แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Topics - Armin

หน้า: [1] 2 3 ... 766
1
ทำตามเป้าหมายอย่างสมบูรณ์แบบสำหรับ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โชว์ฟอร์มโหดกระซวก "ขุนค้อน" เวสต์แฮม ยูไนเต็ด โดยได้ประตูออกนำจาก "ซามีร์ นาสรี่" ตามด้วยอีกลูกของ "แวนซองต์ กอมปานี" ช่วยให้ทีมเอาชนะไป 2-0 ปิดซีซั่นด้วยการมี 86 แต้มเหนือลิเวอร์พูล 2 คะแนนคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไปและปิดซีซั่นนี้ด้วยการเป็นดับเบิ้ลแชมป์



ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก
สนาม เอติฮัด เสตเดี้ยม
วันที่ 11 พฤษภาคม 2557
กรรมการ มาร์ติน แอตกินสัน
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-0 เวสต์แฮม ยูไนเต็ด

               ออกสตาร์ทเกมช่วงแรกมาเวสต์แฮมคึกคักวิ่งไล่กันดี แมนฯ ซิตี้เริ่มตั้งเกมได้แล้วมีโอกาสลุ้นประตูจากบอลเปิดของซิลบาทีแรกโดเตะเข้าทางยาย่ายิงซ้ำติดบล็อกยังเก็บได้ ถ่ายบอลออกไปจนทางขวาซาบาเลต้าทำชิ่งหลุดมาเปิดข้ามไปเสาไกล ซิลบาได้วอลเล่ย์สวนข้ามคาน

นาที 18 เกมเป็นของ"เรือใบสีฟ้า"มากกว่าเหมือนเดิมแต่ยังไม่มีจังหวะอะไรมากไปกว่าเดิมจนได้ทีโต้กลับทิ้งบอลออกไปทางซ้ายให้กับโคลารอฟเติมขึ้นมาก่อนฝากมาตรงกลางที่อเกวโร่แล้วตัดสินใจยิงจากนอกเขตโทษแต่ยังไม่ดีพอเสียหลักอีกบอลเลยตรงตัวอาเดรียน

นาที 22 ยังเป็นเจ้าบ้านทำเกมบุกได้มากกว่าเหมือนเดิมและมีโอกาสจบอีกแล้วจากบอลฝากให้นาสรี่ทางขวาของเขตโทษดึงจังหวะก่อนสุดท้ายไหลคืนให้ยาย่าหน้าเขตโทษซัดเลยบอลโค้งหลุดเสาไกลไป แต่แฟนในสนามดูไม่กดดันมากเพราะทราบข่าวลิเวอร์พูลโดนนำกันหมดแล้วร้องเพลงกันเสียงก้อง

นาที 25 แมนฯ ซิตี้พยายามจะหาช่องเจาะแต่ไม่ง่ายเลยเจอยืนเป็นแถวซ้อนกันแน่นไปหมดพยายามถ่ายออกซ้ายออกขวาก็ไม่มีช่องสุดท้ายจ่ายมาตรงกลางให้โคลารอฟได้ทีตั้งป้อมซัดไกล 30 หลาเข้ามาเดือดร้อนอาเดรียนต้องปัดทิ้งไปก่อน

นาที 26 แมนฯ ซิตี้มาอีกทีจากบอลทุ่มให้อเกวโร่กระดกหลบมาได้สวยก่อนเจอเบียดแต่ก็ยังแตะบอลได้สุดเส้นหลังหลุดเข้าเขตโทษมาทางขวาแล้วจ่ายให้เซโก้แต่จังหวะยิงไม่ดีหลุดกรอบออกไปเอง

นาที 33 เวสต์แฮมก็พยายามจะหาช่องโต้กลับขึ้นไปบ้างเป้าหมายอยู่ที่หัวของแคร์โรลล์แต่ลูกเปิดยังโดนดักเอาไว้ได้ตลอดก่อนแมนฯ ซิตี้กลับไปกดดันหนักเหมือนเดิมแต่โอกาสเน้นๆยังไม่มาซักที ซิลบาทำชิ่งหลุดไปได้ก็เจอบังทางซะมิดพยายามยิงก็แฉลบออกหลัง

นาที 39 นวดนานสองนานสุดท้าย"เรือใบสีฟ้า"เอาประตูขึ้นนำที่ต้องการมาจนได้จากบอลเล่นกันสั้นๆนาสรี่คืนให้ยาย่าฝากให้กับนาสรี่ตรงกลางแต่งเข้าขวาทีนึงก่อนสับไกจากระยะ 25 หลาส่งบอลพุ่งเสียบโคนเสาไกลแบบหมดจด แมนฯ ซิตี้ออกนำ 1-0

นาที 44 ก่อนหมดครึ่งแรกแมนฯ ซิตี้ลึ้นทิ้งท้ายอีกทีด้วยลูกฟรีคิกริมเส้นขวานาสรี่เปิดเข้าไปเอง อเกวโร่เหลื่อมมานิดแต่ไร้ธงก่อนได้โหม่งสะบัดไปเสาไกลหลุดเสาสองไปอีก

นาที 45+2 ยังเกือบมีประตูสองให้แมนฯ ซิตี้หลังยาย่าครองบอลอยู่ในเขตโทษทางขวาเลี้ยงไปเลี้ยงมาก่อนฝากให้ซิลบาหันหน้าหาประตูแล้วซัดด้วยซ้าย แคร์โรลล์แหย่ขาสกัดเกือบทำทีมแย่บอลพุ่งไปชนคานเด้งออกมาจังเบอร์เลย

               กลับเข้ามาเล่นต่อในช่วงครึ่งหลังเจ้าบ้านได้ประตูเพิ่มกันเรียบร้อยจากเตะมุมทางซ้ายเปิดเข้ามาตรงกลางมีตัวโหม่งมาเคลียร์ไม่ดีไปโดนเท้าเซโก้เกี่ยวมาเข้าทางกอมปานีในกรอบ 6 หลาตวัดยิงเข้าไปตุงตาข่ายไม่มีเหลือ แมนฯ ซิตี้นำห่างเป็น 2-0 เริ่มนับเวลาถอยหลังอีกไม่กี่นาทีก็แชมป์แล้ว

นาที 55 แมนฯ ซิตี้ยังไม่เพลาเกมบุกนวดเวสต์แฮมต่อไปเรื่อยๆมีช่องยิงได้ก็ยิงเลยหนนี้บอลขึ้นทางขวาก่อนจะจ่ายมาให้นาสรี่หน้าเขตโทษตั้งป้อมกดเข้ามาอีก อาเดรียนรับกระฉอกแต่ไม่ไกลยังตามไปรับเข้าซองได้

นาที 57 เวสต์แฮมก็เริ่มได้ตอบโต้บ้างแล้วได้โอกาสลุ้นกันสองทีติดๆหนแรกจากบอลเปิดล้นไปหมดแต่ดิยาเม่ตามไปเก็บสุดเส้นหลังแล้วตักกลับมาถึงหน้าเขตโทษ เทย์เลอร์ยิงสวนกระดอนออกหลัง กับอีกจังหวะเตะมุมเข้ามาที่เสาแรกแม็คคาร์ทนี่ย์โขกสะบัดไปเสาสองแต่ยังหลุดออกไปอีก

นาที 63 โอกาสของแมนฯ ซิตี้มาอีกแล้วหนนี้เป็นเตะมุมเล่นสั้นให้กับซิลบาทำท่าเหมือนจะเปิดแต่ลากตัดเข้าในมาเองซัดหนแรกติดบล็อก บอลกระดอนกลับมาหายังฉกไปได้ก่อนแต่งแล้วซัดอีกทีก็ไปติดบล็อกออกเสาไกลซะอีก

นาที 67 น่ามีประตูที่สามให้แมนฯ ซิตี้แล้วจริงๆด้วยการพาบอลมาเองของซาบาเลต้าทางขวาเข้าเขตโทษก่อนไปหักบอลกลับมาจากสุดเส้นหลัง แนวรับเวสต์แฮมสกัดกันไม่โดนเลยมาถึงอเกวโร่จ่อๆแล้วแต่ดันแปไม่ดีเองบอลไหลเข้ามืออาเดรียนง่ายๆเลยโอกาสทิ้งไปน่าเสียดาย

นาที 75 เวสต์แฮมพยายามบุกอยู่เหมือนกันแต่ทำอะไรไม่ได้เลย ส่วนแมนฯ ซิตี้ค่อยเป็นค่อยไปแล้วครองบอลไปเรื่อยรอเวลาเตรียมฉลองแชมป์อย่างเดียวพอก็คงได้

นาที 78 เกือบมีลูกที่สามให้กับแมนฯ ซิตี้อีกจากนาสรี่ฝากบอลให้ยาย่าหน้าเขตโทษแล้วยกบอลข้ามแผงหลังให้นาสรี่หลุดเข้าไปข้างในพยายามยิงอัดแต่อาเดรียนออกมาปิดมุมไวโดนเซฟไว้ได้

นาที 87 ท้ายเกมอเกวโร่ยังพยายามหาประตูให้ตัวเองบ้างต่อไป จังหวะนี้่เนเกรโด้ตอกส้นให้สวย"กุน"ลากมาหน้าเขตโทษพยายามแต่งจนหาช่องยิงได้แต่สุดท้ายก็ไม่ผ่านบล็อกอยู่ดี

นาที 89 ก่อนจะหมดเวลาดันมีเหตุวุ่นส่งท้ายอีกจากอเกวโร่เหมือนไม่พอใจจากจังหวะก่อนหน้าไปชนใส่โนเบิ้ลแบบจงใจจนโนเบิ้ลลุกขึ้นมาต้องไปคุยสุดท้ายฮึดฮัดเล็กน้อยก่อนแยกๆกันไปและรับใบเหลืองไปคนละใบ

จบเกมแมนฯ ซิตี้สมใจชนะเวสต์แฮมไป 2-0 คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2013/14 ด้วยการซัลโวไปถึง 102 ประตูแล้วยังกลายเป็นดับเบิ้ลแชมป์ในฤดูกาลนี้ด้วยจากที่คว้าลีก คัพมาก่อนหน้านี้



2

           "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล สองสโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเมืองผู้ดี ตกเป็นข่าวไล่ตามจีบ "อเล็กซานเดอร์ ซง" ห้องเครื่องตัวกลั่นของ "ต่างดาว" บาร์เซโลน่า โดยหวังจะคว้าตัวเข้าร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์นี้

สื่อจากแห่งเกาะอังกฤษเชื่อว่าสองทีมผู้ดีกำลังพยายามติดต่อทาบทามยอดทีมแห่งแคว้นกาตาลันเพื่อขอซื้อตัวมิดฟิลด์ชาวแคเมอรูน ซึ่งคาดว่าราคาจะอยู่ที่ราวๆ 8 ล้านปอนด์เท่านั้น

แม้ "อเล็กซานเดอร์ ซง" จะย้ายจาก "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ไปอยู่กับ "บาร์ซ่า" ด้วยราคา 16 ล้านปอนด์ แต่ทีมยักษ์ใหญ่แห่งแดนกระทิงดุก็พร้อมที่จะปล่อยตัวนักเตะรายนี้ออกจากทีม เพราะไม่อยู่ในแผนการทำทีมของ "ตาต้า มาร์ติโน่" มากนัก

ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา กองกลางวัย 26 ปี ได้ยอมรับว่ามีความประสงค์ที่จะย้ายกลับไปค้าแข้งในประเทศอังกฤษ หากว่าต้องออกจากประเทศสเปนจริงๆ

"หากว่าผมย้ายออกจากบาร์เซโลน่า มันก็ต้องเป็นการรีเทิร์นกลับสู่พรีเมียร์ ลีก"

"สักวันหนึ่งผมจะย้ายกลับไปค้าแข้งที่อังกฤษ นั่นคือสิ่งที่แน่นอน"

3
"จูเลี่ยน ดรักซ์เลอร์" แสดงให้ทุกสายตาเห็นแล้วว่าทำไมเขาถึงเป็นแข้งดาวรุ่งหนุ่มเนื้อหอมมีทีมยักษ์ใหญ่รุมตอมมีเอี่ยวพังประตูสุดสวยให้ "ราชันสีน้ำเงิน" ชาลเก้ 04 ฉลองครองอันดับ 3 ไปแชมเปี้ยนส์ลีกอัตโนมัติถล่ม "แดร์คลูบ" เนิร์นแบร์ก 4-1



ฟุตบอลบุนเดสลีกา
สนาม เวลตินส์ อารีน่า
วันเสาร์ที่ 10 พฤษภาคม 2557
กรรมการ เฟลิกซ์ ซวาเยอร์
ชาลเก้ 4-1 เนิร์นแบร์ก

          เปิดฉากเจ้าถิ่นโจมตีเร็วแบบไม่ยอมให้แผงหลังเนิร์นแบร์กไม่ทันตั้งหลักแค่ 5 นาทีแรกขึ้นนำแล้วจากจังหวะ เมเยอร์ โยนลูกเตะมุมไปยังจุดนัดพบเข้าหัว มาทิป โขกกดลงพื้นเสียบมุมล่างซ้ายเข้าไป

นาที 25 หลังได้ประตูปลดล็อคขึ้นนำเร็ว "ราชันสีน้ำเงิน" ต่อเกมรุกไหลลื่นพาบอลป้วนเปี้ยนหน้าเขตโทษทีมเยือนกระทั่งผ่าน 20 นาทีไปแล้ว เนิร์นแบร์ก ทำเกมบุกสู้บ้างเกือบตามตีเสมอได้ ฮาเซเบะ เติมเกมรุกทางขวาผ่านให้ อันกา ลักไก่สับไกนอกกรอบเขตโทษบอลชนเสาเต็มๆ

นาที 27 อีก 2 นาทีถัดมา ชาลเก้ กลับมาเปิดเกมบุกหวังพังประตูเพิ่ม ฮูกลันด์ วางบอลให้ ปรินซ์ บัวเต็ง หาช่องส่องไกลระยะ 20 หลาบอลพุ่งตรงกรอบติดเซฟนายทวาร ราคอฟสกี้

นาที 33 ผ่านครึ่งชั่วโมงทีมเยือน "แดร์คลูบ" พยายามฮึดสู้อาศัยจังหวะโต้กลับ ฮาเซเบะ จ่ายทะลุให้ อันกา ล็อคเข้าซ้ายก่อนปั่นไซด์ในจังหวะลื่นล้มพอดีบอลเหินฟ้าเฉี่ยวสามเหลี่ยมออกไปแบบมีลุ้น

นาที 40 เกมผลัดกันรุกผลัดกันรับก่อนพักเบรก 5 นาที "ราชันสีน้ำเงิน" เกือบจะได้ประตูที่สอง โกเรตซ์ก้า โยนจากทางด้านขวาข้ามแนวรับตกใส่หัว มาทิป โหม่งเน้นๆตรงเข้าซองผู้รักษาประตู ราคอฟสกี้ ยืนตำแหน่งดีรับติดมือ

นาที 45+1 เกมทำท่าจะจบแค่นำเม็ดอยู่แล้วแต่ทดเวลาบาดเจ็บเจ้าถิ่นมาได้ประตูรับประกันความมั่นใจ เมเยอร์ จ่ายทะลุมาถึงในเขตโทษทางขวา โกเรตซ์ก้า ยิงจังหวะแรกติดบล็อคกองหลังบอลกระดอนเป็นใจเข้าทาง นอยสตัดเตอร์ หวดด้วยขวาแบบไม่ต้องจับเสียบมุมเสาแรกเข้าไป

นาที 45+2 เรียกว่าเสียหายพอสมควรสำหรับ เนิร์นแบร์ก อุตส่าห์สู้กับ ชาลเก้ ไม่เป็นรองทว่าดันมาเสียเม็ดสองเพียงเสี้ยววินาทีจะจบครึ่งแรกตกเป็นฝ่ายตามหลังสองตุง

           กลับมาเริ่มต้นกันใหม่ยังเป็น ชาลเก้ ที่เดินหน้าเปิดเกมบุกเอาใจแฟนๆแค่ 4 นาทีเกือบได้เม็ดสาม โกเรตซ์ก้า ได้บอลจากทางขวาลากตัดเข้าในหลบกองหลังก่อนปั่นไซด์ก้อยบอลเฉี่ยวคานนิดเดียว

นาที 51 อีก 2 นาทีถัดมาเจ้าถิ่นน่าจะได้ประตูที่สามสุดๆจากจังหวะจ่ายทะลุช่องของ ปรินซ์ บัวเต็ง ส่งให้ เมเยอร์ แตะหลบกองหลังตัวสุดท้ายมาแล้วก่อนซัดหนีมือ ราคอฟสกี้ บอลชนคานเต็มๆ

นาที 56 แม้ครึ่งหลังตั้งรับเป็นส่วนใหญ่แต่ "แดร์คลูบ" พยายามเปิดเกมบุกแลกเจอ ชาลเก้ สวนเกือบจะได้ประตูที่สาม ดรักซ์เลอร์ ลากตะลุยแหวกแนวรับหลุดทะลุเข้าไปในกรอบเขตโทษทางซ้ายกึ่งยิงกึ่งชิพผ่านผุ้รักษาประตูมาแล้วแต่ ฮลูเซ็ค ยืนคุมเส้นโหม่งสกัดทิ้ง

นาที 75 หลังจากนั้นเกมเนือยลงไปเล็กน้อยโดยทีมเยือนพยายามเปิดเกมบุกสู้แต่เจาะแนวรับเจ้าถิ่นไม่ได้เลยกระทั่งนาที 75 ชาลเก้ ขยับสกอร์หนี 3-0 จากทักษะความสามารถเฉพาะตัวของ ดรักซ์เลอร์ ได้บอลทางขวาล็อคตัดเข้าในก่อนปั่นไซด์ด้วยซ้ายบอลพุ่งเรียดหนีมือผู้รักษาประตูเสียบเสาแรกอย่างสุดสวย

นาที 77 แม้โดนไปสามเม็ดแต่ทีมเยือนพยายามฮึดสู้อีก 2 นาทีถัดมา อันก่า โยนจากริมเส้นทางขวาเข้าไปในกรอบเขตโทษ โคลัค ตัวสำรองเทคตัวโหม่งเหน่งๆติดเซฟ ฟาห์มันน์ นายทวารได้ออกแรงปัดก่อนตามตะครุบดาบสอง

นาที 79 บอลต่างฝ่ายต่างแลกอีก 2 นาทีถัดมา ชาลเก้ เกือบจะได้เม็ดที่ 4 ดรักซ์เลอร์ จ่ายทะลุตัดแนวรับ บัวเต็ง หลุดเดี่ยวดวลตัวต่อตัวกับผู้รักษาประตูจังหวะแรกยิงติดขาบอลกระดอนลอยโด่งอดีตแข้งมิลานลอยตัวตีลังกาฟาดไม่ตรงกรอบ

นาที 90+1 เวลาที่เหลือเจ้าถิ่นเล่นเอาใจแฟนบอลอุตส่าห์ตีตั๋วมาดูนัดสุดท้ายบุกเข้าใส่ตลอดและเกือบได้เม็ดสี่อยู่หลายครั้งทว่านายทวาร ราคอฟสกี้ ไม่ยอมเซฟหมดกระทั่งทดเจ็บทีมเยือนได้ประตูปลอบใจ อันก่า หลุดทะลุเข้าไปในกรอบเขตโทษทางขวายิงติดขาของ ฟาห์มันน์ นายทวารสกัดออกมาเข้าทางปืน เดอร์มิช ซ้ำง่ายๆเข้าไป

นาที 90+2 แต่ทีมเยือนดีใจแค่นาทีเดียวเท่านั้นโดนทีเด็ด "ราชันสีน้ำเงิน" พังประตูตอกย้ำชัย ชิเนดู หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษทางซ้ายเลี้ยววนหนีกองหลังมาได้สามก่อนหวดด้วยเท้าขวาเต็มแรงบอลผ่านมือ ราคอฟสกี้ ชนเสากระดอนมาชนด้านหลังผู้รักษาประตูกระเด้งตุงตาข่าย

จากนั้นอีกไม่กี่วินาทีถัดมากรรมการเป่านกหวีดหมดเวลา ชาลเก้ ฉลองไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกไล่ถลุง เนิร์นแบร์กทีมรองบ๊วยกระเด็นตกชั้นยับเยิน 4-1


4
"ห้างขายยา" ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น สามารถรักษาตั๋วใบสุดท้ายสู่ศึกแชมเปี้ยนส์ ลีกฤดูกาลหน้าเอาไว้ได้สำเร็จแม้ว่าจะเป็นรอบคัดเลือกสำหรับพวกเขาจากประตูชัยของ "ซอง เฮือง มิน" เปิดบ้านเฉือนชนะ "นกนางนวล" แวร์เดอร์ เบรเมน 2-1 รักษาอันดับ 4 ไว้ได้จนจบฤดูกาลตามเป้า



บุนเดสลีก้า
สนาม ไบ อารีน่า
เสาร์ที่ 10 พฤษภาคม 2557
กรรมการ คนุต เคียร์เชอร์
ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น 2-1 แวร์เดอร์ เบรเมน

           เปิดฉากเริ่มเกมมาในช่วงครึ่งแรก "ห้างขายยา" เลเวอร์คูเซ่น เป็นฝ่ายบุกกดดันตามประสาทีมยังมีแรงจูงใจแต่เบรเมนเหมือนซ้อมเกมรับและทำได้ดีแม้หาจังหวะตอบโต้ไม่ได้เลยก็ตาม

นาที 16 กว่าเลเวอร์คูเซ่นจะได้ทักทายต้องรอเกมผ่าน 15 นาที ซองรับบอลจากเบนเดอร์เลี้ยงเข้าเขตโทษฝั่งขวาแล้วกดด้วยขวาแฉลบคัลดิโรล่าเปลี่ยนทางโวล์ฟหลงแล้วแต่เข้าหน้าต่างเสาแรกออกหลังได้แค่เตะมุม

นาที 21 เบรเมนทักทายบ้างอย่างโหดส่งเลเวอร์คูเซ่นร่วงให้กรรมการนับคาเวที ลูกทุ่มฝั่งซ้ายทีเดียวถึงเกือบมุมธงฝั่งซ้ายดิ ซานโต้แอบรับบอลตวัดเร็วเข้าเขตโทษฮันท์ว่างพอยิงเองได้แต่ใจกว้างป้ายออกขวาให้เซลาสซี่ยิงโล่งๆเล่นทางด้วยขวาผ่านมือเลโน่เสียบมุมซ้ายตุงตาข่ายเป็นประตูที่ 2 ของแบ็คทีมชาติเช็คในลีกฤดูกาลนี้

นาที 30 ศึกชิงตั๋วแชมเปี้ยนส์ ลีกนัดสุดท้ายเลเวอร์คูเซ่นตกที่นั่งลำบากซะแล้วเมื่อโวล์ฟสบวร์กที่เตะพร้อมกันออกนำผู้มาเยือนกลัดบัค 1-0 จากเควิน เดอ บรอยน์ทำให้มีแต้มนำเลเวอร์คูเซ่น 2 คะแนนแบบเรียลไทม์

นาที 34 เลเวอร์คูเซ่นคลายความกดดันส่วนหนึ่งลงได้หลังตีเสมอสำเร็จ บอลโยนจากกราบซ้ายเข้ากลางแนวรับเบรเมนช่วยกันเคลียร์ทะลักออกริมเส้นฝั่งขวาแดร์ดิยอคตามเก็บโหม่งกลับหลังให้คานตักเร็วกลับเข้าเขตโทษอีกครั้งคราวนี้ท็อปรัคเซ็นเตอร์ฮาล์ฟที่ดันสูงเทคชนะตัวประกบโขกเสยกลับหลังข้ามตัวโวล์ฟย้อยเสียบมุมซ้ายเข้าไปอย่างสวยงามเป็นประตูแรกของกองหลังเติร์กในลีกฤดูกาลนี้แต่แต้มแบบเรียลไทม์ยังตามโวล์ฟสบวร์ก 1 คะแนนนะครัช

นาที 45 เลเวอร์คูเซ่นเจอขวากหนามเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งชิ้นเมื่อเบนเดอร์ได้รับบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหวต้องส่งโรลเฟสคุมเกมแดนกลางแทน

นาที 45+2 จบครึ่งแรกเสมออยู่ 1-1 แต่เลเวอร์คูเซ่นเหมือนโดนความกดดันเล่นงานจนขยับเกมกันไม่เป็นธรรมชาติ กลับกันเบรเมนไร้ความกดดันเลยเล่นกันอย่างสบายใจ

            กลับเข้าสู่เกมช่วงครึ่งหลัง "ห้างยา" ฉวยโอกาสโต้กลับเร็วเกือบสร้างงานให้เบรเมน คานเลี้ยงสปีดทางกราบซ้ายจี้เข้ากลางฟริทซ์ตามทันวิ่งอ้อมดักหน้ามิดฟิลด์เติร์กตัดสินใจกระชากหลบแล้วพุ่งตอร์ปิโดบกเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายหมายเอาจุดโทษกับใบสีอะไรก็ได้แต่ผู้ตัดสินเคียร์เชอร์ให้สัญญาณเล่นต่อเจ้าถิ่นไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย

นาที 51 เลเวอร์คูเซ่นบดแหลกจนเบรเมนชักผิดพลาดเกือบโดนลงโทษซะแล้ว บอลยาวไปทางริมเส้นฝั่งขวาไร้จุดหมายแต่คัลดิโรล่าประมาทกะบังให้ออกเจอแดร์ดิยอคคนขยันสไลด์ตัดบอลได้แล้วตบเข้าเขตโทษให้คาสโตรแปโล่งๆหน้าประตูแต่เจอฟริทซ์ล้มตัวเคลียร์จากเส้นทันหวุดหวิด

นาที 53 เลเวอร์คูเซ่นที่บุกอยู่นานขึ้นนำบ้างจนได้จากความพยายามไม่ย่อท้อ ซองจ่ายเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายโรลเฟสชิ่งกลับให้ปีกเคป็อปเตะแฉลบคู่แข่งบอลลอยไปหน้าประตูแดร์ดิยอคโฉบโขกโล่งๆโวล์ฟโดดเซฟไว้ได้แต่ไม่พ้นอันตรายซองพุ่งโขกซ้ำเล่นทางผ่านมือนายทวารทีมเยือนเสียบมุมซ้ายเข้าไปเป็นประตูที่ 10 พอดิบพอดีในลีกฤดูกาลนี้ช่วยให้แต้มเรียลไทม์เจ้าถิ่นแซงโวล์ฟสบวร์กรั้งที่ 4 อีกครั้ง

นาที 60 เลเวอร์คูเซ่นขึ้นนำแล้วเปลี่ยนแผนเป็นโต้กลับบ้างขู่เบรเมนพอได้ โดนาติรับบอลจากโรลเฟสกระชากเข้าในแล้วตะบันเรียดระยะไกลด้วยขวาจากนอกเขตโทษฝั่งขวาผ่านมือโวล์ฟเฉียดเสาสองออกไป

นาที 62 เกมผ่านชั่วโมงแรกไม่กี่นาทีเบรเมนต้องเปลี่ยนตัวบ้างหลังมาเคียดี้เจ็บเล่นต่อไม่ไหวดุทท์ใช้โอกาสนี้เสริมเกมรุกส่งเอเลียเลื้อยริมเส้นแทนซะเลย

นาที 67 ทั้ง 2 ทีมได้ลุ้นจากลูกกลางอากาศเพิ่มฝั่งละครั้งแต่ไม่มีประตู เลเวอร์คูเซ่นเปิดก่อน 4 นาทีที่แล้วโดนาติครอสจากกราบขวาล้นไปเสาไกลถึงแดร์ดิยอคโขกข้ามคาน

จากนั้นเบรเมนเอาบ้างฮันท์เปิดเตะมุมเข้าหัว การ์เซีย โขกข้ามคานเช่นกัน จบเกม "ห้างขายยา" เลเวอร์คูเซ่น ชนะ 2-1 รักษาตั๋วใบสุดท้ายลุยแชมเปี้ยนส์ ลีกฤดูกาลหน้าสำเร็จ

5
เกือบไม่มีโอกาสได้จับถาดแชม์ซะแล้วแต่ "เคลาดิโอ ปิซาร์โร่" สวมบทฮีโร่ซัลโวประตูชัยในวินาทีสุดท้ายของเกมช่วงต่อเวลาช่วยให้ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค ชนะ "ม้าขาว" สตุ๊ตการ์ท 1-0 รับถาดแชมป์บุนเดสลีกาไปแบบชื่นมื่น



บุนเดสลีกา เยอรมัน
สนาม อัลลิอันซ์ อารีน่า
เสาร์ที่ 10 พฤษภาคม 2557
กรรมการ บาสเตียน ดันเคิร์ต
บาเยิร์น มิวนิค 1-0 สตุ๊ตการ์ท

             ออกสตาร์ทเกมช่วงครึ่งแรกมาเพียงแค่ 15 วินาทีบาเยิร์นเกือบได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็วก่อนเลยในจังหวะที่อลาบาเติมขึ้นมาทางกราบซ้ายก่อนเปิดเข้ากลางอย่างรวดเร็วเป็นมุลเลอร์ที่วิ่งเข้ามายิงจังหวะเดียวบริเวณจุดโทษแต่ให้น้ำหนักหนาไปหน่อยทำให้บอลออกเสาขวามือไปนิดเดียว

นาที 10 โอกาสยิงครั้งที่สองของเกมยังคงเป็นของทางฝั่งเจ้าถิ่นเป็นจังหวะที่กองหลังของสตุ๊ตการ์ทสกัดไม่ดีบอลเลยมาถึงโครสจับได้ก่อนส่องไกลจากระยะ 35 หลาทว่าบอลพุ่งเรียดผ่านหน้าปากประตูออกไป

นาที 22 สตุ๊ตการ์ทมาได้ลุ้นเหมือนกันจากจังหวะฟรีคิกนอกกรอบเขตโทษด้านขวาแล้วเปิดเข้ากลางให้นีเดอร์ไมเออร์ที่เติมมารอหน้าปากประตูได้ดีดลูกหลังแต่โดนไม่ดีทำให้บอลยังไม่ตรงกรอบ

นาที 24 แต่บาเยิร์นก็สวนกลับมาได้อย่างน่ากลัวเริ่มจากร็อบเบนแย่งบอลได้จากกลางสนามก่อนผ่านบอลไปให้มานด์ซูคิชลากเข้าถึงเส้นเขตโทษแล้วสับด้วยขวาทันทีบอลพุ่งตรงกรอบแต่ไปติดปลายนิ้วของอูลริชปัดทิ้งไปได้นิดเดียว

นาที 33 บาเยิร์นได้เสียวอีกแล้วจากการต่อบอลที่ยอดเยี่ยมของพวกเขาก่อนที่บอลจะเลยไปถึงมานด์ซูคิชกระโดดสับขาวอลเล่ย์ในกรอบเขตโทษด้านซ้ายแต่บอลดูเหมือนจะไปโดนแขนของกองหลังสตุ๊ตการ์ททว่ากรรมการยังไม่ให้เป็นจุดโทษ

นาที 44 โบก้ารอดตัวไม่ได้ใบเหลืองแดงอย่างหวุดหวิดโดยตอนแรกเขาไปทำฟาวล์ร็อบเบนจนได้ใบเหลืองไปก่อนแล้วมาเข้าสกัดหนักใส่ราฟินญ่าอีกครั้งแต่กรรมการยังใจดีฝุดๆไม่ยอมแจกเป็นเหลืองแดงส่งเขาออกจากสนามแต่สตีเฟ่นส์จัดการเปลี่ยนเขาออกเลยแล้วส่งดาเนี่ยล ดิดาวีลงสนามมาทันที

             กลับเข้าสู่เกมช่วงครึ่งหลัง "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค ยังเดินหน้าทำเกมรุกอย่างต่อเนื่องและมาได้ลุ้นส่องประตูอีกจากจังหวะที่มุลเลอร์จ่ายบอลขวางสนามไปให้ฮอยบ์เจิร์กวิ่งเข้ามายิงทันทีแต่บอลก็ยังไม่ตรงกรอบหลังจากนั้นราฟินญ่าก็ได้ส่องหน้าปากเขตโทษแต่โดนบล็อคแล้วออกหลังไป

นาที 60 "พี่เสือ"ยังรุกหนักไม่ลดละหวังเอาประตูแรกให้ได้แต่ดูเหมือนจังหวะสับไกสุดท้ายยังไม่เฉียบคมและจังหวะนี้ร็อบเบนได้ส่องในกรอบเขตโทษด้านขวาแต่ยังไปติดมือของอูลริชที่ปัดทิ้งออกมาได้

นาที 67 เกมเริ่มเดือดเมื่อกรรมการปล่อยให้จังหวะเสียบหวาดเสียวเล่นต่อไปและกลายเป็นดันเต้ที่ต้องสังเวยใบเหลืองจากจังหวะที่ไปเสียบน่าเกลียดด้านหลังใส่คาเคาบริเวณกลางสนามทำให้นักเตะทั้งสองฝ่ายเข้ามาชุลมุนกันนิดหน่อยก่อนแยกย้ายไปเล่นกันตามปกติ

นาที 75 สตุ๊ตการ์ทมีเถียงบ้างเหมือนกันและยังทำให้นอยเออร์ต้องออกแรงเซฟด้วยในจังหวะที่คาเคาได้ยิงไปทางเสาซ้ายมือก่อนที่นอยเออร์จะพุ่งไปเซฟไว้ไม่มีกระฉอก

นาที 83 เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้ายแล้วบรรดา"เสือใต้"ยังพยายามเดินเกมบุกอย่างต่อเนื่องแต่จังหวะจะโคนสุดท้ายในวันนี้ดูไม่เป็นใจไม่ได้จังหวะยิงสวยๆเลยแม้แต่ครั้งเดียว

นาที 90+2 แต่แล้วในช่วงทดเวลาบาดเจ็บบาเยิร์นมาได้ประตูที่ต้องการจนได้เมื่อปิซาร์โร่จัดการส่องเต็มข้อจากนอกกรอบเขตโทษบอลพุ่งเป็นจรวดเข้าไปกองก้นตาข่ายด้วยอีซ้ายทำให้บรรดาแข้งสตุ๊ตการ์ทล้มตัวลงนอนกันหมดพร้อมจบการแข่งขันด้วยสกอร์ 1-0 มี 90 คะแนนจาก 34 เกมและเป็นการคว้าแชมป์บุนเดสลีกาในฤดูกาลแรกของเป๊ป กวาร์ดิโอล่าด้วย


6

             แฟนบอลได้ยินกันแบบนี้ก็เบิกบานใจกันไปหลังจากที่ "มานูเอล เปเญกรินี่" ออกโรงให้สัมภาษณ์เปิดเผยว่า "แซร์จิโอ อเกวโร่" ฮีโร่ผู้ยิงประตูนาทีสุดท้ายพาทัพ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์ลีกเมื่อ 2 ปีก่อนรวมถึงนักเตะทุกคนในทีมฟิตพร้อมลงฉะในเกมปิดซีซั่นที่จะพบกับ "ขุนค้อน" เวสต์แฮม ยูไนเต็ด

หัวหอกอาร์เจนไตน์นำดาวซัลโวของทีมอยู่ในเวลานี้ที่ 28 ประตูแม้จะพลาดการลงสนาม 19 นัดจาก 32 เกมหลังสุดและเกมเมื่อวันพุธก็ต้องนั่งดูเพื่อนๆพา "เรือใบสีฟ้า" กำราบ "สิงห์ผงาด" แอสตัน วิลล่า เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บบริเวณขาหนีบ

"ทั้งทีมฟิตพร้อมนะ" เปเญกรินี่ เผย

"ถ้าหากคุณมีทั้งทีมพร้อมและเลือกใครลงสนามได้ก็คือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้จัดการทีมแล้วล่ะ"

"เปเญกรินี่" รู้ถึงเรื่องที่ทีมของเขาต้องใช้สองประตูในช่วงท้ายเกมเพื่อคว้าแชมป์ลีกปาดหน้าอริร่วมเมืองอย่าง "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาในนาทีสุดท้ายด้วยประตูได้เสีย แล้วหนนี้พวกเขาก็นำหน้า "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล อยู่ 2 แต้มก่อนลงเล่นนัดสุดท้ายซึ่งขอเพียงแค่ไม่แพ้ให้ "ขุนค้อน" พวกเขาก็เอาแชมป์ไปนอนกอดได้เลย

"เปเญกรินี่" เชื่อว่าเขาและนักเตะต้องใจเย็นเอาไว้รวมถึงสัญญาว่าจะเล่นเพื่อคว้าชัยมากกว่าจะเล่นเพื่อขอเพียงแค่แต้มเดียวที่ต้องการ

"ประสบการณ์ของนักเตะ(ในปี 2012)เป็นเรื่องที่สำคัญมากเสมอแต่ผมว่านี่เป็นเหตุการณ์ต่างกัน, ต่างปี, ต่างกุนซือและนักเตะต่างชุด"

"การมีประสบการณ์สำคัญเสมอล่ะแต่วิธีที่ดีที่สุดที่จะใช้ในเกมนี้คือพยายามทำอย่างที่เราทำมาตลอดทั้งปี"

"ทุกทีมต้องเล่นทุกเกมเพื่อชัยชนะ มันไม่สำคัญว่าเงื่อนไขอะไรที่ทีมต้องเจอ ทุกทีมต้องอยากเล่นเพื่อชัยชนะ ตอนผมเข้ามาที่นี่เป้าหมายของผมคือเล่นทุกเกมให้ดีและคว้าแชมป์มาให้ได้"

"ผมคาดหวังถึงชัยชนะนะ เราไม่ได้คิดแค่ขอแต้มนึงแต่คิดถึงการเก็บชัยในนัดนี้และวิธีที่ดีที่สุดก็คือเล่นในแบบที่เราทำมาตลอด"

"ทีมใหญ่หลบความกดดันที่จะต้องคว้าสิ่งที่สำคัญให้ได้ไม่พ้นหรอก ผมพูดถึงทีมเรา, ยูไนเต็ด, เชลซี, อาร์เซน่อล, ท็อตแน่ม, ลิเวอร์พูล, ทีมใหญ่ทุมทีมเลย"

"ทุกสัปดาห์เรามีความตื่นเต้นเป็นปกติอยู่แล้วแต่โดยทั่วไปแล้วเกมสุดท้ายมันสำคัญที่สุดเพราะพวกเขาจะปิดฉากสิ่งที่ทำมาตลอดทั้งซีซั่น แต่ผมก็บอกนักเตะเสมอนะว่าแชมป์น่ะตัดสินใจกันด้วยแต้มเดียวหรือประตูเดียว"

"ผมว่ามันสำคัญมากที่กุนซือจะต้องนิ่งไว้ พยายามทำแบบที่เราทำมาตลอดทั้งปี เตรียมตัวเกมนี้เหมือนกับอีกหนึ่งเกม เราต้องเตรียมตัวไว้ในแบบเดียวกัน"

"ผมรู้ว่าควบคุมความตื่นเต้นได้ยังไง หลังเจอมาหลายปีมันสำคัญมากที่จะต้องคุมอารมณ์คุณให้อยู่เพราะเมื่อคุณตัดสินใจโดยมีอารมณ์นำพาโดยส่วนใหญ่แล้วมันจะกลายเป็นคุณตัดสินใจผิด"

7

            "ไรอัน กิ๊กส์" กุนซือชั่วคราวของ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกมาให้สัมภาษณ์โดยยืนยันว่า "ฟิล โจนส์" กองปราการหลังมากพรสวรรค์และหัวหอกค่าเหนื่อยแพงอย่าง "เวย์น รูนีย์" จะหายเจ็บฟิตทันช่วยทีมชาติอังกฤษทำศึกฟุตบอลโลกกลางปีนี้ที่บราซิล

"โจนส์" ถูกสื่อดังแห่งเมืองผู้ดีตีข่าวว่ากองหลังวัย 22 ปีอาจต้องพักเป็นเวลาถึง 4 สัปดาห์เนื่องจากบาดเจ็บบริเวณหัวไหล่ระหว่างเกมล่าสุดที่เปิดบ้านถล่ม "เสือน้อย" ฮัลล์ ซิตี้ 4-1 ต้องถูกเปลี่ยนตัวออกและถูกนำส่งโรงพยาบาลโดยผลการตรวจพบว่ามีรอยฟกช้ำหนักและเส้นเอ็นอาจเสียหายบริเวณหัวไหล่ซ้าย

ขณะที่ "เวย์น รูนีย์" ดาวยิงสุกรโลกันฑ์พลาดลงสนามช่วย "ปีศาจแดง" 2 นัดหลังสุดเนื่องจากบาดเจ็บต้นขาและไม่น่าได้ลงเกมสั่งลาพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ที่ต้องออกไปเยือน "นักบุญ" เซาท์แธมป์ตัน เช่นกัน

แต่ล่าสุดในการให้สัมภาษณ์ในงานแถลงข่าวก่อนเกมสั่งลาฤดูกาลกับ "นักบุญ" นายใหญ่วัย 40 ปียืนยันว่าทั้งคู่จะหายเจ็บทันพร้อมรับใช้ "สิงโตคำราม" ในบอลโลก

"อาการบาดเจ็บของฟิลไม่แย่อย่างที่ผมคิดไว้เมื่อวันแข่ง เขาพลาดเกมวันอาทิตย์นี้แน่แต่น่าจะพร้อมสำหรับศึกเวิลด์ คัพนะ" กิ๊กส์ กล่าว

"เวย์นเพิ่งเริ่มซ้อมเมื่อ 2 ถึง 3 วันก่อน วันอาทิตย์นี้อาจเร็วไปหน่อยสำหรับเขาแต่เขาจะซ้อมต่อและพร้อมสำหรับศึกเวิลด์คัพเช่นกัน"

8

         กุนซือเฟร้นช์แมนของทีม "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล "อาร์แซน เวนเกอร์" ออกมาเรียกร้องให้ทีมที่ละเมิดกฎแฟร์เพลย์ทางการเงินอย่าง "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องถูกอัปเปหิออกจากการลงเล่นในแชมเปี้ยนส์ ลีกสถานเดียวเท่านั้น

"เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ "เปแอชเช" ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ถือว่าเป็นสองทีมที่เผชิญหน้ากับการโดนลงดาบปรับหนักและลดจำนวนนักเตะที่จะลงสนามภายหลังไม่สามารถทำตามกฎแฟร์เพลย์ได้

แต่กุนซือชาวฝรั่งเศสก็ได้ยืนยันว่ามีเพียงการลงโทษเดียวที่ทุกคนเข้าใจคือการที่สโมสรต่างๆห้ามลงเล่นในยุโรปหากไม่สามารถใช้จ่ายเงินตามกฎที่วางเอาไว้

"เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดน "ยูฟ่า" สั่งปรับเงินจำนวน 50 ล้านปอนด์แต่ตอนนี้พวกเขากำลังพยายามเจรจาเพื่อให้ตัวเลขนี้ลดลงมา

"ผมเป็นคนสนับสนุนกฎแฟร์เพลย์ทางการเงินอย่างเต็มตัวเพราะผมคิดว่าการทำธุรกิจทุกอย่างควรจะอยู่ภายใต้ทรัพยากรของตัวเองเช่นเดียวกับการดำเนินการของสโมสรอื่น"

"สำหรับการลงโทษนั้นผมคิดว่ามันต้องชัดเจนผมอยากที่จะให้มันเป็นการลงโทษที่ง่ายและเข้าใจได้มากกว่านี้" เวนเกอร์ กล่าว

"คุณคิดว่าคุณยอมรับกฎต่างๆและคุณก็ได้อยู่ในการแข่งขันหรือคุณไม่ยอมรับกฎและคุณก็ไม่อยู่ในการแข่งขันทุกคนเข้าใจมันแบบนี้ทั้งนั้น"

9

           "โยฮัน ครอยฟ์" นักเตะระดับตำนานออกมายอมรับว่า "ตราหมี" แอตเลติโก้ มาดริด เป็นทีมเหมาะสมต่อการเป็นแชมป์แห่งลีกกระทิงดุในฤดูกาลนี้มากกว่า "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด รวมไปถึงทีมเก่าของเขา "บาร์เซโลน่า" ด้วย

ถึงแม้ว่าตอนนี้ "ตราหมี" นำห่าง "บาร์ซ่า" เพียงแค่ 3 แต้มเท่านั้น ขณะที่เกมนัดสุดท้ายอาจจะตัดสินแชมป์ไปเลยและหาก "ต่างดาว" เปิดบ้านเอาชนะทีมของ "ดีเอโก้ ซิเมโอเน่" จะแซงฉลองชูโทรฟี่แทนด้วยกฎเฮด-ทู-เฮด

อย่างไรก็ตาม "ครอยฟ์" กลับยกย่องผลงานของจ่าฝูงปัจจุบันอย่าง "แอต.มาดริด" ที่มีฟอร์มการเล่นที่คงเส้นคงวาที่สุดคู่ควรต่อบัลลังก์เจ้าลูกหนังแห่งแดนกระทิงดุ แม้ทีมของ "เกราร์โด้ มาร์ติโน่" กุนซืออาร์เจนไตน์ยังมีโอกาสอยู่ก็ตาม

"ผมคิดว่า แอตเลติโก้ มาดริด สมควรคว้าแชมป์ลาลีกามากกว่าใครๆนะ" อดีตกุนซือของ "บาร์เซโลน่า" ยืนยัน

"แม้นัดสุดท้ายพวกเขาแพ้ ซึ่งอะไรๆก็เกิดขึ้นได้ แต่เมื่อพิจารณาผลงานทั้งฤดูกาล พวกเขาเล่นได้อย่างโดดเด่นในทุกๆด้าน"

ขณะเดียวกัน "ครอฟฟ์" ไม่เชื่อว่าทีมของ "คาร์โล อันเชล็อตติ" จะสร้างประวัติศาสตร์คว้าเทรเปิ้ลแชมป์แม้ตอนนี้ได้โคปา เดล เรย์ ไปนอนกอดแล้ว ขณะที่ทะลุรอบชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีก ส่วนลา ลีการั้งอันดับ 3 ตามหลังอยู่ 4 คะแนน

"ผมไม่คิดว่า เรอัล มาดริด จะคว้าทั้งหมด 3 โทรฟี่ในฤดูกาลนี้"

10

           กุนซือหนุ่มชาวไอร์แลนด์เหนือของทีม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล "เบรนแดน ร็อดเจอร์ส" แบะท่าต้องการคว้าตัว "อดัม ลัลลาน่า" ข้ามฟากมาโชว์เพลงแข้งที่แอนฟิลด์ถึงขนาดที่ออกปากชื่นชมกัปตันทีม "นักบุญ" เซาแธมป์ตัน แบบออกนอกหน้าผ่านสื่อเลยทีเดียว

กัปตันทีมวัย 25 ปีโชว์ฟอร์มสุดร้อนแรงในฤดูกาลนี้จนตกเป็นที่หมายปองของเหล่าบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ไม่ว่าจะเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด,ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ และ เชลซี ตามวนเวียนจนหัวกระไดไม่แห้งรวมไปถึง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ก็มีเอี่ยวด้วย แม้กระทั่ง "บีร็อด" ออกมาขานรับกระแสความเป็นไปได้ดังกล่าว

"อดัม ลัลลาน่า เป็นนักเตะดาวรุ่งที่เจ๋งมากๆ แน่นอนด้วยคุณภาพฝีเท้าระดับเขาย่อมมีข่าวลือตามมาเสมอ" อดีตบอสสวอนซีตอบคำถามผ่านสื่อถึงเรื่องดังกล่าว

ทั้งนี้เป็นที่เชื่อกันว่า "ร็อดเจอร์ส" จะเดินหน้าเปิดเจรจากับทีม "นักบุญ" หวังปิดดีลก่อนศึกฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้าย จะคิกออฟ ซึ่งคาดว่าดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีประจำสโมสรจะติดทัพ "สิงโตคำราม" อังกฤษตะลุยประเทศบราซิล

11

             กุนซือขัดตาทัพของทีม "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด "ไรอัน กิ๊กส์" ออกมาให้สัมภาษณ์โดยเขายอมรับว่าการที่ตัวเองถูกดันขึ้นมานั่งเก้าอี้กุนซือในช่วงระยะเวลาสั้นๆ นั้นมอบความรู้สึกให้พิจารณาถึงการรับตำแหน่งแบบถาวรในอนาคตข้างหน้า

หลังจากที่กุนซือเลือดวิสกี้ "เดวิด มอยส์" ถูกตะเพิดออกจากตำแหน่ง บอร์ดบริหารของ "ยูไนเต็ด" ก็ส่งไม้การคุมทีมอีก 4 เกมที่เหลือให้กับทาง "ไรอัน กิ๊กส์" โดยปัจจุบันผ่านไปแล้ว 3 เกม เขาพาทีมคว้าชัย 2 นัดและพ่ายแพ้อีก 1 นัด

"ใช่เลย" กิ๊กส์ ตอบหลังโดนยิงคำถามเรื่องการเข้ารับงานชั่วคราวทำให้เขาเกิดความรู้สึกอยากเป็นผู้จัดการทีมขึ้นมาจริงๆหรือไม่

"บางครั้ง คุณอาจจะคิดว่าตัวเองไม่สามารถก้าวขึ้นมาทำอะไรในตำแหน่งดังกล่าวได้ แต่บางครั้งมันก็มอบความสุขอย่างมากให้กับคุณ"

"หลังจบเกมการแข่งขันกับซันเดอร์แลนด์ (พ่ายคาบ้าน 1-0) มันทำให้คุณคิดว่าคุณไม่อยากรับงานแบบนี้ แต่จริงๆแล้วคุณก็เรียนรู้จากความพ่ายแพ้และการทำผลงานได้ไม่ดี เหมือนเช่นตอนที่เป็นนักเตะนั่นแหละ"

"ผมสนุกสนานกับประสบการณ์ทั้งหมด คุณได้รับความพึงพอใจ เมื่อทุกๆอย่างเป็นไปอย่างถูกต้องเหมาะสม ในขณะเดียวกันเมื่อคุณพ่ายแพ้ คุณก็รู้สึกโกรธและผิดหวัง"

"แต่เรื่องที่เกิดขึ้นช่วยให้ผมได้เตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่จะตามมาหลังจากผมยุติการค้าแข้ง"

12

           กุนซือมาดเข้มของทีม "ขุนค้อน" เวสต์แฮม ยูไนเต็ด "แซม อัลลาร์ไดซ์" ออกมายอมรับว่าตนอยากเห็น "สตีเว่น เจอร์ราร์ด" และพลพรรคลิเวอร์พูลเป็นผู้ที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกและตั้งเป้าขอช่วยให้ "ลิเวอร์พูล" ได้สมหวังด้วยการพาทีมบุกโค่น "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในนัดสุดท้ายให้ได้

ตอนนี้ยอดทีมแห่งลุ่มแม่น้ำเมอร์ซีไซด์ตามหลัง "เรือใบสีฟ้า" 2 คะแนนโดยต้องเปิดบ้านชนะ "สาลิกาดง" นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ให้ได้สถานเดียวและลุ้นให้จ่าฝูงแพ้ "ขุนค้อน" คาบ้านด้วย

แต่ในงานแถลงข่าวก่อนเกมนัดสุดท้ายกุนซือวัย 59 ปียืนยันว่าจะสู้เต็มที่เพื่อทำลายงานฉลองแชมป์ของ "เรือใบสีฟ้า" แม้ทีมของเขาไม่ต้องลุ้นอะไรแล้วก็ตาม

"ผมว่า ณ ตอนนี้จากมุมมองอย่างเป็นกลางผมว่าทุกคนอยากเห็นลิเวอร์พูลเป็นแชมป์และจากมุมมองส่วนตัวผมอยากเห็นสตีเว่น เจอร์ราร์ดคว้าแชมป์" อัลลาร์ไดซ์ กล่าว

"มันเป็นถ้วยสุดท้ายที่เขายังไขว่คว้าเพื่อลิเวอร์พูลไม่สำเร็จแต่ชัดเจนว่าพวกเขาปล่อยมันหลุดมือเอง ด้วยฟอร์มและอันดับของพวกเขาแล้วแมน ซิตี้คือตัวเต็ง"

"ต้องยกเครดิตขนานใหญ่ให้มานูเอล เปเญกรินี่ นี่เป็นซีซั่นแรกของเขาและหากเขาได้ทั้งแชมป์พรีเมียร์ลีกและแคปิตอล วัน คัพก็หมายความว่าพวกเขาจะเป็นดับเบิลแชมป์"

"คุณขอจากผู้จัดการทีมสักคนมากกว่านี้ไม่ได้แล้วล่ะไม่ว่าพวกเขาจะมีเงินมากขนาดไหนก็ตาม ทุกคนรู้ว่าเป็นแชมป์ลีกนี้คืองานยากที่สุดในโลก"

"เราทุกคนรู้ว่าแมนฯซิตี้ที่กำลังคึกน่ะยากแก่การต่อกร เราต้องไปเยือนและโชว์ฟอร์มวิเศษเพื่อหยุดพวกเขาจากการคว้าแชมป์ในวันนั้น"

"มันจะเป็นงานระดับเข็นครกขึ้นภูเขา พวกเขาเล่นในบ้านดีที่สุดในลีก สถิติการยิงประตูของพวกเขาวิเศษมากและยังมีนักเตะฝีเท้าเยี่ยมหลายคน"

"แต่นักเตะเวสต์แฮมทุกคนสามารถไปเยือนโดยเล่นให้ดีที่สุดได้เนื่องจากเรารู้แล้วว่าอยู่รอดปลอดภัยในพรีเมียร์ลีก"

"ดังนั้นมาป่วนงานฉลองของแมนเชสเตอร์ ซิตี้กันเถอะ"

13

         ผู้อำนวยการของสโมสร "งูใหญ่" อินเตอร์ มิลาน "ปิเอโร่ ออซิลิโอ" ออกมาให้สัมภาษณ์โดยเปิดเผยว่าพวกเขากำลังติดตามให้ความสนใจในตัวของ "เฟร์นานโด ตอร์เรส" หัวหอกแก้มแดงของ "สิงห์โตน้ำเงินคราม" เชลซี อยู่

แข้งซุปตาร์วัย 30 กะรัตต้องเจอช่วงเวลาที่สุดแสนลำเค็ญในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์นับตั้งแต่ย้ายมาด้วยค่าตัว 50 ล้านปอนด์จาก "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ในปี 2011 และทำท่าจะถูกปล่อยออกหลังจากที่ "สิงห์ไฮโซ" ต้องการเสริมกองหน้าเข้ามาเพิ่มโดยมีข่าวกับ "ดิเอโก้ คอสต้า" ของทีม "ตราหมี" แอตเลติโก้ มาดริด อยู่

"เนมันย่า วิดิช" ปราการหลังตัวแกร่งของ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตกลงไปอยู่กับ "มิลาน" แล้วในช่วงซัมเมอร์และอาจจะได้หัวหอกเลือดกระทิงดุไปเป็นเพื่อนร่วมทีม แต่ "ออซิลิโอ" บอกว่าการย้ายตัวจะเกิดขึ้นต่อเมื่อมีความตั้งใจจะย้ายมาเป็นหนึ่งในทีมของ "วอลเตอร์ มาซซารี่"

"ใช่ เขาเป็นนักเตะคนที่เรากำลังติดตาม" ออซิลิโอ กล่าว

"เส้นทางการค้าแข้งของตอร์เรสเป็นตัวบอกนะ แชมป์ที่เขาคว้ามาได้และทีมที่เขาไปเล่นให้"

"มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเขามีแรงจูงใจที่เหมาะสมและความตั้งใจที่จะมาเป็นส่วนนึงในโปรเจ็คท์อันทะเยอทะยานหรือไม่"

14

              แบบนี้มีแววย้ายแน่หลังจากที่ "ฮานส์-โยอาคิม วัทซ์เค่" ซีอีโอของทีม "เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ออกมาอ้างว่า "ชิโร่ อิมโมบิเล่" หัวหอกฟอร์มแรงของทีม "กระทิงหิน" โตริโน่ อยากย้ายมาอยู่กับทีมของเขาด้วย

แข้งดาวรุ่งวัย 24 ปียิงไปแล้ว 21 ลูกในเซเรีย อาฤดูกาลนี้ให้กับ "กระทิงหิน" และช่วงที่ผ่านมาเขาก็ตกเป็นข่าวหนาหูเรื่องการย้ายมาสู่ถิ่นซิกนัล อิดูน่า พาร์คอยู่บ่อยครั้ง

ปัจจุบัน "ยูเว่" ยังถือสัญญาของ "อิมโมบิเล่" อยู่อีกครึ่งนึงด้วยดังนั้นสำหรับการเจรจา "เสือเหลือง" ก็ต้องพูดคุยกับพวกเขาด้วย แต่ "วัทซ์เค่" ก็ได้ออกมายืนยันแล้วว่าเจ้าตัวอยากย้ายไปเป็นศิษย์ของ "เจอร์เก้น คล็อปป์" กุนซือคนเก่งเหมือนกัน

"ผมคอนเฟิร์มได้นะว่าอิมโมบิเล่อยากย้ายมาอยู่กับเราแน่นอน" วัทซ์เค่ กล่าวผ่าน "บิลด์"

"ไม่มีอะไรบอกเพิ่มเติมแล้วนะ ถ้าหากมีบางสิ่งให้ประกาศเราก็จะประกาศออกมา"

"เป็นที่รู้กันว่าเราอยู่ในอิตาลีเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดกับยูเว่และรวบรวมข้อมูล"

15

            แข้งซุปตาร์จอมสับของ "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด "คริสเตียโน่ โรนัลโด้" ออกโรงประกาศลั่นว่าต้องการยิงประตูในนัดชิงศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกพร้อมพาทีมของเขาคว้าแชมป์ให้ได้

ดาวยิงทีมชาติโปรตุเกสวัย 29 ปีเพิ่งจะทำลายสถิติการยิงประตูสูงสุดในหนึ่งทัวร์นาเมนท์ของ "ลีโอเนล เมสซี่" ลงได้หลังจากที่รับเหมาคนเดียว 2 ประตูในเกมที่ "ราชันชุดขาว" พิชิตชัยเหนือ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค ทำให้ตอนนี้ยิงรวมไปแล้วถึง 16 ประตูในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

"เราคว้าโคป้า เดล เรย์มาแล้วแต่ลา ลีกานั้นค่อนข้างยากถึงแม้ใช่ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ และตอนนี้พวกเราก็ผ่านเข้าสู่รอบชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกแล้ว"

"เราต้องเจอกับทีมที่แข็งแกร่ง (แอตเลติโก มาดริด) รอบชิงมันมักจะ 50-50 นะถึงแม้พวกเราจะรู้ดีว่าเรากำลังจะต้องเผชิญหน้ากับคู่ปรับสำคัญ เราหวังว่ามันจะเป็นค่ำคืนที่ยอดเยี่ยมและเป็นเราที่ได้รับชัยชนะ"

"พวกเขาเป็นทีมที่น่าทึ่ง ตอนนี้พวกเขาอยู่ในตำแหน่งจ่าฝูงของลาลีกาและนั่นบ่งบอกถึงความสามารถของพวกเขาได้เป็นอย่างดี มันเป็นอะไรที่สวยงามนะที่สองทีมจากสเปนมาเจอกันในรอบชิงรวมถึงกับเซบีญ่าในรอบชิงยูโรป้าด้วย"

"เรื่องสถิติก็ดีนะ ผมทำลายมันได้และตอนนี้มันเป็นอดีตไปแล้ว ตอนนี้สิ่งที่ผมต้องการคือการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกและยิงในนัดชิงให้ได้ถึงแม้เพื่อนร่วมทีมผมจะยิงได้ก็ไม่เป็นไร สิ่งสำคัญที่สุดคือการคว้าแชมป์"

นอกจากนั้นแล้ว "โรนัลโด้" ยังได้พูดถึงเรื่องโอกาสในคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกกับทีมชาติโปรตุเกสของเขาด้วยว่า

"สเปนกับบราซิลเป็นทีมเต็ง โปรตุเกสจะค่อยๆไปทีละเกมเพราะในโลกของฟุตบอลมันไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้"

"ผมอยากจะเอ็นจอยกับเวิร์ลคัพที่บราซิล มันเป็นเหมือนประเทศเพื่อนบ้านสำหรับผมและพวกเขาก็พูดภาษาของผม"

หน้า: [1] 2 3 ... 766