แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Topics - Newsman

หน้า: 1 [2] 3 4 ... 37
16

       ต้องบอกว่าเป็นหนึ่งนักเตะที่ไม่คุ้นเคยกับการนั่งดูเพื่อนร่วมทีมเล่นอยู่ข้างสนามจริงๆ สำหรับทางด้านของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวเตะรูปหล่อของราชันชุดขาว เรอัล มาดริด ซึ่งกำลังประสบกับปัญหาอาการบาดเจ็บ และพลาดการลงสนามช่วยทีมไปแล้วสองเกมคือในเกมลีก และเกมยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก รอบรองชนะเลิศนัดแรก ซึ่ง เรอัล มาดริด พบกับ แมนฯซิตี้ ที่สนามเอติฮัต บ้านของเรือใบสีฟ้า

       ทั้งนี้หลังเกมดังกล่าวนักเตะได้ออกมากล่าวเผยทำนองเปิดใจว่ารู้สึกอึดอัดที่ไม่สามารถลงสนามช่วยทีมได้ และถ้าหากเป็นเกมแมทชิงชนะเลิศก็อาจจะได้ฝืนอาการบาดเจ็บลงช่วยทีมบู๊เพื่อคว้าชัยชนะ โดยอาการบาดเจ็บของซุปตาร์โปรตุกีสรายนี้เกิดขึ้นในเกมลีกเมื่อสองสัปดาห์ก่อน เป็นอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อโคนขา และเอ็นหลังหัวเข่า

       โดยล่าสุดมีรายงานข่าวอัพเดตความคืบหน้าการรักษาอาการบาดเจ็บของนักเตะออกมาว่า การเข้ารับการตรวจรักษากับทีมแพทย์ครั้งล่าสุดได้มีการฉีดสเตมเซลล์ ซึ่งเป็นวิธีการรักษาทางการแพทย์แบบใหม่เข้าไปในบริเวณส่วนที่นักเตะมีอาการบาดเจ็บ เพื่อให้ร่างกายส่วนนั้นของนักเตะมีการเร่งฟื้นฟูให้กลับคืนสู่สภาพเดิมเร็วขึ้น โดยที่หวังผลให้นักเตะหายกลับมาทันลงสนามช่วยต้นสังกัดบู๊เกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบรองชนะเลิศนัดที่สองในซานติอาโก้ เบร์นาบิว

       สำหรับสเตมเซลล์ที่นำมาใช้ฉีดรักษาอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อโคนขา และเอ็นหลังหัวเข่าของนักเตะตามสื่อระบุนั้นเป็นเซลจากเลือด และกระดูกไขสันหลัง

       อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ซีเนอดีน ซีดาน กุนซือทัพลอสบลังกอสออกมากล่าวเผยว่าตัวเขาเองก็ยังไม่อาจคอนเฟิร์มได้ว่านักเตะจะฟิตกลับมาทันลงบู๊เรือใบในเกมที่สองหรือไม่ แต่ความต้องการของนักเตะนั้นก็ชัดเจนว่าอยากที่จะกลับมาให้ทันแน่นอน

       สำหรับผลการแข่งขันในเกมแรกที่ออกมาเรอัล มาดริดกับแมนฯซิตี้เสมอกันไป 0-0 ในเกมที่สองจึงต้องบอกว่าแทบจะไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบกันเหมือนได้กลับมาเริ่มเตะกันใหม่เต็มๆหนึ่งเกม

17

       หลังจากนี้ก็เหลือแค่เพียงรอการประกาศบทลงโทษจากทาง ยูฟ่า หรือ สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป อย่างเดียวเท่านั้นแล้ว สำหรับกรณีไม่ผ่านการตรวจโด๊ปของทาง มามาดู ซาโก้ ปราการหลังพันธ์แกร่งทีมชาติฝรั่งเศสของทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล

       ทั้งนี้ยูฟ่าได้ทำการตรวจการใช้สารกระตุ้นต้องห้ามหลังเกมการแข่งขัน ยูโรป้าลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดที่สองที่ หงส์แดง พบกับปีศาจแดง แมนฯยูไนเต็ด ซึ่งมีผลการตรวจออกมาราวสองสัปดาห์ก่อนว่าพบการใช้สารกระตุ้นในรายของ มามาดู ซาโก้

       จึงได้มีคำสั่งแบนนักเตะห้ามลงแข่งขันในทุกรายการทันที ก่อนที่จะมีการพิจารณาบทลงโทษอีกครั้ง และรอการตอบรับความผิดจากตัวนักเตะ โดยล่าสุดนักเตะได้ยอมรับผิดกับยูฟ่าต่อกรณีการใช้สารกระตุ้นแล้ว ทำให้บทลงโทษที่นักเตะจะได้รับนั้นน่าจะเป็นไปตามมาตรฐานเดิม เหมือนในเคสของ โคโล ตูเร่ สมัยค้าแข้งกับเรือใบสีฟ้า  แมนฯซิตี้ คือนักเตะจะถูกแบนเป็นระยะเวลา 6 เดือน

       แต่หากนักเตะไม่ยอมรับผิด และเลือกที่จะเข้าชี้แจงเหตุผล พร้อมกับพิสูจน์ตัวเองด้วยการเข้ารับการตรวจหาสารกระตุ้นอีกครั้ง แต่ผลออกมาเหมือนเดิมนั้นนักเตะจะถูกลงโทษแบนเป็นระยะเวลา 2 ปี

       อย่างไรก็ตามมีการพูดกันว่าต้นเหตุที่ทำให้ มามาดู ซาโก้ มีผลการตรวจพบการใช้สารกระตุ้นนั้นน่าจะมาจากการใช้อาหารเสริมลดปริมาณไขมัน

       สำหรับซาโก้นั้นถือว่าเป็นกองหลังรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองมากที่สุดคนนึงของฝรั่งเศส โดยนักเตะมีจุดเด่นในเรื่องของความแข็งแกร่งของร่างกาย และการเข้าปะทะที่ยอดเยี่ยม เมื่อนักเตะอยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดก็จัดว่าเป็นกองหลังที่สู้กับกองหน้าได้ทุกสไตล์เลยทีเดียว

       ซาโก้เริ่มต้นสร้างชื่อจากการเล่นให้ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในลีกเอิง ฝรั่งเศสแต่ด้วยความที่ปาริเซียงในยุคหลังทุ่มดึงกองหลังระดับโลกมาเสริมทัพมากมาย ทำให้นักเตะไม่ค่อยได้รับโอกาสมากนักและเป็น หงส์แดง ที่ทุ่มเงิน 17 ล้านปอนด์ดึงนักเตะมาเมื่อซัมเมอร์ปี 2013

18

       เรียกว่าทำเอาทางด้านของ เชส ฟาเบรกาส ยอดมิดฟิลด์ทีมสิงห์บลู เชลซีถึงกับประหลาดใจไปเลยเหมือนกัน สำหรับฟอร์มการเล่น และผลงานของ เควิน เดอ บรอยน์ ตัวรุกราคาแพงของทีมเรือใบสีฟ้า แมนฯซิตี้ เพราะเจ้าตัวได้กล่าวเผยว่า ก่อนหน้าที่ตัวรุกเบลเยี่ยมจะโยกซบเรือใบสีฟ้าด้วยค่าตัว 55 ล้านปอนด์นั้น ตนเองไม่ได้รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของเขาสักเท่าไหร่เลย ดังนั้นผลงานที่ตนเองได้เห็นเมื่อได้เล่นอยู่ในลีกเดียวกันจึงเป็นอะไรที่รู้สึกประทับใจมาก

       ทั้งนี้ เควิน เดอ บรอยน์ เคยมีประสบการณ์ค้าแข้งกับทีม เชลซี ต้นสังกัดปัจจุบันของ เชส ฟาเบรกาส อยู่ช่วงนึงแต่นักเตะไม่ประสบความสำเร็จ โดยได้โอกาสลงสนามให้กับทีมแห่งสแตมฟอร์ดบริดจ์ไม่ถึงสิบเกมด้วยซ้ำ ก่อนจะถูกขายไปให้กับทีม โวล์ฟบวร์ก ใน บุนเดสลีกา เยอรมัน ทว่าฟอร์มการเล่นในบุนเดสลีกา เยอรมันกับทีม โวล์ฟบวร์ก ของนักเตะกลับโดดเด่นมากๆ

        กระทั่งแมนฯซิตี้ ทีมมหาเศรษฐีจากเมืองแมนเชสเตอร์ตัดสินใจทุ่มซื้อนักเตะกลับอังกฤษด้วยค่าตัวสูงถึง 55 ล้านปอนด์ โดยที่นักเตะไม่ทำให้การทุ่มลงทุนครั้งนี้ของยอดทีมมหาเศรษฐีเรือใบต้องศูนย์เปล่า เมื่อสามารถทำผลงานได้ยอดเยี่ยมทันทีตั้งแต่ซีซั่นแรกที่กลับมาเล่นฟุตบอลอังกฤษ แม้ว่าจะไม่ดีเพียงพอช่วยให้ทีมเรือใบมีลุ้นแชมป์ซีซั่นนี้ก็ตาม

       เชส ฟาเบรกาส กล่าวแสดงความเห็นผ่านสื่อของ อีเอ สปอร์ต ค่ายเกมผู้ผลิตเกมฟุตบอลยอดนิยมอย่าง ฟีฟ่า ถึงผลงานของ เดอ บรอยน์ ว่า

       "ก่อนหน้านี้ผมแทบจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย เพราะผมไม่ได้ติดตามฟุตบอลเยอรมันเลยในช่วงหลัง ดังนั้นแน่นอนว่าเมื่อผมได้เห็นเขาในพรีเมียร์ลีกผมรู้สึกประทับใจในตัวเขา ผมไม่รู้มาก่อนว่าเขามีคุณภาพมากมายขนาดนี้ ที่สำคัญคือผมคิดว่าเขาเหมาะมากๆกับทีมแมนฯซิตี้ และเหมาะสมกับสไตล์การเล่นของพวกเขา เขาเหมือนส่วนเติมเต็มที่สมบูรณ์ของซิตี้"

       เดอ บรอยน์ ในซีซั่นนี้ลงเล่นให้ทีมเรือใบสีฟ้ารวมทุกถ้วยทุกรายการ 38 เกม ยิงประตูไปได้ 15 ประตู

19

       ดูท่าว่าอาจจะต้องเผชิญกับศึกใหญ่นอกสนามซะแล้วสำหรับหงส์แดง ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ หลังในตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์หลังจบซีซั่นนี้ เพราะล่าสุดมีการออกมาเผยข้อมูลจากตัวของนายหน้าที่ดูแลอนาคต โยนาส เฮคเตอร์ แบ็กซ้ายตัวเก่งของ เอฟซี โคโลญ ทีมดังในเยอรมันซึ่งเป็นเป้าหมายการเสริมทัพของหงส์แดงว่า ไม่มีแค่หงส์แดงเท่านั้นที่แสดงความสนใจในตัวของนักเตะ และเวลานี้ตัวเขาและนักเตะก็ยังไม่ได้พิจารณาสโมสรไหนเป็นพิเศษด้วย

       ทั้งนี้ หงส์แดง ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ตกเป็นข่าวลือมาตลอดซีซั่นว่าต้องการเสริมทัพในตำแหน่งแบ็กซ้าย ซึ่งอดีตกุนซือดอร์ทมุนด์มองว่า อัลแบร์โต้ โมเรโน่ แบ็กสแปนิชนั้นไม่เพียงพอที่จะทำให้เกมริมเส้นฝั่งซ้ายของหงส์แดงมีคุณภาพในระดับที่ตนเองต้องการ และก็มีสื่อหลายฉบับเชื่อมโยงพวกเขาเข้ากับ โยนาส เฮคเตอร์ แบ็กวัย 25 ผู้ทำผลงานได้โดดเด่นกับทีม เอฟซี โคโลญ

       แต่ ณ ตอนนี้ตามเกริ่นไปข้างต้นเหมือนว่าจะเป็นงานยากของคล็อปป์ และหงส์แดงซะแล้วเมื่อ ไรเนอร์ แดร์เบอร์ นายหน้าผู้ดูแลอนาคตของ เฮคเตอร์ กล่าวเผยว่า

       "เราต้องคุยกับหลายสโมสรเลยล่ะ มีหลายสโมสรสนใจนักเตะ เช่นกันเราก็ต้องปรึกษาหารือกับโคโลญ ต้นสังกัดด้วย"

       "แต่ ณ เวลานี้มันจะยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นเราจะรอเวลาที่เหมาะสมก่อน รอให้การแข่งขันในลีกบุนเดสลีกาฤดูกาลนี้จบสิ้นลงก่อน การย้ายทีมครั้งนี้ของนักเตะจะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายไม่ใช่แค่ตัวนักเตะ โคโลญจะได้ประโยชน์เช่นกัน" (นักเตะจะได้โอกาสพบประสบการณ์ท้าทายใหม่ๆ ในอาชีพค้าแข้งขณะที่สโมสรก็จะได้ค่าตัวที่เหมาะสมจากการขายนักเตะ)

       สำหรับผลงานปัจจุบันของ เอฟซี โคโลญ ในบุนเดสลีกาพวกเขารั้งอยู่อันดับ 8 ของตารางคะแนนมี 40 คะแนนจากการลงเล่น 31 เกมยังถือว่ามีโอกาสลุ้นจบอันดับที่ดี พอที่จะคว้าโควตาฟุตบอลถ้วยยุโรปใบเล็กซีซั่นหน้า เพราะตามหลังทีมในโซนนี้อยู่เพียงแค่ 5 แต้มเท่านั้น

20

       งานนี้ต้องบอกว่าทำเอา อาร์แซน เวนเกอร์ ปวดหัวไปได้เลยเหมือนกันสำหรับทางด้านของเสือใต้ บาเยิร์น มิวนิค ยอดสโมสรแห่ง บุนเดสลีกา เยอรมัน เพราะล่าสุดมีรายงานข่าวออกมาว่าทางยอดทีมเมืองเบียร์กำลังเล็งฉกตัว อเล็กซิส ซานเชซ ดาวเตะคนสำคัญของทีมปืนโตมาเสริมแกร่ง

       โดยตามรายงานจากสื่อดังเมืองผู้ดีอย่าง เดลี่ มิร์เร่อร์ ระบุว่าทางเสือใต้ได้ทำการติดต่อสอบถามถึงความเป็นไปได้ที่จะซื้อดาวเตะชิลีจากปืนโตแล้ว

       สำหรับสถานการณ์ของ อาร์เซน่อล และ อเล็กซิส ในช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างชัดเจนว่าปืนโตยังต้องการเก็บนักเตะไว้ใช้งานต่อไป ซึ่งทาง อาร์แซน เวนเกอร์ ก็ได้ออกมากล่าวยืนยันเองเมื่อราวหนึ่งเดือนที่ผ่านมาว่าต้องการต่อสัญญากับนักเตะ และคิดว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยในช่วงซัมเมอร์นี้

       อย่างไรก็ตามตัวนักเตะเองเคยได้ออกมาเผยความรู้สึกเหมือนกันว่าไม่ได้ปิดโอกาสย้ายทีม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีข้อเสนอที่เหมาะสม และเป็นทีมที่ตนเองคิดว่าจะนำไปสู่ความสำเร็จในวิถีทางของฟุตบอลได้ ก็พร้อมจะพิจารณา

       ดังนั้นการออกมาตีข่าวครั้งนี้ของสื่อผู้ดีเกี่ยวกับความสนใจจาก บาเยิร์น มิวนิค จึงนับเป็นเรื่องที่น่าสนใจติดตามดูมากทีเดียว เพราะว่ากันตรงๆด้วยสถานการณ์แบบนี้หากบาเยิร์น มิวนิคสนใจในตัวนักเตะจริงตามข่าว และพร้อมจ่ายค่าตัวนักเตะที่เหมาะสมให้กับทีมปืนโตก็คงเป็นเรื่องยากแล้วที่ปืนโตจะรั้งนักเตะต่อไป

       สำหรับ อเล็กซิส ซานเชซ นั้นย้ายจาก บาร์เซโลน่า มาเล่นกับทีมปืนโตเป็นซีซั่นที่สองแล้ว โดยนักเตะทำผลงานได้ดีทันทีตั้งแต่ซีซั่นแรก แต่ก่อนที่จะย้ายซบทีมปืนโตนักเตะก็ได้รับความสนใจจากสโมสรใหญ่อื่นๆเช่นกัน อาทิเช่น ลิเวอร์พูล เพราะจะว่าไปฟอร์มการเล่นของนักเตะก็ดี และดูโดดเด่นตั้งแต่อยู่ บาร์เซโลน่า แล้วแม้ว่าบทบาทโดยรวมจะไม่ใช่นักเตะตัวหลักของอาซูกราน่าแบบเต็มตัวก็ตาม

21

       ต้องบอกว่าไม่มีปัญหาคาใจอะไรใดๆทั้งนั้นเลยสำหรับการออกมากล่าวเผยจากทาง ดาบิด เด เกอา นายด่านจอมหนึบของทีมปีศาจแดง ถึงความสัมพันธ์ระหว่างกุนซือชาวดัตซ์ “หลุยส์ ฟาน กัล” ถึงแม้ว่าในช่วงซัมเมอร์เจ้าตัวจะออกอาการงอแง จะย้ายทีมกลับบ้านเกิดไปเล่นกับทีมราชันชุดขาว กระทั่งถูกนายใหญ่รายนี้ตัดชื่อออกจากทีม และเลือกส่ง เซร์คิโอ โรเมโร่ นายประตูที่เพิ่งดึงมาร่วมทีมใหม่ในช่วงซัมเมอร์ลงเป็นมือหนึ่งแทนช่วงออกสตาร์ทซีซั่นก็ตาม

       ทั้งนี้ดังที่ทราบกันว่าอนาคตของ ดาบิด เด เกอา กับทีมปีศาจแดงดูร่อแร่มากในช่วงต้นซีซั่น และนักเตะก็ใกล้เคียงกับการจะได้ย้ายซบ เรอัล มาดริด ในวันเส้นตายตลาดซื้อขายซัมเมอร์ ทว่าที่สุดแล้วเหตุการณ์กลับตาลปัตร เมื่อทั้งสองทีมไม่สามารถจัดการเอกสารการย้ายทีมของนักเตะส่งให้ทางฟีฟ่าได้ทันเวลา ดีลจึงล่มลงไม่เป็นท่า

       และกลายเป็นว่านักเตะได้สัญญาใหม่จากปีศาจแดง พร้อมกับมายึดตำแหน่งมือหนึ่งของทีมดังเดิมปล่อยให้ โรเมโร่ จับเจ่าอยู่ข้างสนามแทนมาจนถึงวันนี้

        เด เกอา เผยถึงความสัมพันธ์ระหว่างกุนซือชาวดัตซ์ หลังจากผ่านพ้นสถานการณ์อันตึงเครียดเมื่อช่วงซัมเมอร์ว่า "ความสัมพันธ์ของเรามันยอดเยี่ยมมาก ไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น ผู้จัดการทีมเป็นคนที่มีบุคลิกที่แข็งแกร่งมากๆ และก็ทำงานอย่างหนักร่วมกับนักเตะรวมถึงสต๊าฟโค้ชของเขาตลอด ผมคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเราดีมากนะทั้งเขาผมและเพื่อนร่วมทีมรายอื่นๆ"

       อย่างไรก็ตามแม้ว่าทาง เด เกอา จะยืนยันถึงความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยมกับหลุยส์ ฟาน กัล และเพิ่งจะได้สัญญาใหม่จากทีมปีศาจแดงไปเมื่อช่วงซัมเมอร์แต่ที่ผ่านมา ระหว่างซีซั่นก็ยังคงมีข่าวลือตามมาว่าทีมราชันชุดขาวจะหวนกลับมาล่าลายเซ็นนักเตะอีกครั้งในตลาดซัมเมอร์หลังจบซีซั่นนี้ ดังนั้นอนาคตของนักเตะในถิ่นโอลแทรฟฟอร์ดต่อจากนี้จึงบอกได้ว่ายังไม่มีอะไรแน่นอนเช่นกัน

22

       เรียกว่าสบายใจหายห่วงเลยงานนี้สำหรับ เวย์น รูนี่ย์ หัวหอกผู้ดีวัยเก๋า เพราะแม้ว่าในปัจจุบันจะมีนักเตะกองหน้าผู้ดีหลายรายโชว์ฟอร์มขึ้นมาได้อย่างโดดเด่นชนิดเตะตา รอย ฮ็อดจ์สัน นายใหญ่ทัพสิงโตคำรามเต็มๆ อาทิเช่น เจมี่ วาร์ดี้ ที่กำลังพา เลสเตอร์ ลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกอยู่ แฮร์รี่ เคน ที่ก็กำลังพาท็อตแน่ม ฮอต สเปอร์ส ยื้อแชมป์อยู่เช่นกัน รวมไปถึง ธีโอ วัลค็อตต์, แดนนี่ เวลเบค จากอาร์เซน่อล แอนดี้ แคร์โรลล์ จากเวสต์แฮม ยูไนเต็ดที่เป็นตัวเลือกรองๆมาอีก

       แต่ทางนายใหญ่สิงโตก็ยังยืนยันว่ายังไงเขาก็จะต้องนำหัวหอกปีศาจแดงติดธงไปลุยยูโร 2016 ด้วยกันอย่างแน่นอน โดยแจงว่าการมีกองหน้าตัวเลือกดีหลายรายให้ตนเองเลือกใช้สอยนั้น ไม่ใช่ประเด็นที่จะทำให้ชั่งใจตัดรูนี่ย์ที่เป็นกัปตันทีมตัวจริงออกจากทีมเลย

       สำหรับรูนี่ย์ในระยะหลังถือว่ามีปัญหาเรื่องความสม่ำเสมอของฟอร์มการเล่น และปัญหาตำแหน่งการเล่นทั้งในทีมสโมสร และทีมชาติด้วยแม้ว่านักเตะจะเป็นกัปตันทีมของทั้งแมนฯยู และทัพสิงโตคำรามก็ตาม

       โดยในการลงเล่นกับปีศาจแดงนัดล่าสุดเจ้าตัวก็ต้องลงเล่นในบทบาทมิดฟิลด์ด้วยเหตุว่า มาร์คัส แรชฟฟอร์ด กองหน้าดาวรุ่งของทีมนั้นทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในช่วงที่ผ่านมาจน หลุยส์ ฟาน กัล ไม่อาจดร็อปนักเตะได้ ฮ็อดจ์สันซึ่งก็กำลังมีปัญหาหนักใจในการเลือกใช้งาน และวางตำแหน่งนักเตะในทีมชาติกล่าวถึงประเด็นนี้ว่า

       "แน่นอนล่ะตอนนี้เมื่อมีนักเตะหลายรายเข้ามาเป็นคู่แข่งเขาในตำแหน่งกองหน้า ก็ต้องเกิดคำถามว่าแล้วเขาจะได้ลงเล่นตรงไหน? แต่นั่นมันคนละเรื่องกับการที่ว่าจะเอาเขาติดทีมไปด้วยไหม มันมีการวิจารณ์ออกมาเหมือนกันว่าผมควรตัดเขาออกจากทีม แต่บอกตรงๆผมไม่เคยเข้าใจเรื่องพวกนี้เลย เขาทำหน้าที่กัปตันทีมของเขาอย่างดีมาตลอดสองปีหลังที่เล่นให้ทีมชาติ ดังนั้นไม่มีเหตุผลใดๆทั้งนั้นที่ผมจะตัดเขาออกไป จะว่าไปเขาเป็นคนแรกด้วยซ้ำที่ได้สิทธิ์การันตีเป็นหนึ่งใน 23 นักเตะที่จะได้ไปเล่นทัวร์นาเม้นท์นี้"

23

       ต้องบอกว่าน่าจะเป็นข่าวดีของแฟนบอลเดอะค็อปอยู่เหมือนกันงานนี้ สำหรับการออกมากล่าวเผยของ มาริโอ บาโลเตลลี่ กองหน้าอิตาเลี่ยน ถึงความต้องการในอนาคตของตนเองซึ่งระบุชัดเจนว่าในซีซั่นหน้าเจ้าตัวไม่อยากที่จะกลับไปค้าแข้งกับหงส์แดง ลิเวอร์พูล แล้ว

       ทั้งนี้อย่างที่ทราบกันดีว่าเมื่อสองซีซั่นก่อนหงส์แดงทุ่มเงิน 16 ล้านปอนด์ดึงกองหน้าจอมเกรียนมาจาก เอซี มิลาน ด้วยความคาดหวังที่สูงทีเดียว หลังจากพวกเขาตัดสินใจขาย หลุยส์ ซัวเรซ ไปให้กับ บาร์เซโลน่า ว่ากันง่ายๆคือ บาโลเตลลี่ ถูกหลายคนคาดหวังว่าจะเข้ามาเป็นกองหน้าตัวหลักของทีมแทนที่ของ หลุยส์ ซัวเรซ นั่นเอง

       ทว่าเส้นทางการค้าแข้งใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คำรบที่สองของเกรียนโอ้กลับไม่สดใสดังที่หวัง นักเตะยังคงมีปัญหาเรื่องพฤติกรรมเกรียนทั้งในและนอกสนาม รวมถึงมีปัญหาเรื่องความทุ่มเท และสปิริตในการทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมทีมหลายอื่นๆ ซีซั่นแรกของเกรียนโอ้กับหงส์แดง จึงผ่านไปแบบแทบจะผลิตสกอร์ให้ทีมไม่ได้เลย

        จากผลงานอันย่ำแย่นี้จึงทำให้หงส์แดงเลือกตัดสินใจปล่อยนักเตะกลับไปเล่นกับต้นสังกัดเดิมแบบยืมตัวในซีซั่นนี้ โดยที่ช่วงกลางซีซั่นก็มีข่าวลือเกี่ยวกับการดึงนักเตะกลับคืนถิ่นแอนฟิลด์ออกมาบ้าง หลังจากที่หงส์แดงมีการเปลี่ยนแปลงตัวกุนซือด้วยการปลด เบรนแดน ร็อดเจอร์ส และแต่งตั้ง เจอร์เก้น คล็อปป์ ขึ้นแทนในช่วงต้นซีซั่น

       อย่างไรก็ตามล่าสุด มาริโอ บาโลเตลลี่ ออกมาเผยถึงความรู้สึกของตนเองผ่านสื่ออย่าง มีเดียเซ็ต พรีเมียม ว่า "ผมยังอยากอยู่ที่มิลาน ผมไม่อยากกลับไปลิเวอร์พูลแล้ว ตลอดเวลาที่ผมอยู่ที่นั่นผมไม่เคยมีความสุขเลย และสโมสรอย่างมิลานเองก็มีเงินเหมือนกันพวกเราไม่ได้มีปัญหาการเงินแต่อย่างใด"

       ก่อนหน้าที่จะล้มเหลวกับหงส์แดง บาโลเตลลี่ เคยค้าแข้งกับเรือใบสีฟ้า แมนฯซิตี้ มาแล้วและจากพฤติกรรมสุดเกรียนนอกสนามเองที่ทำให้เจ้าตัวล้มเหลว จนย้ายกลับอิตาลีเฉกเช่นในครั้งล่าสุดนี้


24

       มีลุ้นว่าจะได้เห็นข่าวดีในเร็วๆนี้ซะแล้วสำหรับแฟนบอลเดอะค็อปของหงส์แดง ลิเวอร์พูล เมื่อล่าสุดมีข่าวลือออกมาสะพัดเลยว่าเวลานี้มีอภิมหาเศรษฐีจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตกำลังเตรียมงบ 700 ล้านปอนด์ เทคโอเวอร์สโมสรหงส์แดงจาก แฟนเวย์ สปอร์ต กรุ๊ป กลุ่มทุนสัญชาติอเมริกาที่บริหารสโมสรอยู่เวลานี้

       ทั้งนี้หงส์แดงในยุคปัจจุบันมีเป้าหมายที่จะพัฒนาตนเองกลับขึ้นมาเป็นทีมลำดับต้นๆของพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเป้าหมายการทวงคืนความสำเร็จในรายการลีก ที่พวกเขาร้างลาไปนานกว่า 25 ปีแล้ว โดยในยุคของการบริหารงานโดยแฟนเวย์สปอร์ตกรุ๊ปที่มีประธานสโมสรเป็น จอห์น ดับเบิ้ลยู เฮนรี่ ได้มีการทุ่มงบเพื่อเปลี่ยนแปลงทีมไปมากมายเช่นกัน

       แต่โดยรวมก็ยังถือว่าการเปลี่ยนแปลงของพวกเขายังคงไม่เป็นผลดีนัก ทั้งยังติดปัญหาใหญ่ในแง่ของการต้องสู้กับบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ในอังกฤษที่มีเงินถุงเงินถังไว้คอยยกระดับทีมอยู่ตลอดเวลา ทั้งเชลซีที่มีเจ้าของทีมเป็นมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย “โรมัน อับราโมวิช” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่มี ชีค มานซุร์ สมาชิกราชวงศ์อาบูดาบีแห่งยูเออีเป็นเจ้าของ

       จนกระทั่งมีการลือออกมาว่าบางทีการมีมหาเศรษฐีจากอาหรับติดต่อขอซื้อสโมสรอาจทำให้ แฟนเวย์ สปอร์ต กรุ๊ป ถอดใจในการบริหารหงส์แดงต่อ และตัดสินใจขายหากได้ราคาที่เหมาะสม

       สำหรับข่าวลือที่สื่อตีออกมาล่าสุดระบุว่าผู้ที่สนใจซื้อสโมสรหงส์แดง และน่าจะมีการติดต่อพูดคุยกับทางแฟนเวย์ สปอร์ตกรุ๊ปในเบื้องต้นแล้วด้วยก็คือ เครือญาติของทาง ชีค มานซูร์ เจ้าของทีมแมนฯซิตี้นั่นเอง

       ตามการคาดเดาของสื่อ ชีค คาลิฟา ประธานาธิบดีแห่งยูเออี ซึ่งมีทรัพย์สินมากกว่าชีค มานซูร์ด้วย ในส่วนของมูลค่าสโมสรลิเวอร์พูลปัจจุบันมีมูลค่า 650 ล้านปอนด์แต่ทางชีค คาลิฟาพร้อมที่จะจ่ายให้กับทางเอฟเอสจีเป็นเงินกว่า 700 ล้านปอนด์สำหรับค่าเทคโอเวอร์

       หากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เกิดขึ้นจริงก็มีความเป็นไปได้สูงเลยที่หงส์แดงจะถูกยกระดับทีมแบบก้าวกระโดด กระทั่งกลับขึ้นมาคว้าแชมป์ลีกอย่างรวดเร็วเหมือนกับที่เชลซี และแมนฯซิตี้ทำมาแล้ว

25

       ต้องบอกว่าเป็นการพิจารณาโทษแบบเด็ดขาด และเป็นมาตรฐานเดียวกันเลยสำหรับประเด็นความผิดของ เจมี่ วาร์ดี้ และสโมสร เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในเกมล่าสุดที่พวกเขาเปิดบ้านไล่ตีเจ๊า เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ไป 2-2

       เพราะล่าสุดมีการออกมาตั้งข้อหาจากสมาคมลูกหนังอังกฤษหรือเอฟเอใส่ เจมี่ วาร์ดี้ แล้ว โดยเป็นข้อหาเพิ่มเติมจากกรณีที่นักเตะโดนใบเหลืองสองใบกลายเป็นใบแดง แล้วไปต่อว่าผู้ตัดสิน จอน มอสส์ ก่อนออกจากสนามด้วยคำหยาบ

       เป็นความผิดฐานแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม ซึ่งหาก เลสเตอร์ ซิตี้ ไม่ทำการอุทธรณ์ข้อกล่าวหานี้ของ วาร์ดี้ ก่อนเวลาหกโมงเย็นของวันที่ 21 เมษายน นักเตะก็จะโดนแบนเพิ่มทันทีหนึ่งเกม ตามบทลงโทษเช่นกรณีที่ ดีเอโก้ คอสต้า กองหน้าเชลซีเคยได้รับมาแล้ว แต่หากว่า เลสเตอร์ ซิตี้ เลือกที่จะยื่นอุทธรณ์ก็จะต้องมีการรับคำชี้แจงจากทางเลสเตอร์ เพื่อประกอบการพิจารณาอีกครั้ง

       อย่างไรก็ตามนอกจากข้อหาแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมของวาร์ดี้แล้ว เอฟเอก็ยังได้ตั้งข้อหาใส่ สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ จากกรณีเหตุการณ์ที่นักเตะในทีมเลสเตอร์แสดงความไม่พอใจ หลังจากที่ผู้ตัดสิน จอน มอสส์ เป่าให้จุดโทษกับเวสต์แฮม ยูไนเต็ดในนาทีที่ 83 ของเกมการแข่งขันอีกด้วย โดยเป็นข้อหาไม่สามารถควบคุมนักเตะของตนเองได้

       สำหรับประเด็นจุดโทษดังกล่าวถือเป็นหนึ่งไฮไลท์ที่ถูกพูดถึงหลังเกมมากที่สุดด้วยว่า ในจังหวะนั้นมีนักเตะของเลสเตอร์ดึงนักเตะทีมเยือนในกรอบเขตโทษจริง  ทว่าจังหวะการล้มลงของนักเตะทีมเยือนกลับเป็นการล้มพุ่งไปข้างหน้าเลย โดยเปรียบเทียบกับการที่วาร์ดี้โดนใบเหลืองที่สองไล่ออกจากสนามด้วยข้อหาพุ่งล้ม

       กระนั้นในส่วนของบทลงโทษข้อหานี้ของสโมสรเลสเตอร์ตามการรายงานข่าวจากสื่อ ยังไม่ได้มีระบุออกชัดเจนว่าจะเป็นการลงโทษแบบใด แต่พอคาดเดาได้ว่าน่าจะเป็นการลงโทษปรับเงินคล้ายๆกับหลายเคสเดิมๆ ที่เอฟเอตั้งข้อหาใส่สโมสรต่างๆซึ่งไม่ใช่ความผิดแบบเจาะจงนักเตะรายใดรายหนึ่ง


26

       เรียกว่าเป็นอะไรที่น่าประหลาดใจอยู่เหมือนกัน สำหรับการออกมากล่าวถึงผู้เล่นที่รับมือได้ยากที่สุดจาก มามาดู ซาโก้ ปราการหลังทีมชาติฝรั่งเศสของหงส์แดง ลิเวอร์พูล เพราะนักเตะที่เจ้าตัวยกย่องให้เป็นแข้งที่รับมือได้ยากที่สุดนั้นคือในรายของ ฮาเต็ม เบน อาร์กฟา ตัวรุกของนีซ ทีมดังในลีกเอิง ฝรั่งเศส ทั้งยังยกให้เป็นนักเตะที่ต่อกรยากกว่า ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สองซุปตาร์แห่งยุคของบาร์เซโลน่า แลเรอัล มาดริดตามลำดับด้วยซ้ำ

       ทั้งนี้การกล่าวเปิดเผยถึงแข้งที่รับมือได้ยากที่สุดจากบรรดากองหลังชื่อดัง ถือเป็นเรื่องที่มีให้ได้เห็นกันเรื่อยๆอยู่แล้ว ในแวดวงข่าวสารฟุตบอล โดยจะมีนักเตะกองหลังชื่อดังจากสโมสรต่างๆออกมาเผยถึงชื่อของนักเตะแนวรุก ที่ตนเองปวดหัวกับการต้องรับมือด้วยมากที่สุดซึ่ง โดยส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นแข้งชั้นนำระดับท็อปของโลกในยุคนั้นๆ

       อย่างไรก็ตาม มามาดู ซาโก้ ซึ่งเคยได้มีโอกาสดวลแข้งกับทั้ง ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สองแข้งเทพแห่งยุคมาแล้ว กล่าวเผยว่าแข้งที่ตนเองรู้สึกว่ารับมือได้อย่างที่สุดคือ ฮาเต็ม เบน อาร์กฟา หากใช่แข้งชั้นนำสองรายดังกล่าวหรือแข้งระดับท็อปของโลกรายใดแต่อย่างใด

       ซาโก้ กล่าวอธิบายกับสื่อที่เลือกยกให้ เบน อาร์กฟา เป็นแข้งรับมือยากสุดว่า "ผมเองได้มีโอกาสดวลกับเมสซี่ และโรนัลโด้มาแล้วบางทีพวกเขาทั้งสองก็ไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่พีคสุดของตัวเอง ผมกลับรู้สึกประทับใจฮาเต็ม เบน อาร์กฟามากกว่าตอนที่เขาอยู่กับโอลิม ลียง เขาสุดยอดมากๆ สิ่งที่เขาทำได้ในสนามนั้นมันเป็นอะไรที่พิเศษมากๆ" (ซาโก้ ได้มีโอกาสดวลกับ อาร์กฟา ตอนที่เจ้าตัวยังค้าแข้งอยู่กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง)

        สำหรับ มามาดู ซาโก้ ในทีมหงส์แดงปัจจุบันถือว่ากลายเป็นหนึ่งคีย์แมนในเกมรับไปแล้ว แม้ว่าในช่วงเริ่มต้นย้ายมาค้าแข้งใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ใหม่ๆยุคของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เจ้าตัวจะเริ่มต้นได้ค่อนข้างตะกุกตะกักจากปัญหาการปรับตัวก็ตาม

27

       เรียกว่าไม่ใช่ผู้วิเศษมาจากไหนหากแต่ผลงานที่ออกมาประจักษ์แก่สายตาคนทั้งโลกนั้น มาจากเบื้องหลังการทำงานหนักล้วนๆเลย สำหรับคำกล่าวให้สัมภาษณ์ครั้งล่าสุดของกุนซือป็อปปูล่าที่สุด ณ เวลานี้อย่าง เคลาดิโอ รานิเอรี่ หลังถูกสื่อถามถึงความรู้สึกที่ถูกสื่อทั่วโลกโดยเฉพาะในยุโรปตีข่าวถึงอย่างต่อเนื่อง

       ทั้งนี้อย่างที่ทราบกันรานิเอรี่เข้ามาทำทีม เลสเตอร์ ซิตี้ ในซีซั่นนี้ และกำลังพาทีมสร้างประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ ด้วยการเดินหน้าคว้าแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดี หลังผ่าน 33 เกมไปแล้ว และยังนำเป็นจ่าฝูง ด้วยจำนวนแต้มที่มากกว่าอันดับสองอยู่ถึงเจ็ดแต้ม

       ทั้งๆที่ก่อนเปิดซีซั่นแทบไม่มีใครมองว่า ทีมจิ้กจอกสยาม จะเป็นหนึ่งทีมที่ลุ้นจบห้าอันดับแรกของตารางคะแนนด้วยซ้ำ จากผลงานดังกล่าวนี้ จึงทำให้หลายสื่อตีข่าวตีสกู๊ปของ รานิเอรี่ ออกมามากมาย ล่าสุดก็เป็นสื่อในอิตาลีเจ้านึงที่ลงภาพของเจ้าตัวในหน้าหนึ่งของเล่มเลย

       อย่างไรก็ตาม รานิเอรี่ ออกมากล่าวแบบหล่อๆดังเช่นทุกครั้งที่เจ้าตัวให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ตนเองนั้นไม่ใช่ผู้วิเศษมาจากไหนที่เข้ามาสร้างปาฏิหาริย์ให้กับทีมจิ้กจอก หากแต่ผลงานที่ออกมานั้นเป็นผลพวงมาจากความตั้งใจทุ่มเททำงานหนักร่วมกับนักเตะ พร้อมกับอธิบายถึงสิ่งที่ทำให้การทำงานกับ เลสเตอร์ ซิตี้ แตกต่างไปจากการทำงานร่วมกับทีมชาติกรีซ ที่ตัวเขาโดนเด้งลงจากตำแหน่งด้วยว่า

       "มันเป็นเรื่องที่ดีนะ แต่จะว่าไปผมก็เคยได้ลงหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ในอิตาลีรวมถึงกรีซหลายครั้งแล้ว (เมื่อครั้งโดนเด้งลงจากตำแหน่งกุนซือทีมชาติกรีซ) ที่จริงผมก็เป็นผู้จัดการทีมธรรมดาๆนี่แหละ ทุกอย่างเหมือนเดิมเลยตอนที่ผมอยู่กรีซผมมีโอกาสได้ทำงานร่วมกับนักเตะเพียง 15 ครั้งเองจากระยะเวลา 4 เดือน ว่ากันก็คือผมมีโอกาสได้เตรียมทีมก่อนลงสนามแข่งจริงแค่ครั้งละสามวัน แถมไม่มีเกมอุ่นเครื่องให้เล่นอีกมันแตกต่างจากการทำงานร่วมกับสโมสรอย่างต่อเนื่อง ผมไม่ใช่ผู้วิเศษมาจากไหน กับการไม่มีอะไรให้ได้ทำอย่างนั้นแล้วผมจะไปช่วยทีมได้อย่างไร"

28

       เรียกว่าได้เฮกันสนั่นลั่นเรือเลยงานนี้สำหรับแฟนบอลของทีมเรือใบสีฟ้า แมนฯซิตี้ เพราะล่าสุดมีการออกมาคอนเฟิร์มข่าวของ อิลคาย กุนโดกัน มิดฟิลด์ตัวเก่งทีมชาติเยอรมันจากสื่อในเมืองผู้ดีแล้วว่า ยอดทีมมหาเศรษฐีเรือใบนั้นได้คว้าตัวนักเตะเข้าเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์นี้แน่นอนแล้ว โดยสามารถตกลงค่าตัวกับทางต้นสังกัด ดอร์ทมุนด์ ได้ที่ 30 ล้านปอนด์

       ทั้งนี้ตลอดช่วงที่ผ่านมา กุนโดกัน ถือเป็นหนึ่งนักเตะที่ถูกพูดถึงเรื่องประเด็นอนาคตในซีซั่นหน้ามากที่สุด สื่อเจ้าดังพากันโหมข่าวเชื่อมโยงนักเตะเข้ากับสองทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์ แมนฯยูไนเต็ด และ แมนฯซิตี้ ขณะที่ตัวนักเตะเองก็เหมือนจะแสดงออกมาว่าต้องการย้ายออกจาก ซิกนัล อิดูน่าพาร์ค เพื่อไปหาความท้าทายใหม่ๆในอาชีพค้าแข้ง

       อย่างไรก็ตาม เดอะ ซัน สื่อจอมแฉของอังกฤษออกมาเผยแล้วว่า แมนฯยูไนเต็ด อกหักหมดสิทธิ์กับดีลนี้แน่นอนเพราะทางนักเตะ ต้นสังกัด และทีมเรือใบได้ตกลงดีลกันเรียบร้อยแล้ว และทางเรือใบสีฟ้าจะจ่ายเงินจำนวน 30 ล้านปอนด์ให้เป็นค่าตัวนักเตะ

       นอกจากนี้ยังมีรายงานเพิ่มเติมไปอีกด้วยว่านักเตะได้เข้าพูดคุยกับทาง โจเซป กวาร์ดิโอล่า นายใหญ่คนใหม่ของซิตี้ที่จะเข้ามาทำงานในซัมเมอร์แล้วด้วย ดังนั้นถึงตอนนี้หากไม่มีอะไรผิดพลาดแฟนบอลเรือใบก็เตรียมรอต้อนรับนักเตะพร้อมๆกับกุนซือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ในซัมเมอร์นี้ได้เลย

       สำหรับทีมเรือใบสีฟ้าในช่วงหลังถือได้ว่าค่อนข้างมีปัญหาขุมกำลังในแดนกลางอยู่พอสมควร และอาจเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้ฟอร์มการเล่นของพวกเขาวูบลงในซีซั่นก็ได้ เนื่องจากนักเตะอย่าง ยาย่า ตูเร่ นั้นเริ่มโรยราลงด้วยอายุอานาม ขณะที่นักเตะรายอื่นอย่าง แฟร์นานดินโญ่ เฟอร์นานโด ก็ไม่ใช่นักเตะประเภทที่จะบู๊ทำเกมให้กับทีมได้การทุ่มดึงเอา อิลคาย กุนโดกัน เข้ามาเสริมทัพครั้งนี้จึงนับเป็นหนึ่งการเปลี่ยนแปลงสำคัญของพวกเขาเลยทีเดียว

29

       ต้องบอกว่าเตรียมตัวเฮกันอีกรอบเลยงานนี้สำหรับแฟนบอลปีศาจแดง ที่กำลังลุ้นให้ทีมรักแต่งตั้ง โจเซ่ มูริญโญ่ กุนซือเดอะสเปเชี่ยลวันเข้ามาทำหน้าที่แทน หลุยส์ ฟาน กัล ในซีซั่นหน้า เพราะล่าสุดมีรายงานข่าวออกมาในเชิงแฉข้อมูลจากสื่อในแดนผู้ดีอย่าง เดอะ มิร์เร่อร์ ว่าเวลานี้บอร์ดทีมปีศาจแดงได้ข้อสรุปแล้วว่า พวกเขาจะไม่ทนเห็น หลุยส์ ฟาน กัล พาทีมทำผลงานสาละวันเตี้ยลงในซีซั่นหน้าอีกต่อไปโดยจะแต่งตั้ง โจเซ่ มูริญโญ่ อดีตนายใหญ่เชลซีที่ได้มีการพูดคุยกันไว้แล้วทำหน้าที่แทน

       ทั้งนี้กระแสข่าวการจัดการอนาคตกุนซือของสโมสรปีศาจแดงในช่วงที่ผ่านมา ถือว่ามีเรื่องราววุ่นวาย และสับสนมึนงงให้แฟนบอลเร้ดอาร์มี่ได้ปวดหัวอยู่พอสมควร เพราะสื่อได้มีการพูดถึงทางเลือกของปีศาจแดงออกมาถึงสามทางด้วยกัน ทั้งการตกลงเลือก โจเซ่ มูริญโญ่ เข้ามาทำทีม, การหนุนหลัง ฟาน กัล ให้ทำหน้าที่ต่อไปจนครบสัญญา และการเลือกดัน ไรอัน กิ๊กส์ ผู้ช่วยกุนซือ และตำนานนักเตะของทีมขึ้นทำหน้าที่แทน

       อย่างไรก็ตามดังที่เกริ่นมาข้างต้นเดอะ มิร์เร่อร์ สื่อดังของอังกฤษรายงานข่าวว่าปีศาจแดงมีท่าทีเอนเอียงไปทางการเลือกแต่งตั้ง โจเซ่ มูริญโญ่ เข้ามาเป็นกุนซือคนใหม่ในซีซั่นหน้าแล้ว เนื่องจากมีเหตุผลหลักๆสองประกาศคือประกาศแรกพวกเขาได้ทำการปรับความเข้าใจกับ ทาง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และ เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวต่อต้านมูริญโญ่แล้ว ทำให้ ณ ตอนนี้ไม่มีกระแสคัดค้านใดๆที่รุนแรงจากภายในสโมสรเองในการแต่งตั้งมูริญโญ่แล้ว

       และประกาศสองคือการที่บรรดาคู่แข่งบิ๊กทีมร่วมลีกต่างได้กุนซือชั้นนำของยุโรปมาเป็นผู้นำทีมทั้งนั้น ทั้งลิเวอร์พูลที่มี เจอร์เก้น คล็อปป์ เชลซีที่คอนเฟิร์ม คอนเต้ แล้ว แมนฯซิตี้ที่คอนเฟิร์ม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แล้วเช่นกันนั้นเป็นเรื่องน่ากลัวนักในการแข่งขันซีซั่นใหม่หากว่าพวกเขาไม่เลือกสุดยอดกุนซืออย่าง โจเซ่ มูริญโญ่ มาเป็นคู่ต่อกร

30

       ไม่รู้จะเรียกว่าเป็นมนต์ขลังแห่งแอนฟิลด์ได้หรือเปล่านะงานนี้ ในส่วนของผลการแข่งขันอันสุดช็อกแฟนบอลเสือเหลือง ดอร์ทมุนด์ ในเกม ยูฟ่า ยูโรป้าลีก รอบ 8 ทีมสุดท้ายระหว่างหงส์แดง ลิเวอร์พูล กับเสือเหลือง ดอร์ทมุนด์ ซึ่งฝ่ายหลังเป็นฝ่ายพลิกพ่ายไป 4-3 ทั้งๆที่ออกนำไปก่อนถึง 3-1

       เมื่อล่าสุดเป็นทางด้านของ มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ ปราการหลังตัวเก่งของทีมที่ออกมาเผยสาเหตุ ที่ทำให้ทีมผู้มาเยือนต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้กลับไปว่า เป็นเพราะบรรดานักเตะเสือเหลืองนั้นพากันตื่นสนามเกินเหตุหลังจากที่ออกนำ 3-1

       ทั้งนี้ดังที่แฟนบอลหลายคนได้ทราบกันไปแล้วเกมนี้ทีมเยือนออกนำอย่างรวดเร็วถึง 2-0 ตั้งแต่ต้นเกมจากประตูของ มาร์คิตายาน และ โอบาเมยอง ก่อนที่จะมาโดนตีไข่แตกในช่วงต้นครึ่งหลังจากประตูของ ฟิลิปเป้ คูติญโญ่ แต่ก็ยังมายิงหนีห่างเป็น 3-1 ได้อีกจาก มาร์โค รอยส์ ซึ่งถึงตรงนี้แทบจะการันตีโอกาสเข้ารอบของทีมดังจากบุนเดสลีกาได้แล้ว  ทว่าช่วงเวลาต่อจากนั้นกลับกลายเป็นเจ้าบ้านที่สร้างปาฏิหาริย์ รัวยิงเพิ่มสามประตูพลิกชนะไปในท้ายที่สุดด้วยสกอร์ 4-3

        มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเกมนี้ และถือเป็นหนึ่งผู้เล่นคีย์แมนของทีมเยือนด้วยกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า "ตอนที่เรานำ 3-1 เรามั่นใจแล้วว่าเราจะได้ผ่านเข้าไปเล่นรอบต่อไป จะบอกว่าสกอร์มันขาดแล้วก็ได้"

       "แต่เรื่องราวหลังจากนั้นกลับเป็นสิ่งไม่คาดคิด เราเล่นกันด้วยความตื่นเกินไป ลิเวอร์พูลไม่มีทางกลับมาได้ถ้าเรายังคงเล่นกันอย่างมีสติเหมือนช่วงก่อนหน้า การเล่นของเราต้องเก็บบอลเอาไว้ และให้คู่แข่งเสียแรงไปกับการวิ่งไล่บอลทว่าเรากลับเล่นกันผิดพลาดซะเองในแนวรับ เราเสียประตูแบบไม่น่าเสียและมันเป็นเรื่องน่าตำหนิมากๆ นี่คือความพ่ายแพ้ที่เลวร้ายที่สุดในซีซั่นนี้เลย"

หน้า: 1 [2] 3 4 ... 37