แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Messages - Soccer

หน้า: [1] 2 3 ... 114
1

       คงจะต้องบอกว่าไม่น่าจะมีใครขัด หรือแสดงความไม่เห็นด้วยกับ โจเซ่ มูริญโญ่ ในการกล่าวถึงลูกทีมวัยเก๋าของเขาอย่าง แฟร้งค์ แลมพาร์ด เป็นแน่ เพราะสิ่งที่มูริญโญ่กล่าวออกมานั้นหากมองอย่างเป็นกลางนับเป็นสิ่งที่แฟร้งค์ แลมพาร์ดสมควรได้รับการยกย่องตามนั้นแล้ว ทั้งนี้มูริญโญ่ได้กล่าวถึงแลมพาร์ดว่าเวลานี้ได้ขึ้นแท่นเป็นนักเตะระดับตำนานของเชลซีแล้วตามความคิดของเขา และบางทีเขาก็คิดว่าเชลซีน่าจะมีรูปปั้นของแลมพาร์ดตั้งไว้หน้าสนามเฉกเช่นรูปปั้นของตำนานคนสำคัญของสโมสรด้วย เพียงแต่เวลานี้มันอาจจะดูเร็วเกินไปที่จะทำเช่นนั้น

       อย่างไรก็ตามกุนซือจอมเครียดชี้ว่าตัวเขามั่นใจมากๆว่าวันนึงเชลซีจะต้องทำตามแบบที่เขาพูด เพราะยังไงซะแลมพาร์ดก็จะเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาลของสโมสรแห่งนี้ ส่วนเมื่อถูกถามถึงอนาคตการกุมบังเหียนของเจ้าตัว มูริญโญ่กล่าวกับสื่อประมาณว่าตัวเขาก็ไม่ได้จากไปจากกุนซือคนอื่นๆ กล่าวคือมีโอกาสเสี่ยงที่จะโดนเด้งออกจากตำแหน่งได้เหมือนกัน เนื่องจากในฤดูกาลนี้ตนเองประสบกับความล้มเหลว คือไม่สามารถที่จะคว้าแชมป์รายการใดได้เลย โดยเฉพาะแชมป์ลีก กับแชมป์ถ้วยใบโตของยุโรป ซึ่งเป็นสองรายการหลักๆที่สโมสรต้องการ พร้อมกับยกตัวอย่างเดวิด มอยส์ขึ้นมาว่าขนาดเดวิด มอยส์เซ็นต์สัญญาระยะยาวกับทีมปีศาจแดงถึง 6 ปี ยังโดนเด้งออกจากตำแหน่งได้เลย ดังนั้นตนเองก็มีโอกาสเช่นกัน

       แต่ทั้งนั้นทั้งนี้หากมองในแง่ของช่วงเวลาแล้ว มูริญโญ่มองว่าตนเองยังอยู่ในช่วงที่ต้องพิสูจน์ตัวเอง (ไม่น่าจะโดนเด้งในเร็ววัน) เพราะตนกำลังสร้างทีมสิงห์บลูขึ้นมาใหม่  และเป็นทีมสำหรับการคว้าความสำเร็จในอนาคตอันใกล้ นอกจากนี้มูริญโญ่ก็ได้กล่าวเสริมเกี่ยวกับเรื่องอนาคตของกุนซือในสโมสรต่างๆว่าถ้าหากทำผลงานล้มเหลวแต่ไม่โดนปลดออกจากตำแหน่ง นั่นก็แปลว่าต้องมีเงื่อนไขบางอย่าง เช่น กุนซือคนนั้นๆสนิทกับบอร์ดบริหารของสโมสรนั้น หรือเป็นบุคคลที่มีความพิเศษจริงๆจนสโมสรไม่สามารถเด้งออกจากตำแหน่งได้

2

       ต้องบอกว่าชัดเจนแน่นอนแล้ว สำหรับอนาคตของ โลร็องต์ กอสเซียลนี่ ปราการหลังตราไก่ของทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อลว่าเจ้าตัวจะได้ฝากชีวิตไว้กับสโมสรดังแห่งกรุงลอนดอนอีกนานเลย เพราะได้มีการยืนยันจากทั้งฝ่ายนักเตะ และสโมสรปืนโตเรียบร้อยแล้วว่ามีการจรดปากกาขยายสัญญาออกไปอีก 5 ปีด้วยกัน เนื่องจากตลอดซีซั่นนี้นักเตะทำผลงานได้เป็นที่น่าพอใจมากๆ  ทั้งนี้หลังจากที่มีการจรดปากกาเซ็นต์สัญญา กอสเซียลนี่ได้กล่าวเปิดใจว่าตนเองรู้สึกดีมากๆที่ได้ต่อสัญญากับสโมสรอาร์เซน่อลออกไปอีก

       ด้วยว่าตลอดเวลาที่ค้าแข้งกับอาร์เซน่อลมันเป็นช่วงเวลาที่พิเศษมากๆ และหลังจากนี้ไปตนรอที่จะตั้งใจทำผลงานในฤดูกาลใหม่กับต้นสังกัดแล้ว เรียกได้ว่าเป็นการเปิดใจตามสไตล์ของแข้งอาชีพทั่วไปที่ได้เซ็นต์สัญญาใหม่กับสโมสรต่างๆนั่นแหละ ไม่ได้มีอะไรพิเศษ หรือผิดแปลกไปจากปกติแต่อย่างใด แต่จะว่าไปความพิเศษของการกล่าวเปิดใจลักษณะนี้หลังการเซ็นต์สัญญาฉบับใหม่กับต้นสังกัดมันก็อยู่ที่ความรู้สึกดีภายในใจจิตใจที่ตัวนักเตะ แล้วก็สโมสร รวมถึงแฟนบอลของทีมนั้นๆรับรู้ได้นั่นแหละครับ เพียงแค่ว่ามันอาจจะไม่สามารถหาคำ หรือประโยคคำพูดไหนมากล่าวอธิบายได้ ไม่ว่าจะเป็นแข้งรายไหนก็ตามเราจึงมักได้ยินแต่ประโยคเดิมๆ ส่วนทางด้านของกุนซือทีมปืนโตอย่างอาร์แซน เวนเกอร์ก็ได้กล่าวทำนองชื่นชมนักเตะ และแสดงความยินดีที่นักเตะได้ต่อสัญญากับสโมสร

       โดยเวนเกอร์กล่าวว่าเมื่อหลายปีก่อนที่สโมสรอาร์เซน่อลเซ็นต์สัญญากอสเซียสนี่เข้ามา ตัวของกอสเซียลนี่ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงคุณภาพในตัวเขามาแล้วครั้งนึง และมาถึงปัจจุบันนี้ (ซีซั่นนี้) เขาก็ได้ตอกย้ำถึงคุณภาพในตัวของเขาอีก ฉะนั้นตนจึงยินดีมากๆที่นักเตะได้ทำการต่อสัญญากับสโมสรออกไป อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากกอสเซียลนี่แล้ว ก่อนหน้านี้อาร์เซน่อลก็ได้ขยายสัญญากับผู้เล่นตัวหลักๆของพวกเขาออกไปหลายรายแล้วเช่นกัน อาทิเช่น กัปตันทีม แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ อารอน แรมซี่ย์ วอยเชียค เชสนี่ เป็นต้น

3

       แม้ว่าในสถานะในทีมสโมสรปีศาจแดง แมนฯยูไนเต็ดของเจ้าถั่วน้อย ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ “ชิราริโต้”จะไม่ค่อยสู้ดีนัก อาจเรียกได้ว่าเข้าขั้นแย่เลยก็ว่าได้ เพราะแทบจะไม่ค่อยได้ลงสนามในฐานะตัวจริงเลยตลอดการค้าแข้งให้ทีมปีศาจแดง แต่ทว่าสถานะในทีมชาติของเขาอย่างทีมชาติเม็กซิโกกลับเป็นอะไรที่ต้องบอกว่าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เมื่อมีการประกาศรายชื่อ 23 แข้งที่จะไปร่วมลุยศึกฟุตบอลโลกออกมา เจ้าตัวติดโผเป็นหนึ่งในนั้นด้วย

       ว่ากันตรงๆการนั่งสำรองในทีมปีศาจแดงไม่ได้ส่งผลอะไรต่อการติดธงลุยบอลโลกครั้งนี้ของเจ้าตัวเลย แต่ส่วนว่าจะได้เป็นตัวหลักหรือเปล่านั้นคงต้องมาลุ้นดูอีกที ทั้งนี้การประกาศรายชื่อ 23 แข้งจังโก้ที่จะได้ลุยศึกฟุตบอลโลกส่วนใหญ่รายชื่อที่ออกมา หรือติดโผมานั้นเป็นแข้งที่ค้าแข้งที่อยู่ค้าแข้งในประเทศเม็กซิโก โดยมีทั้งหมด 16 รายด้วย ที่เหลือ 9 รายค้าแข้งอยู่ในต่างแดน ซึ่งก็ล้วนเป็นแข้งดังที่ชื่อเสียงเรียงนามคุ้นหูแฟนบอลพอสมควร สำหรับตัวอย่างรายชื่อแข้งจังโก้ที่จะได้ไปลุยศึกฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศบราซิลก็มีดังนี้

       ผู้รักษาประตู : เฮซุส โคโรน่า (ครูซ อาซูล), กีเยร์โม่ โอโชอา (อฌักซิโอ), อัลเฟรโด้ ตาลาเวร่า (โตลูก้า)

       กองหลัง : พอล อากีล่า, เกล ลายุน, ฟรานซิสโก้ โรดริเกซ (คลับ อเมริกา), ราฟาเอล มาร์เกซ (คลับ เลออน), คาร์ลอส ซัลซิโด้ (ติเกรส), เอ็คตอร์ โมเรโน่ (เอสปันญ่อล), อันเดรส กวาร์ดาโด้ (ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น), ดีเอโก้ เรเยส (ปอร์โต้)

       กองกลาง : ฮวน คาร์ลอส เมดิน่า (คลับ อเมริกา), โฮเซ่ ฮวน วาซเกซ, หลุยส์ มอนเตส, มาร์โค ฟาเบียน (ครูซ อาซูล), คาร์ลอส เปน่า (คลับ เลออน), อิซัค บริซูเอล่า (โตลูก้า), เอคตอร์ เอร์เรร่า (ปอร์โต้)

       กองหน้า : ราอูล ฮิมิเนซ (อเมริกา), ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), อลัน ปูลิโด้ (ติเกรส), โจวานี่ โดส ซานโตส (บียาร์เรอัล), โอริเบ เปรัลต้า (ซานโตส ลากูน่า)

       ส่วนงานแรกของเม็กซิโกที่จะต้องเจอในเวิลด์คัพ 2014 ก็คือการเผชิญหน้ากับทีมอย่างโครเอเชีย แคเมอรูน และเจ้าภาพบราซิล ซึ่งเป็นทีมที่อยู่ร่วมสายเดียวกันในรอบแบ่งกลุ่ม (กลุ่มเอ) แน่นอนว่าไม่ใช่งานง่ายสำหรับเม็กซิโกสักทีมเลย โดยเฉพาะกับทีมเจ้าภาพบราซิล เพราะนอกจากศักยภาพตัวผู้เล่นของบราซิลจะแข็งแกร่งอยู่แล้ว ยังมีเรื่องของบรรยากาศ เสียงเชียร์ที่จะคอยกดดันทีมพวกเขาอีกด้วย

4

       เป็นข่าวคราวที่ต้องบอกว่าน่าติดตามอย่างมากถึงมากที่สุดเลยครับ สำหรับข่าวคราวที่ว่าเวลานี้บาร์เซโลน่าได้พิจารณาที่จะขายเมสซี่ออกจากทีมแล้ว ด้วยว่าการพูดคุยสัญญาใหม่ของนักเตะกับสโมสรที่กำลังดำเนินการอยู่ในเวลานี้ไม่ลงตัวสักที และพวกเขาก็เริ่มรู้สึกบ้างแล้วว่าบางทีการขายสตาร์อาร์เจนไตน์รายนี้ออกจากทีมไปอาจเป็นประโยชน์ หรือเป็นหนทางที่ดีสำหรับทุกฝ่ายมากกว่าที่จะพยายามเซ็นต์สัญญาใหม่กันก็เป็นได้ อีกอย่างที่ผ่านมาก็มีข่าวออกมาโดยตลอดว่ามีหลายสโมสรยักษ์ใหญ่พร้อมทุ่มเงินซื้อตัวสตาร์รายนี้ไปร่วมทีม

       อย่างไรก็ตามในส่วนของราคาค่าตัวนั้นตามที่สื่อในประเทศสเปนอย่าง “อาส” อ้างเป็นระดับราคาที่ต้องบอกว่าสูงมาก หรือมูลค่ามหาศาลเลยทีเดียว ทั้งยังสูงกว่าตัวเลขที่ทีมยักษ์ใหญ่บางทีมยินดีจ่ายตามที่มีลือๆก่อนหน้านี้อีกด้วย โดยอยู่ที่ตัวเลข 200 ล้านปอนด์ (ก่อนหน้านี้ลือๆกันว่าแมนฯซิตี้พร้อมทุ่มร่วมๆ 160 ล้านปอนด์เพื่อซื้อเมสซี่จากบาร์เซโลน่า) ส่วนเรื่องของรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆก็มีเรื่องของการแบ่งรายได้ค่าตัวให้นักเตะที่ว่ากันว่าหากเกิดการซื้อขายลิโอเนล เมสซี่จากบาร์เซโลน่าไปสโมสรไหนก็ตามด้วยตัวเลขราคาดังกล่าว นักเตะจะได้รับส่วนแบ่งเป็นจำนวน 10% ของค่าตัวทั้งหมด กล่าวคือถ้าบาร์เซโลน่าขายเมสซี่ในราคา 200 ล้านปอนด์พอดี เมสซี่ก็จะได้รับส่วนแบ่งจากบาร์เซโลน่าราวๆ 20 ล้านปอนด์

       สำหรับความคืบหน้าล่าสุดอาสระบุว่าสโมสรบาร์เซโลน่าได้แจ้งเรื่องนี้ไปยังตัวขอคุณพ่อนักเตะที่รับหน้าที่เป็นเอเย่นต์ หรือนายหน้าส่วนตัวของนักเตะเรียบร้อยว่าสโมสรยินดีที่จะปล่อยนักเตะให้ย้ายทีมได้ และทางนักเตะจะได้รับส่วนแบ่งดังกล่าว ส่วนสโมสรที่มีความเป็นไปได้ที่จะซื้อเมสซี่ไปร่วมทีมก็แน่นอนว่าหนีไม่พ้นยักษ์ใหญ่เงินหน้าเจ้าเก่าที่เราคุ้นชื่ออย่างดี อาทิเช่น เปแอสเช แห่งลีกเอิง แมนฯซิตี้แห่งพรีเมียร์ลีก หรือแม้กระทั่งรีล มาดริด คู่ปรับร่วมลีกเองก็ตาม

5

       ต้องบอกว่างานนี้ได้ทีคุยครับ สำหรับกุนซือทีมเรือใบหมื่นล้านอย่าง มานูเอล เปเยกรินี่ ซึ่งหลังจากที่พาทีมผงาดขึ้นครองแชมป์ลีกได้สำเร็จ เจ้าตัวก็ออกมากล่าวประมาณว่าทีมแมนฯซิตี้คือทีมที่ดีที่สุดแล้ว ทั้งนี้เปเยกรินี่ชี้ว่าสโมสรแมนฯซิตี้คือสโมสรที่ยอดเยี่ยม สมบูรณ์แบบในทุกด้านไม่ว่าจะเป็นแฟนบอล หรือกระทั่งนักเตะในทีม และตลอดระยะเวลาทั้งซีซั่นนี้ทีมก็ได้แสดงให้เห็นแล้วด้วยว่าพยายามทุ่มเททำงานกันอย่างหนักจนสามารถคว้าความสำเร็จมาครองได้

       อย่างไรก็ตามเปเยกรินี่ได้กล่าวต่อไปถึงหัวใจความสำเร็จในซีซั่นนี้ของซิตี้ว่าเป็นการที่นักเตะในทีมซิตี้ทุกคนให้ความเชื่อมั่นในตัวเขา โดยแม้จะมีช่วงเวลาที่น่าผิดหวังกับแนวทางการเล่นแบบใหม่ที่ตนนำเข้ามา แต่ว่านักเตะก็ยังให้ความเชื่อมั่น และเดินหน้าต่อไปในแนวทางนี้ กระทั่งสุดท้ายก็สามารถประสบความสำเร็จได้ เรียกได้ว่าทางเปเยกรินี่ก็ต้องการยกเครดิตให้กับทั้งนักเตะ และการทำงานของตัวเขาเองนั่นแหละครับ กล่าวคือเขาหลักๆเขาคิดว่าแนวทางการเล่นที่เขานำมาใส่ทีมซิตี้ชุดนี้จะสามารถทำให้ทีมประสบความสำเร็จได้ แต่หากนักเตะไม่เชื่อมั่นในแนวทางของตนก็อาจจะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้

       สำหรับการคว้าแชมป์ลีกครั้งนี้ของซิตี้นับเป็นการคว้าแชมป์ 2 สมัยในรอบ 3 ปีเท่านั้น หลังก่อนหน้านี้พวกเขาทำได้เมื่อฤดูกาล 2011-2012 ด้วยการเบียดแมนฯยูไนเต็ดในแมทสุดท้ายคล้ายๆกับการเบียดแย่งกับลิเวอร์พูลในซีซั่นนี้ กระนั้นให้หลังจากนั้นฤดูกาลเดียว หรือฤดูกาลถัดมายูไนเต็ดก็กลับมาทวงแชมป์คืนได้สำเร็จ ต่อมาในฤดูกาลปัจจุบันซิตี้ก็กลับมาคว้าแชมป์ได้อีกนี่เอง สรุปคือซิตี้คว้าแชมป์ได้ซีซั่นเว้นซีซั่น แต่ก็แน่นอนเหลือเกินว่าสำหรับซีซั่นหน้าย่อมไม่ใช่ซีซั่นที่ง่ายสำหรับพวกเขาเหมือนเดิม เพราะทีมอย่างลิเวอร์พูล กับเชลซีทำให้พวกเขาได้เห็นแล้วว่าสามารถยื้อแชมป์จากพกวเขาได้สนุกมากๆ ไหนจะต้องรอรับมือกับการกับมาของทีมปีศาจแดงอีกต่างหากด้วย

6

       ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่ชัดเจนแน่นอนที่สุดแล้วว่า แอชลี่ย์ โคล แบ็กซ้ายของทีมสิงห์บลู เชลซี ซึ่งเคยรับใช้ทีมชาติอังกฤษมายาวนานหลายปีจะได้ติดธงไปร่วมลุยศึกฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศบราซิลด้วยแน่นอน เนื่องจากทางด้านของรอย ฮ็อดจ์สัน กุนซือทีมชาติอังกฤษได้ทำการยืนยันแล้วว่าได้ทำการตัดชื่อของโคลออกจากลิสต์รายชื่อที่เขาจะเรียกตัวติดธงไปบอลโลกหนนี้เรียบร้อย ทั้งในเวลาต่อมาภายหลังจากที่ตัวนักเตะทราบก็ได้ตัดสินใจประกาศอำลาทีมชาติทันทีด้วยเช่นกัน

       อย่างไรก็ตามรอย ฮ็อดจ์สันได้กล่าวเปิดใจถึงการตัดสินใจครั้งนี้ว่าเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับเขามากๆ เพราะโคลคือหนึ่งในนักเตะทีมชาติอังกฤษที่ดีที่สุด อีกทั้งยังรับใช้ทีมชาติมายาวนาน ซึ่งการรับใช้ทีมชาติมากเป็นร้อยนัดของโคลนั้นถือเป็นหนึ่งในความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมทีเดียว ส่วนการกล่าวอำลาทีมชาติจากปากของแอชลี่ย์ โคล เป็นไปทำนองว่าเจ้าตัวได้พูดคุยกับรอย ฮ็อดจ์สัน กุนซือทีมชาติอังกฤษแล้ว และก็รู้สึกเห็นด้วยกับรอย ฮ็อดจ์สันที่ว่าเวลาต่อจากนี้ไปน่าจะให้เด็กรุ่นหลังทำหน้าที่รับใช้ทีมชาติอังกฤษแทนตัวเขา รวมถึงนักเตะวัยเก๋าอีกหลายๆคนแล้ว ดังนั้นการที่จะอำลาทีชาติในช่วงนี้จึงนับเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมแล้ว กระนั้นเจ้าตัวก็ต้องขอขอบคุณทุกๆคนสำหรับสิ่งที่ผ่านมาๆ และก็ขอติดตามเชียร์ทีมชาติอังกฤษไปเสมือนเป็นหนึ่งในแฟนตัวยงของทีมชาติ

       สรุปการจากกันระหว่างทีมชาติอังกฤษ และแอชลี่ย์ โคลคราวนี้ก็ถือว่าเป็นการจากกันด้วยดีนั่นแหละ จะบอกว่าแฮปปี้เอนดิ้งก็ได้ ด้วยว่าฮ็อดจ์สันก็ไม่เชิงว่าไม่เห็นความสำคัญของโคลซะทีเดียว ขณะที่โคลเองก็เข้าใจกับสภาพทีมชาติที่กำลังเป็นไปในตอนนี้ว่าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง หรือผลัดเปลี่ยนจากรุ่นสู่รุ่นเพื่อให้ทีมชาติมีการพัฒนาไปตามวันเวลาที่ผ่านเลยไป ว่าง่ายๆคือโคลก็ไม่ได้เห็นแก่ตัวจนมองไม่เห็นเหตุผลของกุนซือทีมชาติที่เลือกตัดเขาออกจากทีม

7
       ถ้าหากถึงขนาดว่าผู้กุมบังเหียนทีมคนปัจจุบันออกมายืนยันด้วยตัวเองขนาดนี้ก็คงต้องบอกว่าไม่น่าจะมีอะไรผิดไปจากนี้แล้วล่ะครับ ในส่วนของการเฟ้นหากุนซือรายใหม่ของทีมปีศาจแดง แมนฯยูไนเต็ด ซึ่งทางด้านของ ไรอัน กิ๊กส์ กุนซือขัดตาทัพของยูไนเต็ดได้ออกมายืนยันทำนองว่ายูไนเต็ดน่าจะได้มีการประกาศแต่งตั้งกุนซือคนใหม่ภายในสัปดาห์หน้า ในขณะที่ตัวเขาเองก็ต้องตัดสินใจอนาคตตนเองว่าจะทำอะไรต่อไปในสัปดาห์หน้าเช่นกัน อย่างไรก็ตามในเวลาเดียวกันกิ๊กส์ได้เผยถึงความรู้สึกในการรับบทบาทกุมบังเหียนทัพปีศาจแดงชั่วคราวในช่วงเวลาสั้นๆของเขาด้วยว่า

       ตนเองรู้สึกสนุกกับงานนี้มาก แล้วก็ไม่ได้อยากให้มันสิ้นสุดลงเลย โดยเฉพาะในเกมสุดท้ายที่ของซีซั่นตนไม่อยากให้มันจบลง พร้อมกับชื่นชมแฟนบอล นักเตะในทีมที่ต่างทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งนี้ในส่วนของตัดสินใจอนาคตของไรอัน กิ๊กส์นั้นคาดว่าน่าจะเป็นไปได้ 2-3 ทาง กล่าวคือตัดสินใจเล่นให้ยูไนเต็ดต่อไปในซีซั่นอีกสักซีซั่น หรือเลือกรับหน้าที่ผู้ช่วยกุนซือของกุนซือรายใหม่ที่ยูไนเต็ดเลือกมา หรือไม่ก็เลือกจากสโมสรไปหาประสบการณ์คุมทีมอื่นๆ ซึ่งอาจเป็นทีมระดับกลางๆ หรือทีมเล็กๆหน่อย เพื่อเตรียมเป็นการเริ่มต้นเส้นทางกุนซืออย่างเต็มตัว แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ในส่วนของกุนซือรายใหม่ที่ยูไนเต็ดจะเปิดตัวประมาณสัปดาห์ตามที่กิ๊กส์ว่ามานั้น หากไม่มีอะไรผิดพลาด หรือพลิกโผมากจริงๆก็คงจะเป็น “หลุยส์ ฟาน กัล” กุนซือทีมชาติฮอลแลนด์

       เพราะนอกจากในรายของฟาน กัลแล้ว ช่วงที่ผ่านมาก็ยังไม่มีกุนซือรายใดโผล่ขึ้นมาเป็นข่าวกับยูไนเต็ดหนาหูมากเท่านี้เลย อีกอย่างฟาน กัลก็ได้กล่าวแย้มๆออกมาบ้างแล้วว่าสนใจมารับงานกุมบังเหียนทีมปีศาจแดง ส่วนสิ่งที่น่าสนใจหลังจากฟาน กัลเข้ามารับงานกุมบังเหียนปีศาจแดงก็แน่นอนว่าย่อมเป็นเรื่องของแนวทางการทำทีม สไตล์การเล่นของทีม รวมถึงการเสริมทัพผู้เล่นว่าจะเปลี่ยนไปแบบไหน จะลบภาพยูไนเต็ดเก่าๆในฤดูกาลนี้ รวมถึงช่วงยุคของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันไปเลยหรือไม่

8

       ถึงแม้ว่าความสำเร็จในด้านของกีฬาทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล ไม่อาจประสบความสำเร็จถึงขั้นคว้าแชมป์ หรือเป็นทีมที่ดีที่สุดของซีซั่นนี้ได้ แต่ทว่าหากมองไปที่ความสำเร็จด้านตัวเงินแล้วต้องยอมรับว่าปีนี้พวกเขาเจ๋งที่สุดครับ เพราะจากการเปิดเผยตัวเลขรายได้รวมของสโมสรที่ลงทำศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษซีซั่นนี้ปรากฏว่าทีมหงส์แดงเป็นทีมที่มีรายได้เยอะสุด เยอะกว่าทีมแชมป์ “แมนฯซิตี้” โดยหงส์แดงมีรายได้รวม 99 ล้านปอนด์ ในขณะที่แมนฯซิตี้มีรายได้รวมอยู่ที่ 98 ล้านปอนด์

       ทั้งนี้รายได้รวมของทุกสโมสรมาจากรายได้สองส่วนหลักๆคือ เงินรางวัลจากการแข่งขัน กับค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด และแน่นอนว่าในส่วนแรกทีมแชมป์จะต้องเป็นทีมที่ได้เยอะที่สุดอยู่แล้ว ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าในแง่ของการตลาด หรือมูลค่าสโมสรหงส์แดงเหนือกว่าทีมเรือใบสีฟ้า กล่าวคือความต้องการดู หรือชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันของทีมลิเวอร์พูลมีมากกว่าความต้องการดูการถ่ายทอดสดการแข่งขันของซิตี้ทำให้มูลค่าการถ่ายทอดสดของหงส์แดงมีมากกว่าตามไปด้วย หรือกล่าวอีกนัยนึงได้ว่าแม้เวลานี้แมนฯซิตี้จะเป็นทีมที่มีนักเตะชั้นยอดมากมาย แต่จำนวนแฟนบอล และความเหนียวแน่นของแฟนบอลทั่วโลกลิเวอร์พูลก็ยังมีเยอะกว่าอยู่ดีอันเนื่องมาจากเกียรติประวัติความสำเร็จ หรือชื่อเสียงในอดีตที่เคยทำไว้นั่นเอง อย่างไรก็ตามนอกจากลิเวอร์พูลแล้วอีกหนึ่งสโมสรที่น่าสนใจมากๆในแง่ของรายได้รวมซีซั่นปัจจุบันที่เพิ่งจบลงไปก็คือสโมสรแมนฯยูไนเต็ด

       ซึ่งได้รายได้รวมไปมากถึง 91 ล้านปอนด์ทั้งๆที่จบอันดับได้เพียงแค่อันดับที่ 7 เท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นสิ่งบ่งบอกที่ชัดเจนว่าทั้งแมนฯยูไนเต็ด และลิเวอร์พูลยังคงเป็นขวัญใจแฟนบอลทั่วโลกไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม โดยรายได้ของแมนฯยูไนเต็ดน้อยกว่าทีมอันดับ 3-4 อย่างเชลซี และอาร์เซน่อลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น (เชลซีรายได้รวม 95 ล้านปอนด์ อาร์เซน่อลรายได้รวม 93 ล้านปอนด์)

9
       ไม่รู้ว่าเท็จจริงประการใดเหมือนกันในส่วนของคราวข่าวอนาคตแบ็กซ้ายตัวความหวังทีมชาติอังกฤษอย่าง ลุค ชอว์ ของทีมสโมสรนักบุญ เซาธ์แฮมป์ตัน แต่ที่แน่ๆคือเป็นข่าวคราวที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะเขาคือหนึ่งในนักเตะอายุน้อยที่ว่ากันว่าดีที่สุดของอังกฤษยุคนี้ และที่สำคัญมีรายงานข่าวออกมาจากสื่อดัง “สกาย สปอร์ต” ว่าหนึ่งทีมที่ดีที่สุดของอังกฤษอย่างแมนฯยูไนเต็ดได้ทำการยื่นข้อเสนอขอซื้อนักเตะไปนังทีมนักบุญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้จากรายงานข่าวของสกาย สปอร์ตระบุว่ายูไนเต็ดได้ขอยื่นซื้อลุค ชอว์จากเซาธ์แฮมป์ตันด้วยเงินจำนวน 27 ล้านปอนด์

       แต่ในส่วนของรายงานการตอบรับข้อเสนอนั้น ถึงตอนนี้ยังไม่มีออกมาแต่อย่างใด สำหรับสาเหตุที่ยูไนเต็ดยื่นซื้อนักเตะไปรวดเร็วขนาดนี้ว่ากันว่าเป็นเพราะพวกเขาไม่ต้องการให้ดีลยืดเยื้อไปจนถึงหลังจบฟุตบอลโลกที่บราซิล เพราะยังไงๆนักเตะรายนี้ก็เป็นนักเตะรายหลักที่พวกเขาต้องการเสริมทัพเข้ามาอยู่แล้วว่ากันง่ายๆคือยูไนเต็ดอยากได้ลุค ชอว์มากๆจึงไม่อย่ารีรอเวลาให้มันเนิ่นนาน ซึ่งอาจส่งผลต่อการปิดดีลได้ เป็นต้นว่าบางทีหากจบบอลโลกแล้ว อาจมีรายทีมเข้าแย่งยื่นข้อเสนอไปยังนักเตะ แต่ส่วนว่าท่าทีของนักเตะเป็นอย่างไร (อยากย้ายออกจากทีมไหม) ถึงตอนนี้ต้องบอกว่ายังเดาไม่ออกครับ ด้วยว่าก่อนหน้านี้นักเตะก็ไม่เคยแสดงความต้องการเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่อย่างใด

       อีกทั้งสัญญาของนักเตะกับสโมสรเซาธ์แฮมป์ตันก็เหลืออยู่ร่วมๆ 4-5 ปี เรียกได้ว่าเหลืออีกยาวน่ะครับ การที่ระยะเวลาสัญญาเหลืออยู่ยาวขนาดนี้ ครั้นจะถามความต้องการของนักเตะอย่างเดียวว่าอยากย้ายทีมหรือเปล่าก็คงจะไม่ได้ ต้องถามความต้องการของต้นสังกัดเองด้วยว่ายินดีที่จะปล่อยนักเตะออกจากทีมหรือเปล่า แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ตามที่ข่าวลือๆกันออกมาตอนนี้บ้างก็บอกว่าเซาธ์แฮมป์ตันน่าจะต้องการจำนวนเงินจากยูไนเต็ดมากกว่ากว่าตัวเลขราวๆ 27 ล้านปอนด์อยู่พอสมควรเลยถึงจะทำให้พวกเขาตัดสินใจปล่อยแข้งพรสวรรค์รายนี้ออกจากทีม


10

       ถึงขนาดนี้ยังไงๆก็ต้องบอกว่าไม่น่าพลาดแน่นอน สำหรับดีลการย้ายทีมของ อดัม ลัลลาน่า จากทีมนักบุญ เซาธ์แฮมป์ตันไปทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล เพราะล่าสุดมีสื่อตีข่าวออกมาว่าเวลานี้ตัวนักเตะได้เข้าพูดคุยกับต้นสังกัดเพื่อกล่าวเปิดใจถึงความต้องการของเจ้าตัวที่อยากจะย้ายซบหงส์แดง หรือว่ากันง่ายๆก็คือนักเตะต้องการเจรจากับสโมสรเพื่อขอให้สโมสรปล่อยตัวเขาให้ย้ายไปค้าแข้งกับลิเวอร์พูลแต่โดยดี

       ทั้งนี้ในเวลาใกล้เคียงกัน มีรายงานข่าวว่าทางด้านสโมสรลิเวอร์พูลได้ทำการยื่นข้อเสนอเข้าไปหาสโมสรเซาธ์แฮมป์ตัน ต้นสังกัดของนักเตะเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกันด้วยจำนวนเงินราว 20 ล้านปอนด์ แม้ว่าก่อนหน้านี้ไม่นานเบรนแดน ร็อดเจอร์สจะ นายใหญ่ทีมหงส์แดงจะเพิ่งออกมาปฏิเสธข่าวเชื่อมโยงกับนักเตะฟอร์มแรงรายนี้ก็ตามที ส่วนข่าวอื่นๆที่น่าสนใจ และเกี่ยวเนื่องกันกับข่าวคราวความเคลื่อนไหวอนาคตของอดัม ลัลลาน่าก็มีในส่วนของข่าวที่ว่าแมนฯยูไนเต็ด ทีมคู่ปรับของลิเวอร์พูลเป็นอีกหนึ่งทีมที่ให้ความสนใจในตัวนักเตะ แต่ทว่านักเตะเลือกที่จะปฏิเสธการย้ายซบยูไนเต็ดด้วยเหตุผลส่วนตัว กับอีกเหตุผลหลักก็คือโอกาสลงสัมผัสเกมแชมเปี้ยนส์ลีก กล่าวคือหากนักเตะเลือกย้ายซบลิเวอร์พูลนักเตะจะได้ลงเล่นในถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกทันทีในซีซั่นหน้า แต่หากเลือกซบยูไนเต็ดแน่นอนว่าอย่างน้อยๆก็ต้องรอไปอีกหนึ่งฤดูกาล ด้วยว่าฤดูกาลนี้ยูไนเต็ดไม่สามารถที่จะจบอันดับที่ดีพอสำหรับคว้าโควตาได้

       กับอีกข่าวก็เป็นในส่วนของเงื่อนไขการแบ่งเปอร์เซ็นต์ค่าตัว กรณีที่เซาธ์แฮมป์ตันตกลงขายนักเตะให้สโมสรอื่นจริง โดยว่ากันว่าเซาธ์แฮมป์ตันจะต้องแบ่งค่าตัวนักเตะให้กับสโมสรบอร์นมัธ 25% เนื่องจากในอดีตช่วงที่อดัม ลัลลาน่าเป็นนักเตะเยาวชนะของบอร์นมัธ ตัวนักเตะกับสโมสรได้มีการทำข้อตกลงกันเอาไว้ก่อนที่จะย้ายมาเล่นให้เซาธ์แฮมป์ตัน

11

       ถึงจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยให้ทีม คริสตัล พาเลซ เลื่อนชั้นขึ้นมาอยู่ในลีกสูงสุดเมืองผู้ดี แต่ว่าทางด้าน เควิน ฟิลิปส์ ก็ไม่อาจมีเส้นทางที่สวยงามกับคริสตัน พาเลซได้ โดยล่าสุดต้องแยกทางกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากการประกาศยืนยันของสโมสรคริสตัน พาเลซ ทั้งนี้เควิน ฟิลิปส์หัวหอกวัย 40 ปี ย้ายมาร่วมทีมคริสตัน พาเลซเมื่อช่วงตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์ที่ผ่านมา แต่ก่อนหน้านี้ตอนที่พาเลซยังเล่นอยู่ในเดอะแชมเปี้ยนส์ลีก เข้าได้ย้ายมาร่วมทีมก่อนแล้วด้วยสัญญาแบบยืมตัว และเป็นฮีโร่ซัดประตูชัยในเกมรอบชิงชนะเลิศเพลย์ออฟหาผู้ชนะเลื่อนชั้นขึ้นมาสู่ลีกสูงสุด

       ทว่าด้วยความที่อายุ บวกกับสภาพร่างกายที่ไม่เอื้ออำนวยให้เขาเล่นฟุตบอลในระดับสูงแล้ว จึงทำให้เขาทำได้ดีที่สุดเพียงการนั่งเป็นตัวสำรองให้กับทีมคริสตัน พาเลซเมื่อเลื่อนชั้นขึ้นมาอยู่ในลีกสูงสุด โดยตั้งแต่เปิดฤดูกาลเจ้าตัวยังไม่ได้รับโอกาสให้ลงสนามในฐานะตัวจริงแม้เพียงสักนัดเดียวเลย และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ระหว่างหัวหอกวัย 40 ปี กับสโมสรคริสตัน พาเลซ น้องใหม่แห่งพรีเมียร์ลีกอังกฤษต้องแยกทางกันในปีใหม่นี้ อย่างไรก็ตามทั้งตัวของฟิลิปส์ และสโฒสรพาเลซ ไม่ได้ถือว่าจบกันแบบไม่สวย ด้วยสิ่งที่ทั้งสองฝ่ายกล่าวหลังการตัดสินใจครั้งนี้ล้วนบ่งบอกถึงทัศนคติที่มีต่อกัน

       โดยทางด้านฟิลิปส์กล่าวประมาณว่าในช่วงท้ายฤดูกาลที่แล้วเป็นช่วงการค้าแข้งที่ดูราบรื่นสำหรับตนเอง และจากการที่ตนเองมีส่วนสำคัญในการช่วยให้ทีมเลื่อนชั้นก็ถือเป็นจุดที่ดีที่สุดในอาชีพค้าแข้งของตนเองเลย ตนเองต้องขอขอบคุณทั้งสโมสร แล้วก็แฟนบอลทีมพาเลซที่ให้การสนับสนุนตนมาโดยตลอด โดยสิ่งเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่ตนเก็บไว้ในความทรงจำในระยะยาว ส่วนทางผู้จัดการทีมคริสตัน พาเลซก็กล่าวทำนองว่าเควิน ฟิลิปส์เป็นนักเตะที่มีความเป็นมืออาชีพมากๆ มีทัศนคติที่ดีมาก และก็สามารถทำหน้าที่ของตนเองได้ดีมากในช่วงที่อยู่กับทีมพาเลซ เขาจึงไม่สงสัยเลยว่าทำไมฟิลิปส์ถึงยังเล่นฟุตบอลในระดับสูงได้ทั้งที่อายุมากแล้ว

12
       เป็นข่าวมาหลายเดือนแล้วนะครับ ในส่วนของทีมปืนใหญ่อาร์เซน่อลที่ว่าต้องการจะซื้อกองหน้าตัวใหม่เข้ามาเสริมทีม และอาจหมายถึงการนำมาแทนที่ของ โอลิวิเย่ ชิรูด์ กองหน้าคนปัจจุบันที่หลายคนมองว่ายังไม่ดีพอสำหรับการเป็นกองหน้าตัวหลักให้ทีมอาร์เซน่อล ก็อย่างที่เราได้ทราบข่าวกันเมื่อเร็วๆนี้ว่าเจ้าตัวเอง (ชิรูด์) ก็ดูหวั่นๆไม่น้อยเลยที่อาร์เซน่อลจะซื้อกองหน้าตัวใหม่เข้ามาในทีมช่วงตลาดซื้อขายนักเตะรอบสองนี้

       โดยถึงขนาดแสดงความเห็นผ่านสื่อในบ้านเกิดทำนองว่าทีมต้นสังกัดไม่จำเป็นต้องซื้อกองหน้าเพิ่มแล้วในช่วงปีใหม่นี้ แค่ตนเองและเพื่อนร่วมทีมแนวรุกคนอื่นๆที่มีอยู่เวลานี้ก็เพียงพอสำหรับการรับมือกับศึกหนักในครึ่งหลังของฤดูกาลแล้ว คือเรียกได้ว่าเป็นการแสดงความเห็นที่บ่งบอกชัดเจนเลยว่าเจ้าตัวเกรงว่าหากมีกองหน้ารายใหม่เข้ามาทีม ตนอาจจะต้องหมดอนาคตกับทีม แต่ทว่าในล่าสุดนี้ “อาร์แซน เวนเกอร์” นายใหญ่แห่งเอมิเรตสเตเดี้ยมออกมายืนยันด้วยตัวของเขาเองว่าการที่ทีมกำลังมองหากองหน้าเข้ามาเสริมความเฉียบคมเวลานี้ไม่ได้หมายความว่าโอลิวิเย่จะถูกลอยแพ หรือปล่อยออกจากทีมแต่อย่างใด พร้อมกับชื่นชมด้วยว่าที่ผ่านมาตั้งแต่เปิดฤดูกาลถึงตอนนี้กองหน้าชาวฝรั่งเศสรายนี้ทำผลงานได้ดีมาก

       ทั้งนี้เวนเกอร์ชี้ว่าชิรูด์สามารถรับมือกับเกมหนักได้อย่างดีมาก และทัศนคติของเขาก็บ่งบอกถึงความเป็นนักสู้ด้วย อย่างไรก็ตามเวนเกอร์ก็ไม่ได้การันตีตำแหน่งตัวจริงในทีมแต่อย่างใด ฉะนั้นแม้ว่าเวนเกอร์จะยืนยันเชิงว่าไม่ได้หากองหน้าเข้าทีมเพื่อแทนที่ชิรูด์ แต่ความเป็นไปได้ที่เมื่อกองหน้ารายใหม่เข้ามาแล้วชิรูด์ต้องตกไปเป็นสำรองก็มีสูงมาก ยิ่งถ้าดูจากชื่อชั้น หรือระดับของกองหน้าที่เวนเกอร์เล็งในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาแล้วยิ่งชวนให้คิดว่ามันน่าจะเป็นอย่างนั้น

13
       ไม่รู้จริงหรือมั่นนะครับ สำหรับข่าวคราวที่ออกมาว่าทางด้านสโมสรดังแห่งแดนตุรกี “เบซิคตัส” เตรียมจะดึงตัว โจลีออน เลสค็อตต์ กองหลังพันธุ์แกร่งของทีมมหาเศรษฐีเรือใบ ไปร่วมทีมแบบโนค่าตัวในช่วงตลาดนักเตะมกราคมนี้ เนื่องจากว่าสัญญาของนักเตะกำลังจะสิ้นสุดลงในซัมเมอร์หน้า หรืออีกประมาณครึ่งฤดูกาลเท่านั้น โดยสื่อในแดนไก่งวง ตุรกีอ้างว่าระหว่างเบซิคตัส กับโจลีออน เลสค็อตต์ได้มีการตกลงเงื่อนไขต่างๆ โดยเฉพาะในส่วนของค่าเหนื่อยกันเรียบร้อยแล้ว

       ซึ่งเลสค็อตต์ก็มีท่าทีพึงพอใจกับค่าเหนื่อยที่เบซิคตัสมอบให้ อีกทั้งไม่เกี่ยงว่าจะเป็นการย้ายไปเล่นในลีกที่มีมาตรฐานต่ำลงไปกว่าพรีเมียร์ลีก อังกฤษ และขั้นตอนต่างๆในการย้ายทีมจะมีการดำเนินการให้เสร็จสิ้นในอีกไม่นาน แต่ทั้งนั้นทั้งนี้หากมองกันที่มุมของแมนฯซิตี้ ต้องบอกว่าดีลของเลสค็อตต์กับเบซิคตัสไม่น่าจะง่ายขนาดนั้น คือจริงอยู่ที่ว่านักเตะกำลังจะหมดสัญญาในซัมเมอร์หน้า แต่ปัจจุบันแม้เลสค็อตต์จะไม่ใช่กองหลังตัวหลักในทีมของมานูเอล เปเยกิรนี่อย่างเต็มตัว ทว่าเปเยกรินี่ก็ยังใช้งานเจ้าตัวเรื่อยๆอยู่เหมือนกัน อีกอย่างท่าทีของเปเยกรินี่เกี่ยวกับตลาดซื้อขายนักเตะปีใหม่นี้ค่อนข้างจะเป็นไปในทางว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงทีม กล่าวคือจะไม่ซื้อใครเข้ามา และจะไม่ปล่อยนักเตะคนใดออกจากทีมในช่วงนี้ แถมการย้ายก่อนหมดสัญญา แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ครึ่งฤดูกาลแต่ก็น่าจะเป็นการย้ายที่พอจะมีค่าตัวบ้าง ซึ่งมันสวนทางกับที่สื่อแดนไก่งวงตีข่าวว่าเลสค็อตต์จะย้ายไปแบบฟรี

       เพราะหากซิตี้จะปล่อยฟรีๆ การเก็บไว้รอปล่อยหลังจบฤดูกาลตอนที่นักเตะหมดสัญญาลงแล้วน่าจะเป็นผลดีต่อทีมมากกว่า อย่างน้อยก็ทำให้ทีมได้มีตัวเลือกใช้งานในแดนหลังที่พอจะไว้วางใจได้อยู่อีกหนึ่งราย ถึงเลสค็อตต์จะฟอร์มการเล่นไม่ดีเหมือนช่วง 1-2 ฤดูกาลก่อน แต่ด้วยประสบการณ์ในการเล่นฟุตบอลพรีเมียร์ลีกของเขา มันก็เพียงพอที่จะทำให้เขาเป็นกองหลังที่มีประโยชน์สำหรับทีมลุ้นแชมป์อย่างซิตี้เหนือกองหลังรายอื่นๆอีกหลายราย


14
       ดูท่าฤดูกาลนี้ทีมเจ้าม้าลาย ยูเวนตุส คงจะหมายหมั้นปั้นมือว่าจะคว้าแชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา ให้ได้จริงๆซะแล้วครับ เพราะถึงเวลานี้จะนำเป็นจ่าฝูงของตารางคะแนนอยู่ แต่ก็ยังไม่วายที่จะเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งให้ทีมต่อไป โดยล่าสุดกำลังเตรียมที่จะดึงสองแข็งฝีเท้าดีแห่งพรีเมียร์ลีกมาร่วมก๊วน ซึ่งคือในรายของ เควิน เดอ บรอยน์ ของทีมสิงโตน้ำเงินคราม เชลซี และในรายของ หลุยส์ นานี่ ของทีมปีศาจแดง แมนฯยูไนเต็ด ทั้งนี้ เดอ บรอยน์ และนานี่เป็นสองนักเตะฝีเท้าดีที่อนาคตกับต้นสังกัดไม่ค่อยจะแน่นอนสักเท่าไหร่

       หรือว่าง่ายๆก็คือไม่ใช่นักเตะที่อยู่ในแผนการทำทีมของผู้จัดการทีมดังทั้งสองทีมแห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แต่ในส่วนของวิธีที่จะดึงตัวทั้งคู่มาอยู่ในทีมยูเวนตุสว่ากันว่าแตกต่างกันออกไป ในรายของเดอ บรอยน์ ยูเวนตุสจะเลือกยื่นข้อเสนอขอยืมตัวใช้งานจนสิ้นสุดฤดูกาลนี้พร้อมกับออพชั่นซื้อขาดไปหาเชลซี ส่วนในรายของนานี่ ยูเวนตุสอาจจะใช้นักเตะบางคนในทีมของพวกเขาเสนอแลกเปลี่ยนตัวกัน โดยคาดว่าน่าจะเป็นมีร์โก วูซินิช นักเตะในตำแหน่งกองหน้า แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ก็ต้องมาตามดูกันต่อไปว่าทั้งเชลซี และแมนฯยูไนเต็ดจะพึงพอใจกับข้อเสนอลักษณะนี้หรือเปล่า ส่วนความคืบหน้านั้น เป็นผู้อำนวยการทั่วไปของสโมสรยูเว่ฯที่ได้เดินทางไปยังประเทศอังกฤษเพื่อการเจรจาครั้งนี้แล้ว

       ฉะนั้นอีกไม่นานเราน่าจะได้ทราบความชัดเจนเกี่ยวกับสองดีลนี้ ส่วนผู้เล่นที่อาจจะได้ย้ายออกของทีมยูเวนตุส ก็มีในรายของอันเดรีย ปีร์โล ที่ตอนนี้มีสื่อบางสำนักเล่นข่าวว่าทางด้านคาร์โล อันเชล็อตติ ผู้จัดการทีมราชันชุดขาว รีล มาดริดให้ความสนใจที่จะซื้อเขาไปร่วมทีม แต่ก็นั่นแหละครับ จริงเท็จประการใดก็ยังไม่ชัวร์ซะทีเดียว เพราะอายุอานามของปีร์โลก็มากแล้ว อาจจะสวนทางกับนโยบายการซื้อผู้เล่นของทีมราชันชุดขาว

15
       ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะงูใหญ่ อินเตอร์ มิลาน ทีมดังแห่งกัลโช่เซเรีย อิตาลีประเมินราคาค่าตัวของฮวน มาต้า กองกลางของทีมเชลซีต่ำเกินไป หรือว่าราคาค่าตัวที่คนส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้จะสูงเกินไปกันแน่นะครับ จู่ๆถึงผุดข่าวออกมาว่าทีมงูใหญ่เตรียมยื่นข้อเสนอขอซื้อตัวกองกลางทีมชาติสเปนรายนี้ไปร่วมทีมด้วยสนนราคา 12 ล้านปอนด์เท่านั้น ซึ่งก็เป็นที่คาดกันว่าข้อเสนอนี้ไม่น่าจะได้รับการตอบสนองจากทีมดังแห่งกรุงลอนดอนแต่อย่างใด ทั้งนี้ระดับราคาค่าตัวที่คนส่วนใหญ่ประเมินสำหรับฮวน มาต้าอยู่ที่ราวๆ 25 ล้านปอนด์

       นับเป็นจำนวนที่สวนทางกับกำลังทรัพย์ของทีมงูใหญ่ที่เตรียมไว้ช้อปปิ้งในช่วงปีใหม่ แต่กระนั้นก็ไม่ได้ถือว่าจะเป็นไปไม่ได้ซะทีเดียวที่มาต้าจะย้ายทีมไปด้วยราคาประมาณ 12 ล้านปอนด์นี้ เพราะทีมสิงห์บลู เชลซีในยุคของโจเซ่ มูริญโญ่ก็เหมือนจะไม่การันตีอนาคตของมาต้าอยู่แล้ว เรียกว่ามีก็เหมือนไม่มี คือไม่ค่อยใช้งาน ต้องใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ข้างสนามคอยสนับสนุนการเพื่อนร่วมทีมแนวรุกรายอื่นอย่าง อาร์ซาร์ ออสการ์ ซึ่งเป็นกองกลางแนวรุกลำดับต้นๆที่มูริญโญ่เลือกใช้ อย่างไรก็ตามแม้ว่าข้อเสนอ 12 ล้านปอนด์เพื่อซื้อฮวน มาต้าอาจจะได้รับการพิจารณาจากเชลซี แต่นั่นก็ใช่ว่าจะเป็นทีมงูใหญ่ที่ประสบความสำเร็จกับดีลนี้ ด้วยว่ายังมีทีมอื่นๆที่ให้ความสนใจในตัวของมาต้าอีกเยอะ

       ไม่ว่าจะเป็นเปแอสเช “ปารีสแซงต์แชร์กแมง” (ทีมในลีกเอิง) แอตฯมาดริด (ทีมในลาลีกา) ยูเวนตุส (ทีมในกัลโช่เซเรียเอ) แมนฯยูไนเต็ด หรือกระทั่งลิเวอร์พูล (ทีมร่วมลีก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ) เองก็เคยมีข่าวว่ายื่นซื้อกองกลางทีมชาติสเปนรายนี้ตั้งแต่ช่วงตลาดซื้อขายซัมเมอร์ที่ผ่านมาแล้ว ฉะนั้นถ้าว่ากันตรงๆ หากงูใหญ่ต้องการซื้อตัวมาต้าจริงๆ ก็ควรที่จะต้องเพิ่มงบให้มากกว่านี้หน่อย ไม่อย่างนั้นก็จะไม่มีอะไรที่ทำให้ข้อเสนอของอินเตอร์ดูเหนือกว่าทีมอื่นๆเลย เพราะทีมอื่นๆก็ไม่น่าจะยื่นต่ำกว่า 12 ล้านปอนด์อยู่แล้ว อีกทั้งระดับทีม หรือโอกาสลุ้นความสำเร็จของแต่ละทีมที่ว่ามาก็มีมากไม่แพ้ทีมอินเตอร์เลย

หน้า: [1] 2 3 ... 114