า มูริญโญ่ คือคนที่เหมาะสมที่จะเข้ามานำปีศาจแดงในช่วงเวลาที่วิกฤติแบบนี้ มูริญโญ่ ไม่เคยผ่านประสบการณ์แบบนี้เขาไม่เคยเริ่มต้นทำงานกับทีมไหนในช่วงเวลาที่ย่ำแย่ แถมในช่วงหลังเขาก็ทำให้นักเตะหลายคนสิ้นศรัทธาแล้วด้วย"

        "ดังนั้นผมจึงมองว่ามันไม่เหมาะเลยกับปีศาจแดงในตอนนี้ นักเตะหลายคนของปีศาจแดงก็คงคิดเหมือนกัน เวลานี้นักเตะปีศาจแดงต้องการโค้ชที่มีความอ่อนโยน ตอนนี้นักเตะรู้สึกไม่แฮปปี้กับการต้องทำงานกับโค้ชที่มีความเฮี้ยบเกินไป ผมจึงคิดว่ากุนซือแบบ ทิม เชอร์วู้ด น่าจะเหมาะและดูเป็นประโยชน์กับพวกเขามากกว่าเขามีวิธีการดูแลนักเตะที่ดี เขาจะทำให้นักเตะรู้สึกดีต่อเขาและกลับมารู้สึกดีต่อตัวเองด้วยคำพูดดีๆ นี่สิคือสิ่งที่ยูไนเต็ดกำลังต้องการ แต่มันก็น่าเสียดายนั่นแหละที่กุนซือลักษณะแบบ เชอร์วู้ด มักไม่ใช่แผนการทำทีมระยะยาวของทีมใหญ่ๆ"

       "แล้วตอนนี้ยูไนเต็ดก็กำลังโฟกัสไปที่แผนงานระยะยาวซะด้วย พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นเพราะหากรีรอ หรือทดลองแผนงานระยะสั้นไปเรื่อยๆ มันอาจทำให้พวกเขากลายเป็นแบบ ลิเวอร์พูล" (ที่ร้างราความสำเร็จในรายการลีกไปกว่า 24 ปีแล้ว)

       ที่ผ่านมามูริญโญ่มีปัญหาในการทำงานร่วมกับนักเตะทั้งในทีม เชลซี และ เรอัล มาดริด จนเป็นหนึ่งเหตุสำคัญให้ต้องออกจากตำแหน่ง

68

       เรียกว่าไม่ลองไม่รู้เลยงานนี้สำหรับทางด้านของ จอห์น อัลดริดจ์ อดีตนักเตะระดับตำนานของหงส์แดงที่ได้ออกมากล่าวเชิงแนะ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือของทีมคนปัจจุบันว่าให้ลองใช้งานสองนักเตะกองหน้าชื่อดังของทีม “แดเนียล สเตอร์ริดจ์” และ “คริสเตยอง เบนเทเก้” ในการลงล่าตาข่ายคู่กัน ซึ่งอาจทำให้ได้ผลดีเกินคาดแม้ว่าช่วงที่ผ่านมาฝ่ายหลังจะโชว์ฟอร์มได้สุดบู่ก็ตาม

       ทั้งนี้ซีซั่นนี้ เบนเทเก้ กับ สเตอร์ริดจ์ ยังไม่ได้ลงเล่นคู่กันให้หงส์แดงแบบเป็นเรื่องเป็นราวสักเท่าไหร่ เพราะในรายของ สเตอร์ริดจ์ นั้นอย่างที่ทราบกันว่าใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการรักษาอาการบาดเจ็บ และเรียกสภาพความฟิตจึงทำให้ทุกคนก็ยังไม่เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมเช่นกันว่า การเล่นคู่กันของทั้งคู่นั้นจะเวิร์กสำหรับหงส์แดงหรือไม่

       อย่างไรก็ตามเวลานี้ทั้ง เบนเทเก้ และ สเตอร์ริดจ์ ถือว่าได้กลับมาอยู่ในสภาพพร้อมลงสนามทั้งคู่แล้ว อัลดริดจ์ ตำนานนักเตะยุครุ่งเรืองของหงส์แดง จึงได้ออกมากล่าวแนะผ่านคอลัมน์ในสื่อท้องถิ่น “ลิเวอร์พูล เอ็คโค่” ว่าตอนนี้คล็อปป์ได้นักเตะหลายคนคืนกลับมาจากอาการบาดเจ็บแล้ว นั่นหมายความว่ามันไม่ได้มีความจำเป็นที่เขาจะต้องเปลี่ยนแปลงนักเตะแบบยกชุด (ส่งผู้เล่นสำรองและดาวรุ่งลง) ในเกมฟุตบอลถ้วย

       บางที สเตอร์ริดจ์ และ เบนเทเก้ อาจเป็นสองนักเตะคนสำคัญที่ทำให้พวกเขาได้ไปต่อในรายการเอฟเอคัพ (หงส์แดงมีคิวลงทำศึกเอฟเอคัพรอบสี่นัดรีเพลย์พบ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด)

       "ผมว่าบางทีคุณอาจเลือกส่ง เบนเทเก้ ลงยืนเป็นตัวจริงแล้วส่ง สเตอร์ริดจ์ ลงไปเติมในฐานะตัวสำรอง โดยให้คนใดคนนึงยืนต่ำลงมา และมีการเล่นที่อิสระซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเล่นของอีกคนได้ดีในจังหวะเข้าชาร์ต จบสกอร์ ผมว่าเขาน่าจะประสานงานกันได้อย่างยอดเยี่ยมนะ สเตอร์ริดจ์เป็นนักเตะที่ฉลาดอยู่แล้ว และเบนเทเก้ก็ต้องการนักเตะแบบนี้แหละคอยเล่นอยู่ด้านหลังเขา"


69

       ต้องบอกว่ารักจริงหวังแต่งกันเลยทีเดียวสำหรับเป้าหมายการเสริมทัพของปีศาจแดง “เนย์มาร์” ที่มีการลือออกมาตลอดช่วงระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา เพราะล่าสุดหลังจากที่ก่อนหน้านี้ไม่นานนักเตะเคยได้ออกมากล่าวเผยด้วยตัวเองว่า ได้มีการติดต่อเข้ามาพูดคุยจากทางปีศาจแดงจริง ก็เป็นทางด้านคุณพ่อของนักเตะที่ได้ออกมากล่าวเผยแบบไม่มีกั๊กต่อว่า ปีศาจแดง ได้ยื่นข้อเสนอขอซื้อลูกชายตนเองจาก บาร์เซโลน่า จริงและเป็นข้อเสนอที่มากจนน่าตกใจซะด้วย

       ทว่าความสุขในการค้าแข้งของลูกชายตนเองที่มีอยู่ในถิ่นคัมป์นูจึงไม่อาจทำให้ดีลเกิดขึ้นจริง คุณพ่อเนย์มาร์กล่าวผ่านสื่อว่า แมนฯยูไนเต็ด ยื่นข้อเสนอ 190 ล้านยูโรเพื่อขอซื้อ เนย์มาร์ ตัวเนย์มาร์มีสัญญาเหลืออยู่กับบาร์ซ่า 2 ปี แต่เขาก็ยังมีความสุขดีด้วยในการเล่นฟุตบอลที่นี่ดังนั้นพวกคุณไม่ต้องกังวล (ว่าเขาจะย้ายออกไป)

       อย่างไรก็ตาม แม้ว่าคุณพ่อของนักเตะจะยืนยันว่าลูกชายมีความสุขดีในการเล่นให้ บาร์ซ่า แต่หากว่าข้อเสนอ 190 ล้านยูโรนั้นเป็นจริงก็ต้องยอมรับกันตามตรงว่า ในช่วงตลาดซื้อขายซัมเมอร์หรือหลังจบซีซั่นนี้อะไรๆก็ย่อมเกิดขึ้นได้ เพราะตัวเนย์มาร์เองก็ไม่เคยปฏิเสธโอกาสในการย้ายไปโชว์เพลงแข้งที่ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตรงกันข้ามกลับเคยได้กล่าวลักษณะแย้มๆด้วยซ้ำว่ามีความเป็นไปได้

       อีกอย่างที่ผ่านมาก็มีข่าวออกมาเช่นเดียวกันด้วยว่าทาง บาร์ซ่า ก็ได้แพลนหาตัวแทน เนย์มาร์ ไว้แล้วเหมือนกัน งานนี้จึงสรุปกันได้สั้นๆชัดๆเลยว่า มีลุ้นแน่นอนสำหรับแฟนบอลปีศาจแดงทั้งหลาย ที่จะได้เห็นแข้งเทพบราซิลรายนี้ย้ายไปเป็นสมาชิกใหม่แห่งถิ่น โอลแทรฟฟอร์ด

       แต่เรื่องจะคาดหวังให้นักเตะทำผลงานเปรี้ยงปร้างใน พรีเมียร์ลีก เหมือนเวลานี้ที่เล่นให้ บาร์ซ่า ในสเปนคงจะดูเร็วเกินไปเพราะที่ผ่านมาก็มีตัวอย่างนักเตะดาวดังหลายรายให้ได้เห็นกันแล้วว่าสามารถเล่นได้ยอดเยี่ยมใน ลาลีกา สเปน แต่ล้มเหลวในการเล่น พรีเมียร์ลีก

70

       งานนี้อาจจะต้องบอกว่าจบสิ้นกันทีซะแล้วสำหรับอนาคตของ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ กองหน้าจอมแดนซ์กับทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล เมื่อมีรายงานออกมาจากสื่อแบบกึ่งๆลือว่า นักเตะกำลังหมดใจที่จะคืนสนามให้หงส์แดงซะแล้ว เหตุเพราะรู้สึกเบื่อหน่ายกับเสียงวิจารณ์จากหลายๆฝ่าย และแฟนบอลบางส่วนของทีมที่มองว่าตนเองไม่ทุ่มเทให้กับการลงเล่นในสีเสื้อแดงเพลิงของ หงส์แดง

       สำหรับ สเตอร์ริดจ์ ในซีซั่นนี้อย่างที่ทราบกันเจ้าตัวมีปัญหาอาการบาดเจ็บต่อเนื่องมาตั้งแต่ซีซั่นก่อน ทำให้ไม่สามารถลงสนามช่วยหงส์แดงได้อย่างที่ได้รับการคาดหวังเอาไว้ และแม้ว่าเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนนักเตะจะออกมาประกาศเองว่า พร้อมคืนสนามช่วยทีมแล้วแต่กุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ค่อนข้างใส่ใจสภาพความฟิตของนักเตะก็ออกมาเบรกเอาไว้ กระทั่งถึงตอนนี้นักเตะก็ยังไม่ได้กลับคืนสนามให้หงส์แดง แม้ว่าจะกลับมาเริ่มฝึกซ้อมอย่างเต็มรูปแบบร่วมกับทีมได้แล้วก็ตาม

       อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้มีการรายงานออกมาแล้วเช่นกันว่า คล็อปป์ พร้อมที่จะปล่อยอดีตกองหน้าสิงห์บลูรายนี้ออกจากทีมหากว่าได้ราคาค่าตัวที่เหมาะสม และหากองหน้ารายใหม่มาทดแทนในช่วงตลาดซัมเมอร์ แล้วล่าสุดก็ดังที่กล่าวข้างต้นเป็นกระแสข่าวลือที่อ้างอิงความต้องการของตัวนักเตะเองว่า กำลังมองหาทางเลือกค้าแข้งใหม่ที่น่าจะดีกว่าหงส์แดงอยู่เช่นกัน เพราะที่ผ่านมากระแสวิจารณ์ด้านลบรวมถึงปัญหาอาการบาดเจ็บเรื้อรัง ค่อนข้างบั่นทอนกำลังใจในการลงเล่นให้หงส์แดงมากทีเดียว
       
       หากไม่นับเรื่องอาการบาดเจ็บที่นักเตะมีติดตัวมานับตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่หงส์แดงแล้ว แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ถือได้ว่าเป็นนักเตะกองหน้าคนนึงที่ฝีเท้าและผลงานน่าสนใจที่สุดใน พรีเมียร์ลีก โดยมีสถิติการซัลโวประตูที่ยอดเยี่ยมมากๆ เรียกว่าถ้าพร้อมลงสนามเมื่อไหร่เขาก็คือตัวเลือกที่ดีที่สุดในแดนหน้าของหงส์แดงเวลานี้แน่ ส่วนทีมที่ตกเป็นข่าวว่าแอบให้ความสนใจเจ้าตัวโดยมากก็จะเป็นทีมจากลอนดอนอย่าง อาร์เซน่อล, สเปอร์ส, เวสต์แฮม เป็นต้น

71

       เรียกว่าแตกหักกันไปเลยงานนี้สำหรับ จอห์น เทอร์รี่ นักเตะกองหลังระดับตำนานของทีมสิงห์บลู เชลซี กับบอร์ดทีม เพราะหลังจากที่นักเตะได้ออกมากล่าวประกาศอำลาทีมหลังจบซีซั่นนี้ ล่าสุดก็เป็นสื่อดังอย่างเดอะ ซันออกมาตีข่าวเชิงเผยข้อมูลว่าเหตุที่ทำให้อดีตกองหลังทีมชาติอังกฤษรายนี้ ตัดสินใจอำลาทีมแบบกะทันหัน ช็อกแฟนบอลของทีมนั้นเป็นเพราะรู้สึกไม่พอใจบอร์ดบริหารของทีม ที่ไม่จริงจังในการยื่นสัญญาใหม่ให้ตนเอง และไร้ซึ่งความจริงใจในการทำงานร่วมกันทั้งๆที่ตนรับใช้สิงห์บลูมานาน

       ทั้งนี้ เทอร์รี่ ในซีซั่นนี้ถือว่าค่อนข้างมีปัญหาฟอร์มการเล่นอย่างมาก โดยอาจเป็นเพราะสภาพร่างกายซึ่งร่วงโรยลงไปตามอายุ จนไม่สามารถยืนเป็นแกนหลักในแผงกองหลังให้กับทีมเหมือนเดิมได้ กระนั้นนักเตะก็ยังหวังจะได้รับใช้สิงห์บลูต่อไปกระทั่งแขวนสตั๊ดกับทีม  ทว่าความเป็นจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อบอร์ดบริหารเชลซีเข้มงวดกับนโยบายการต่อสัญญากับนักเตะที่มีอายุเกิน 30 ปีอย่างมาก

       อย่างไรก็ตาม เดอะ ซัน สื่อชื่อก้องในอังกฤษตีข่าวอ้างอิงแหล่งข่าววงในสโมสรเชลซีว่า เทอร์รี่ไม่พอใจบอร์ดบริหารอย่างมากจึงเลือกตัดสินใจประกาศอำลาทีมทันทีโดยไม่รอความชัดเจนใดๆจากบอร์ด เขาต้องการรู้ว่าเขาควรทำอย่างไรกับอนาคตของตนเองต่อไป แต่บอร์ดกลับบอกให้รอการแต่งตั้งกุนซือคนใหม่ที่จะมาแทนที่กุนซือขัดตาทัพอย่างฮิดดิ้งก์ก่อน

       เพื่อดูว่ากุนซือคนใหม่ต้องการจะใช้งานเขาต่อไปหรือไม่ ซึ่งมันไม่การันตีอนาคตในทีมสิงห์บลูของเขาได้เลย มันเลยเป็นสิทธิ์ของเขาเช่นกันที่เขาจะเลือกประกาศอำลาทีม และเปิดเผยออกมาตรงๆว่าบอร์ดไม่มอบสัญญาใหม่ให้กับเขา

       เทอร์รี่ จัดได้ว่าเป็นนักเตะคนสำคัญที่สุดของสิงห์บลูในช่วงหลายปีหลัง โดยเป็นทั้งคีย์แมนในเกมรับของทีมและเป็นผู้นำทีมในฐานะกัปตันทีมทั้งยังสามารถทำประตูตัดสินเกมให้ทีมในหลายๆเกมจากลูกเซ็ตเพลย์ได้อีกด้วย

72

       ต้องบอกว่าทำเอาแฟนบอลสิงห์บลู เชลซีซึมไปเลยงานนี้สำหรับข่าวคราวล่าสุดเกี่ยวกับ 'จอห์น สโตนส์' กองหลังดาวรุ่งพุ่งแรงทีมชาติอังกฤษที่สื่อตีออกมา เพราะอย่างที่ทราบกันว่า สโตนส์ ถือเป็นเป้าหมายการเสริมทัพหลักของเชลซีมาตั้งแต่เมื่อตลาดซัมเมอร์ปี 2015 แต่แล้วจนแล้วจนรอดดีลก็ไม่สามารถลงเอยได้ เนื่องจากต้นสังกัดเอฟเวอร์ตันพยายามอย่างเต็มที่ในการรั้งตัวนักเตะ หลายคนจึงมองว่าสุดท้ายแล้วน่าจะเป็นในช่วงตลาดซัมเมอร์หน้า หรือหลังจบซีซั่นนี้นั่นแหละที่จะถึงเวลาจริงๆของนักเตะในการเก็บข้าวของออกจากถิ่นกูดิสัน พาร์ค

       ทว่า เดอะ ไทมส์ กลับตีข่าวออกมาว่าปลายทางการค้าแข้งที่นักเตะฝันหาต่อไป ไม่ใช่เชลซีหากแต่เป็นสองบิ๊กทีมแห่งเมืองแมนเชสเตอร์อย่าง แมนฯยูไนเต็ด และ แมนฯซิตี้

       ทั้งนี้เดอะ ไทมส์ให้เหตุผลว่านักเตะยังคงต้องการใช้ชีวิตแบบครอบครัวในบ้านหลังเดิม ซึ่งอยู่ย่านยอร์คเชียร์ใกล้กับ สโมสรแมนฯยูไนเต็ด และ แมนฯซิตี้ สามารถเดินทางไปกลับเพื่อฝึกซ้อมประจำวันได้เหมือนเดิม

       กล่าวคือนักเตะยังรู้สึกว่าไม่ต้องการย้ายไปใช้ชีวิตคนเดียวที่อื่นอย่างในกรุงลอนดอน ซึ่งไม่สามารถเดินทางไปกลับเพื่อฝึกซ้อมประจำวันร่วมกับทีมได้แน่นอน หรือการออกไปใช้ชีวิตต่างแดนกับบิ๊กทีมของยุโรปอย่าง เรอัล มาดริด หรือ บาร์เซโลน่า ก็เช่นกัน แม้ว่าจะเป็นปลายทางการค้าแข้งในฝันของนักเตะอาชีพยุคนี้เลยก็ตาม

       สำหรับสรรพคุณของสโตนส์นั้นก็อย่างที่ทราบกันคือเป็นนักเตะกองหลังรุ่นใหม่ที่เล่นได้อย่างเหนียวแน่นมาก เรียกว่ามีส่วนสำคัญมากในการบัญชาเกมรับของทีมทอฟฟี่ตอนนี้เลย ถึงขนาดว่าถูกยกย่องให้เป็นคีย์แมนเกมรับคนใหม่ของอังกฤษแทนที่ จอห์น เทอร์รี่ ที่ได้กลายเป็นตำนานของทีมชาติอังกฤษไปแล้ว

       อย่างไรก็ตามว่ากันว่า เอฟเวอร์ตัน นั้นตั้งราคาค่าตัวนักเตะไว้สูงมากถึง 40 ล้านปอนด์เลยงานนี้เลยต้องลุ้นกันเหนื่อยหน่อยเหมือนกันว่าที่สุดแล้วทีมอย่างปีศาจแดง และเรือใบสีฟ้าจะยอมควักจ่ายหรือเปล่า

73
     VS     

       เรียกว่ามีเกมเดือดให้ได้ติดตามกันแล้วสำหรับศึกฟุตบอลถ้วยเก่าแก่ของอังกฤษ “เอฟเอคัพ” เมื่อผลการจับสลากประกบคู่ในรอบ 5 หรือรอบ 16 ทีมสุดท้ายปรากฏว่าสองบิ๊กทีมจากลีกสูงสุด “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี กับ “เรือใบสีฟ้า” แมนฯซิตี้ ได้โคจรมาพบกันเอง โดยที่ เชลซี ของกุนซือ กุส ฮิดดิ้งก์ จะได้ลงเล่นเป็นเจ้าบ้านในสแตมฟอร์ดบริจด์

       สำหรับ การแข่งขันฟุตบอล เอฟเอ คัพ ซีซั่นนี้ในรอบ 4 ได้ผ่านพ้นกันไปแบบยังไม่ครบถ้วนซะทีเดียว เพราะมีผลการแข่งขันของบางคู่ที่จบลงด้วยการเสมอ ยังต้องรอเล่นนัดรีเพลย์กันต่อ แต่ก็มีหลายคู่แล้วเช่นกันที่โปรแกรมในรอบห้านั้นชัดเจนแล้ว

       โดยนอกจาก เชลซี พบ แมนฯซิตี้ แล้วก็มี
- วัตฟอร์ด ทีมจากพรีเมียร์ลีก พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด ทีมจากเดอะ แชมเปี้ยนชิพ
- ท็อตแน่ม ฮอต สเปอร์ พบกับ คริสตัน พาเลซ (เป็นทีมจากพรีเมียร์ลีกทั้งคู่)
- อาร์เซน่อล จากพรีเมียร์ลีกพบ ฮัลล์ ซิตี้ จากเดอะ แชมเปี้ยนชิพ
- ชูรูว์บิวรี่ ทีมจากลีกวันพบ แมนฯยูไนเต็ด จากพรีเมียร์ลีก และ
- บอร์มัธ พบ เอฟเวอร์ตัน (จากพรีเมียร์ลีกทั้งคู่)

       ส่วนหงส์แดง ลิเวอร์พูล ของกุนซือเจอร์เก้น คล็อปป์ได้ลุ้นดวลกับทีมกุหลาบไฟ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ทีมจากลีกรองหากว่าสามารถผ่าน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในนัดรีเพลย์ของรอบสี่ได้

       สำหรับการแข่งขันในรอบ 5 ของ ศึกเอฟเคคัพ จะทำการแข่งขันกันระหว่างวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ไปจนถึงวันที่ 22 กุมภาพันธ์  แต่ก็เช่นเดียวกันกับในรอบสี่ หากมีผลเสมอในคู่แข่งไหนก็อาจทำให้มีโปรแกรมตกค้างที่ต้องไปแข่งรีเพลย์กันใหม่อีก  ดังนั้นแล้วนี่ก็ถือว่าเป็นอีกรายการแข่งขันของอังกฤษที่ทำให้แฟนบอลได้ติดตามกันเพลินๆยาวๆเลย

       ส่วนข่าวคราวอื่นที่น่าสนใจในแวดวง ฟุตบอลอังกฤษ ที่ออกมาช่วงนี้นอกจากการจับติ้วรอบห้า ฟุตบอลเอฟเอคัพ แล้วก็มีในส่วนของการประกาศอำลาทีมสิงห์บลูของเจที “จอห์น เทอร์รี่” ซึ่งชัดเจนแล้วว่าจะอำลาทีมทันทีหลังจบซีซั่นนี้

74

       เรียบร้อยโรงเรียนเรือใบกันไปตามคาดสำหรับอนาคตของกุนซือมันสมอง “โจเซป กวาร์ดิโอล่า” เมื่อล่าสุดมีการแถลงยืนยันจากทางเรือใบสีฟ้าอย่างเป็นทางการแล้วว่า พวกเขาได้เซ็นต์สัญญากับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยอดเทรนเนอร์ชาวสแปนิชให้มากุมบังเหียนทีมตั้งแต่ซีซั่นหน้าเป็นต้นไป หลังก่อนหน้านี้ตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกันมานานหลายเดือน

       ทั้งนี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กับ แมนฯซิตี้ ถูกสื่อลือกันมาตั้งแต่เมื่อต้นซีซั่น โดยสื่อหลายสำนักตีข่าวออกมาว่าทั้งสองฝ่ายตกลงกันแบบปากเปล่าล่วงหน้าแล้ว กระทั่งช่วงกลางซีซั่นเป๊ปปฏิเสธสัญญาฉบับใหม่จากทางเสือใต้ ก็ยิ่งทำให้ความน่าเชื่อถือข่าวเชื่อมโยงกับซิตี้มากขึ้นอีก

       แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ก็ไม่มีฝ่ายใดออกมาเปิดเผยข้อมูลแต่อย่างใด ตัวเป๊ปเองก็กล่าวแต่เพียงว่าสนใจที่จะไปทำงานใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษเท่านั้น ไม่ได้ระบุเจาะจงว่าจะเป็นทีมไหนจึงทำให้บางสื่อก็ลือรายงานเชื่อมโยงกับทีมอื่นออกมาปนๆกัน เช่น แมนฯยูไนเต็ด ที่กำลังจ่อเด้ง ฟาน กัล, เชลซี ที่ปลด มูริญโญ่ไป แล้ว

       แต่ ณ ตอนนี้ก็ดังที่กล่าวข้างต้นชัดเจนแน่นอนแบบไม่ต้องลุ้นกันให้เหนื่อยแล้วว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า หนึ่งในกุนซือที่ถูกยกย่องว่าดีที่สุดในยุคนี้จะได้ไปกุมบังเหียนทีมเรือใบสีฟ้าในซีซั่นหน้าแน่ เท่ากับว่า ณ ตอนนี้แฟนบอลมีลุ้นเห็นสุดยอดกุนซือของโลก 4-5 รายเลยที่จะเชือดเฉือนฝีมือกันในเวที พรีเมียร์ลีก

       เพราะปัจจุบันก็มีกุนซืออย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ทำหงส์แดง ลิเวอร์พูล อยู่, มี อาร์แซน เวนเกอร์ ของปืนโต อาร์เซน่อล, มี โจเซ่ มูริญโญ่ ที่อาจได้ทำทีมปีศาจแดง แมนฯยูไนเต็ด แทนที่หลุยส์ ฟาน กัล และอาจจะมี ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ กุนซือ แอตฯมาดริด ที่อาจได้ย้ายไปรับงานกุมบังเหียนสิงห์บลู เชลซี ด้วยก็เป็นได้ เพราะก็ถือเป็นหนึ่งกุนซือเต็งจ๋าที่เชลซีวางตัวไว้เป็นตัวแทนมูริญโญ่ในระยะยาวเหมือนกัน

75

       ก็ผ่านพ้นกันไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับดีลของ อเล็กซานเดร ปาโต้ หัวหอกรูปหล่อบราซิเลี่ยนเมื่อเป็นทางสิงห์บลู เชลซี ยอดทีมแห่งกรุงลอนดอน อังกฤษที่ได้ออกมาแถลงเปิดตัวนักเตะอย่างเป็นทางการแล้ว หลังก่อนหน้านี้นักเตะตกเป็นข่าวมาสักพักใหญ่ๆแล้วว่า จะได้หวนกลับมาค้าแข้งในยุโรปอีกครั้ง

       อย่างไรก็ตาม การที่นักเตะได้เซ็นต์สัญญากับทีม เชลซี ต้องถือว่าเป็นอะไรที่ดูจะพลิกไปหน่อยเหมือนกัน เพราะจริงๆแล้วทีมที่ถูกเชื่อมโยงเข้ากับนักเตะตามรายงานของสื่อหลายสำนักนั้นเป็นหงส์แดง ลิเวอร์พูล ทว่าจู่ๆข่าวโผล่มาอีกทีก็เป็นว่านักเตะได้ลงเอยสัญญายืมตัวกับเชลซีแล้ว

       กระนั้นก็พอจะเข้าใจได้ว่าทาง หงส์แดง เองกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่น่าจะรู้สึกอยากได้แข้งรายนี้สักเท่าไหร่ หากแต่กำลังล็อกเป้าไปที่ อเล็ก เตเซร่า ดาวเตะของ ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค ซะมากกว่า

       สำหรับการเซ็นสัญญากับ ปาร์โต้ ของ เชลซี ก็ชัดเจนว่าหลักๆแล้วเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในซีซั่นนี้ ซึ่งยอดทีมแห่งลอนดอนมีปัญหาการจบผลสกอร์ ปัญหาฟอร์มตกของกองหน้าตัวหลักอย่าง คอสต้า เช่นเดียวกับกองหน้าตัวยืมที่ก็ไม่อาจพึ่งพาได้อย่าง ราดาเมล ฟัลเกา

       ปาโต้ ได้กล่าวเปิดใจหลังการเซ็นสัญญากับเชลซี ผ่านเว็บไซต์ของสโมสรว่า "ผมดีใจมากทีเดียวที่ได้เซ็นสัญญากับเชลซี สำหรับผมมันคือความฝันที่ได้กลายเป็นความจริง ตอนนี้ผมกำลังจดจ่อที่จะร่วมงานกับเพื่อนร่วมทีมใหม่ ผมต้องขอขอบคุณเชลซีที่พยายามดึงผมเข้ามาในทีม และแน่นอนผมจะต้องตอบแทนความเชื่อมั่นที่พวกเขามีให้ผมเช่นเดียวกับแฟนบอลด้วย"

       สำหรับปาโต้ถือได้ว่าเป็นกองหน้าที่มีชื่อเสียงคนนึงของบราซิลในยุคหลัง โดยมีช่วงเวลาที่ดีที่สุดเมื่อตอนเล่นให้ เอซี มิลาน เมื่อหลายปีก่อนแต่ระยะเวลาความพีค หรือความร้อนแรงของนักเตะนั้น ก็นับว่าผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับนักเตะรายอื่นๆ

หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7 ... 37