แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Messages - Newsman

หน้า: [1] 2 3 ... 37
1

       ดูท่าว่าน่าจะถึงจุดอิ่มตัวในการเล่นลีกรัสเซียแล้วจริงๆสำหรับทางด้านของ อั๊กเซล วิตเซล กองกลางจอมพลิ้วทีมชาติเบลเยี่ยม เพราะหลังจากที่ก่อนหน้านี้มีข่าวออกมาว่านักเตะต้องการย้ายไปหาความท้าทายใหม่ๆ และประสบการณ์ใหม่ๆที่ลีกอื่นบ้าง ล่าสุดคุณพ่อของนักเตะ “เธียร์รี่ วิตเซล” ก็ออกมากล่าวเผยด้วยตัวเองว่าเวลานี้ทางฝั่งตนเอง และลูกชายได้กำลังพูดคุยอยู่กับ เอสซี นาโปลี ทีมดังใน กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี และ เอฟเวอร์ตัน แห่ง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ จริง เพื่อที่จะทำให้ตัว วิตเซล ได้พบกับความท้าทายใหม่ๆในการเล่นฟุตบอล

       ทั้งนี้ที่ผ่านมา วิตเซล ค้าแข้งให้กับ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ยอดทีมแห่งรัสเซียมาเป็นระยะเวลา 4 ปีแล้วนับตั้งแต่ปี 2012 ถึงปี 2016 นี้โดยที่ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ลีกสูงสุดรัสเซียได้ในปี 2015

       อย่างไรก็ตามด้วยคุณภาพของนักเตะที่เป็นที่ทราบกันว่า สามารถเล่นในลีกชั้นนำของยุโรปได้สบายๆ ทำให้มีหลายทีมใหญ่เฝ้าจับตามองนักเตะอยู่ตลอด แล้วตอนนี้พ่อของนักเตะก็ออกมาเผยถึงสถานการณ์อนาคตของลูกชายแบบร่ายยาวเลยว่า

       "เป็นเรื่องจริงที่เรากำลังพูดคุยอยู่กับ นาโปลี เราได้พบกับ คริสเตียโน่ จิอันโตลี่ ที่บรัสเซลล์ การพูดคุยมันเป็นไปด้วยดี และทั้งสองฝ่ายก็ต่างมีความสนใจซึ่งกันและกัน ฉะนั้นก็ต้องมารอดูกันว่าจะมีความคืบหน้าต่อไปหรือไม่"

       "แต่ขณะเดียวกันความสนใจจาก เอฟเวอร์ตัน ในอังกฤษก็ถือว่าเป็นเรื่องที่จริงจังเช่นกัน แน่นอนว่าเราจะต้องมีการพิจารณาเงื่อนไขจากทั้งสองสโมสร และมาคิดกันให้ถี่ถ้วนว่าที่ไหนดีที่สุดสำหรับตัวนักเตะ เวลานี้อั๊กเซลยังไม่ได้เร่งรัดการตัดสินใจอนาคตตัวเอง"

        "สำหรับ นาโปลี นั้นเป็นหนึ่งทีมยักษ์ใหญ่ที่มีเกียรติประวัติยาวนาน มีนักเตะระดับตำนานอย่าง ดีเอโก้ มาราโดน่า ที่เราต่างก็รู้จักกันดี ดังนั้นแน่นอนล่ะว่าแม้พวกเขาไม่ได้นำเสนออะไรเกี่ยวกับสโมสรของพวกเขาออกมามากมาย แต่นักเตะก็ทราบดีว่าถ้าย้ายไปที่นั่นย่อมหมายถึงการไปเล่นให้กับหนึ่งทีมยักษ์ใหญ่ของยุโรป"

2

       กลายเป็นอีกหนึ่งแข้งที่ต้องจับตาดูอนาคตในช่วงซัมเมอร์นี้ให้ดีสำหรับ ฮวน มานูเอล มาต้า เพลย์เมกเกอร์สแปนิชของทีมปีศาจแดงหลังจากที่กุนซือ โจเซ่ มูริญโญ่ ได้เข้ารับหน้าที่กุมบังเหียนทีมปีศาจแดงต่อจาก หลุยส์ ฟาน กัล เพราะตามที่ทราบกันดีว่านักเตะเคยมีปัญหาการร่วมงานกับกุนซือรายนี้ ระหว่างค้าแข้งอยู่ในถิ่นเดอะบริจด์ของเชลซี และก็เป็นกุนซือรายนี้เองที่เขาตนเองทิ้งให้กับปีศาจแดง คู่แข่งร่วมลีก ทั้งๆที่เป็นเรื่องซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนักที่ทีมระดับลุ้นแชมป์ด้วยกันจะขายนักเตะระดับท็อปให้กัน

       อย่างไรก็ตามจากเหตุนี้เองทำให้มีการลือกันออกมาว่า นักเตะน่าจะได้พิจารณาอนาคตของตนเองอย่างจริงจังในซัมเมอร์นี้ และล่าสุดก็เป็นสื่อเจ้าดังในแดนกระทิงดุอย่าง มุนโด้ เดปอร์ติโบ ที่ตีข่าวออกมาว่าบาร์เซโลน่า แชมป์ ลาลีกา สเปน พร้อมที่จะรับเซ้งมิดฟิลด์ทีมชาติสเปนต่อจากปีศาจแดง

       โดยหวังว่าดีลนี้จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้พวกเขามีความพร้อมมากยิ่งขึ้น ในการไล่ล่าความสำเร็จในรายการแชมเปี้ยนส์ลีก และป้องกันแชมป์ลาลีกาสเปนซีซั่นหน้าแม้ว่าทีมจะมีสามประสานตัวรุก MSN อยู่ครบก็ตาม เพราะการที่พวกเขาต้องรอบรองชนะเลิศรายการถ้วยบิ๊กเอียร์นั้นถือเป็นสัญญานบ่งบอกแล้วว่า ยังคงต้องมีการเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมเพิ่ม

       สำหรับ ฮวน มาต้า นั้นสร้างชื่อขึ้นมาจากการเล่นกับบาเลนเซียใน ลาลีกา สเปน ช่วงระหว่างปี 2008-2011 และจากผลงานอันโดดเด่นในช่วงนั้นจึงทำให้เชลซีทุ่ม 25 ล้านปอนด์ดึงนักเตะมาร่วมทีม และนักเตะก็ไม่ทำให้สาวกเดอะบลูส์ต้องผิดหวังสามารถโชว์ฟอร์มในพรีเมียร์ลีกได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถคว้ารางวัลแข้งยอดเยี่ยมของสโมสรได้ในปี 2013 แต่หลังจากที่โจเซ่ มูริญโญ่กลับมารับงานในถิ่นสแตมฟอร์ดบริดจ์สถานะของนักเตะก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง และถูกขายให้กับปีศาจแดงด้วยราคา 31 ล้านปอนด์

3

       ทำไปทำมาอาจจะกลายเป็นว่าคดีพลิกซะแล้วสำหรับดีลการย้ายทีมของ มาริโอ เกิทเซ่ จากบาเยิร์น มิวนิคไป ลิเวอร์พูล เพราะหลังจากที่มีหลายสื่อออกมาเล่นข่าวด้วยความั่นใจมั่นใจว่า หงส์แดงกำลังจะจบดีลของมิดฟิลด์ทีมชาติเยอรมันรายนี้ที่ราคา 20 ล้านปอนด์ ขณะที่ตัวนักเตะเองก็แสดงออกมาตลอดว่าไม่แฮปปี้กับการนั่งเป็นสำรองในถิ่น อัลลิอันซ์ อารีน่า

       ทั้งยังมีข่าวออกมาแล้วเช่นกันว่าแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงตัวกุนซือจาก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไปเป็น คาร์โล อันเชล็อตติ ในซีซั่นหน้า แต่ว่าที่กุนซือคนใหม่ก็ได้แจ้งกับตัวนักเตะแล้วว่า ไม่สามารถการันตีตำแหน่งจริงให้ได้

      แต่ล่าสุดกลับมีสื่อออกมาตีข่าวว่าเวลานี้ หงส์แดง ได้อกหักกับดีลของ เกิทเซ่ แล้วเนื่องจากตัวนักเตะเปลี่ยนใจขออยู่กับทีมเสือใต้ต่อไป ทั้งๆที่การเจรจาก่อนหน้านี้เป็นไปได้สวย และได้มีการตกลงราคาค่าตัวได้เรียบร้อย

       ส่วนสาเหตุที่ทำให้นักเตะเกิดเปลี่ยนใจกะทันหันก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของโอกาสประสบความสำเร็จ และการได้ลงเล่นในถ้วยยุโรปใบใหญ่เพราะหงส์แดงของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ในปัจจุบันยังคงอยู่ระหว่างการสร้างทีมขึ้นมาใหม่ และในซีซั่นหน้าพวกเขาก็ไม่ได้สิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันในถ้วยยุโรปใบใหญ่ด้วยก ารจากพลาดได้แชมป์ ยูโรป้าลีก ซีซั่นนี้

       ส่วนความเคลื่อนไหวอื่นๆของหงส์แดงช่วงนี้ นอกจากเรื่องราวของเกิทเซ่ที่อกหักไปตามกล่าวแล้วก็ยังมีประเด็นอนาคตของ โจ อัลเลน มิดฟิลด์โลกลืม ซึ่งนักเตะได้ออกมากล่าวเผยแล้วว่ากำลังจะพิจารณาอนาคตของตนเองในถิ่นแอนฟิลด์ และจะได้มีการพูดคุยกับสโมสรหลังจากจบศึกยูโร 2016 รอบสุดท้าย

       อัลเลน กล่าวว่า "หลังจากฤดูกาลสิ้นสุดลงซึ่งนับเป็นฤดูกาลที่ไม่ดีนักของเรา ผมก็ขอให้ตัวเองได้โฟกัสกับทีมชาติเวลส์ก่อน และหลังจากนั้นน่าจะมีเวลาสักราว 2-3 สัปดาห์เพื่อเราจะพูดคุยเรื่องอนาคตกัน"


4

       ดูท่าทีแล้วน่าจะมีการยกเครื่องทีมใหม่จริงๆงานนี้สำหรับหงส์แดง ลิเวอร์พูล ของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ เมื่อล่าสุดตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับนักเตะฝีเท้าดีอีกรายแล้ว โดยคราวนี้เป็นในรายของ แดนนี่ ดริงค์วอเตอร์ มิดฟิลด์ตัวเก่งของ เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมแชมป์ลีก

       ซึ่งสื่อดังอย่าง เดอะ มิร์เร่อร์ ระบุว่ายอดทีมแห่งเมอร์ซี่ไซด์เตรียมใช้งบกว่า 14 ล้านปอนด์ ยื่นเป็นข้อเสนอให้ทางทีมจิ้กจอกพิจารณา ปล่อยแข้งผู้ดีรายนี้มาค้าแข้งยังถิ่นแอนฟิลด์

       สำหรับ ดริงค์ วอเตอร์ ในซีซั่นนี้จัดได้ว่าเป็นหนึ่งแข้งที่โชว์ผลงานได้อย่างโดดเด่นกับ ทีมจิ้งจอกสีน้ำเงิน และมีส่วนสำคัญมากในการช่วยให้ทีมสร้างประวัติศาสตร์เถลิงบัลลังก์แชมป์ลีกได้ เฉกเช่นดาวดังของทีมอย่าง ริยาด มาห์เรซ และ เจมี่ วาร์ดี้ และจากผลงานดังกล่าวนี้เองที่ทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่หงส์แดงรู้สึกประทับใจในตัวนักเตะ

       อย่างไรก็ตามความพยายามจะดึงนักเตะไปร่วมทีมครั้งนี้ของ หงส์แดง และ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะไม่ใช่งานง่ายแน่นอน เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าหงส์แดงในซีซั่นหน้าจะไม่ได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลถ้วยยุโรปใบใหญ่ จากการที่พวกเขาพลาดท่าพ่ายให้กับ เซบีญ่า ในนัดชิงถ้วย ยูโรป้าลีก อีกทั้งในเบื้องต้น เคลาดิโอ รานิเอรี่ นายใหญ่ทีมจิ้กจอกก็ยืนยันแล้วว่า ไม่มีแผนที่จะปล่อยแข้งกำลังสำคัญออกจากทีมในซัมเมอร์นี้

       ส่วนข่าวคราวความเคลื่อนไหวอื่นๆในตลาดซื้อขายนักเตะที่น่าสนใจเวลานี้ก็มีในรายของ ซาดิโอ มาเน่ ตัวรุกจอมจี๊ดของทีมนักบุญ เซาธ์แฮมป์ตัน ที่สื่อรายงานออกมาว่าปีศาจแดง แมนฯยูไนเต็ด ได้หวนกลับมาล่าตัวนักเตะไปร่วมทีมอีกครั้ง หลังจากเคยจดๆจ้องๆอยู่พักนึงในตลาดซื้อขายเดือนมกราคม โดยคราวนี้ว่ากันว่ายอดทีมแห่งโอลแทรฟฟอร์ดนั้นพร้อมทุ่มกว่า 25 ล้านปอนด์เพื่อจบดีลนี้เลยด้วย

5

       แม้ว่าที่สุดแล้วทางด้านของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะอำลาทีมปีศาจแดง และวางมือจากอาชีพกุนซือลงในปี 2013 ไปพร้อมๆกับการฝากผลงานอันน่าจดจำไว้ให้แฟนบอลเร้ดอาร์มี่ รวมถึงแฟนบอลทั่วไปได้คิดถึงมากมายชนิดที่ว่าไม่มีกุนซือคนไหนในโลกเทียบเท่าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการปิดฉากอาชีพแบบสวยสดงดงามด้วยการพาทีมปีศาจแดงเถลิง แชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นการส่งท้าย

       แต่โดยมุมมองส่วนตัวของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เองนั้น ต้องบอกว่าเส้นทางอาชีพกุนซือของตนเองไม่ได้สมบูรณ์แบบซะทีเดียว ยังคงมีรอยแผลที่นับเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ให้ได้จดจำไว้เหมือนกัน

       เมื่อล่าสุดได้ออกมากล่าวเผย และยอมรับกับสื่อว่าเมื่อครั้งที่ตัดสินใจจะอำลาทีมปีศาจแดง และวางมือจากการคุมทีมครั้งแรกตอนปี 2001 และได้ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้วด้วยก่อนจะมีการเปลี่ยนใจภายหลังถือเป็นการกระทำที่ผิดพลาดมากๆ เพราะแม้ว่าตนเองจะได้อยู่กุมบังเหียนทีมต่อมาอีกหลายปี แต่ระหว่างนั้นก็ส่งผลกระทบต่อจิตใจของนักเตะ และหลายๆฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับสโมสรจนผลงานทีมย่ำแย่ไปช่วงนึง

       เซอร์ อเล็กซ์ อธิบายถึงความทรงจำในช่วงนั้นว่า "ผมทำผิดพลาดมากๆเพราะผมดันไปประกาศมันตอนต้นซีซั่น ซึ่งมันทำให้นักเตะหลายคนเสียสมาธิไปเลย พวกเขาไม่อาจเพ่งสมาธิไปกับเกมฟุตบอลได้เต็มร้อยเพราะคิดอยู่ตลอดว่าผู้จัดการทีมกำลังจะไม่อยู่ที่นี่แล้ว"

       "แต่หลังจากนั้นหกเดือนต่อมาในเดือนมกราคม ผมก็เปลี่ยนใจแล้วเริ่มกลับมาคิดแต่การพาปีศาจแดงกลับมาจากผลงานอันย่ำแย่"

       "ทว่าหลังจากนั้นทุกอย่างมันก็เสียทรงไปหมดเราคว้าแชมป์อะไรไม่ได้เลย หลังจากนั้นก่อนจะกลับมาได้หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงทีมดึงเอานักเตะอย่าง เวย์น รูนี่ย์, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เข้ามา ซึ่งก็ช่วยให้ทีมเรากลับมามีความกะตือรือร้นได้อีกครั้งรวมถึงในส่วนของทีมเยาวชน และทีมสต๊าฟ แมวมอง พวกเรากลับมาคว้าแชมป์ได้มากมายเหมือนกับสู่ยุครุ่งเรืองอีกครั้ง"

6

       ลงเอยกับทาง เรนเจอร์ส เอฟซี หรือในชื่อเดิมที่แฟนบอลทั่วโลกคุ้นหู “กลาสโกว เรนเจอร์ส” ไปเรียบร้อยแล้วสำหรับ จอร์แดน รอสซิเตอร์ ดาวรุ่งผลิตผลจากอะแคเดมี่ของหงส์แดง ลิเวอร์พูล ยักษ์ใหญ่แห่งเมอร์ซี่ไซด์ อังกฤษ เมื่อล่าสุดได้มีการออกมาแถลงยืนยันดีลจากทางสโมสรดังแห่งสก็อตเรียบร้อยแล้ว

       ทั้งนี้รอสซิเตอร์ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในแข้งดาวรุ่งน่าจับตามองมากที่สุดคนนึงของ หงส์แดง โดยนักเตะเคยได้ก้าวขึ้นมาสัมผัสเกมในทีมชุดของหงส์แดงครั้งแรกในยุคของกุนซือ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้รับโอกาสเท่าที่ควรแม้ว่าปัจจุบันหงส์แดงจะมีกุนซือคนใหม่เป็น เจอร์เก้น คล็อปป์ ซึ่งก็ขึ้นชื่อในเรื่องการให้โอกาสเด็กดาวรุ่ง และการปั้นเด็กก็ตาม

       รอสซิเตอร์ ก็ยังไม่ถูกจัดอยู่ในข่ายที่จะถูกใช้งานในซีซั่นหน้าอยู่ดี ท้ายที่สุดแล้วนักเตะจึงเลือกโอกาสการลงสนามที่ทาง เรนเจอร์ส เอฟซี น่าจะมอบให้ได้

        สำหรับ รอสซิเตอร์ นั้นสร้างชื่อให้แฟนบอลได้พอรู้จักด้วยสไตล์การเล่น และรูปร่างหน้าตาที่ละม้ายคล้ายคลึงกับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด อดีตกัปตันไดนาโมของทีมจนได้รับฉายาว่า นิวเจอร์ราร์ด

        อย่างไรก็ตามนักเตะได้กล่าวเปิดใจหลังการตัดสินใจย้ายซบทีมใน สก็อตติซ พรีเมียร์ลีก ว่า "ผมเลือกเรนเจอร์สเพราะพวกเขามีประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ พวกเขาคือสโมสรที่ยิ่งใหญ่คือทีมที่ยิ่งใหญ่มากจริงๆบางทีผู้คนอาจไม่รับรู้แต่ผมมั่นใจและเลือกพวกเขา"

       เรนเจอร์ส เอฟซี ในชื่อเดิม “กลาสโกว เรนเจอร์ส” ถือเป็นหนึ่งทีมที่ยิ่งใหญ่สุดในสก็อตแลนด์แต่ด้วยปัญหาด้านการเงินเมื่อปี 2012 ทำให้สโมสรต้องล้มละลาย และได้มีการปรับเปลี่ยนทีมใหม่ใช้ชื่อใหม่เริ่มต้นเล่นจากลีกล่างสุดของสก็อตแลนด์ กระทั่งสามารถไต่กลับขึ้นมาสู่ลีกสูงสุดได้อีกครั้งในปัจจุบันโดยจะได้เริ่มสตาร์ทบนเวที สก็อตติซ พรีเมียร์ลีก ในซีซั่นหน้าเป็นซีซั่นแรก


7

       งานนี้ต้องบอกว่าขึ้นอยู่กับตัวกุนซือล้วนๆเลยสำหรับดีลของปราการหลังระดับเวิลด์คลาส “ราฟาเอล วาราน” ที่ทางปีศาจแดงหวังจะให้เกิดขึ้นในช่วงซัมเมอร์นี้ ทั้งนี้ช่วงที่ผ่านมามีการลือข่าวออกมาว่าปราการหลังทีมชาติฝรั่งเศสของราชันชุดขาวอาจจะตัดสินใจอำลาถิ่น ซานติอาโก เบร์นาบิว และก็เป็นปีศาจแดงที่จ้องจะสอยนักเตะเข้ารังโอลแทรฟฟอร์ดเพราะมีความสนใจนักเตะมานานแล้ว

       ประกอบกับเวลานี้ทีมก็กำลังต้องการปรับปรุงขุมกำลังแดนหลังที่ดูจะยังขาดๆเกินๆ หลังหมดยุคของกองหลังวัยเก๋าหลายรายที่อำลาทีมไปเมื่อซัมเมอร์ปี 2014 อาทิเช่น เนมานย่า วิดิช, ปาทริช เอวร่า เป็นต้น ขณะที่กองหลังที่ถูกเสริมเข้ามาใหม่ในซัมเมอร์ปีที่ผ่านมาอย่างในรายของ มาร์กอส โรโฮ ก็ดูจะยังเป็นที่พึ่งหลักให้กับทีมไม่ได้

       อย่างไรก็ตามล่าสุดไม่รู้จะเรียกว่าเป็นข่าวดีหรือข่าวร้าย สำหรับแฟนบอลเร้ดอาร์มี่เมื่อสื่อชื่อก้องของอังกฤษ “เดลี่ สตาร์” รายงานออกมาว่าทางปีศาจแดงได้เริ่มเปิดฉากเจรจากับ ราฟาเอล วาราน แล้วแต่คำตอบที่ได้รับจากนักเตะคือจะไม่ย้ายมาร่วมทีมแน่นอน หากว่ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงตัวกุนซือ และกุนซือรายเดียวที่ตนต้องการร่วมงานด้วยก็คือ โจเซ่ มูริญโญ่ อดีตนายใหญ่สิงห์บลูที่ตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับปีศาจแดงมากว่าครึ่งปีแล้ว

       สรุปกันได้ชัดๆว่าความสัมพันธ์อันดีระหว่าง ราฟาเอล วาราน กับ โจเซ่ มูริญโญ่ สมัยที่กุนซือเดอะ สเปเชี่ยล วันกุมบังเหียนทีมราชันชุดขาวมีผลอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจของนักเตะ แม้ว่าครั้งนึงจะเคยมีข่าวออกมาว่านักเตะจะได้ย้ายตาม โจเซ่ มูริญโญ่ มาที่เชลซีแต่สุดท้ายแล้วดีลก็ไม่เกิดขึ้นจริงก็ตามฉะนั้นงานนี้ปีศาจแดงต้องชั่งใจแน่นอนว่า จะเลือกเปลี่ยนแปลงตัวกุนซือเพื่อหวังผลในส่วนของการเสริมทัพปรับทีมให้ดีขึ้นด้วยหรือเปล่า


8

       เรียกได้ว่าปูรากฐานไว้ดีอยู่แล้วจึงง่ายต่อการสานต่อความสำเร็จ สำหรับการออกมากล่าวเปิดใจครั้งล่าสุดจากทาง เคลาดิโอ รานิเอรี่ นายใหญ่ชาวอิตาเลียนของทีมจิ้กจอกสยาม เลสเตอร์ ซิตี้ หลังฉลองแชมป์ลีกอย่างเป็นทางการ ซึ่งกล่าวไปในทำนองยกเครดิตให้กับการเตรียมทีมอย่างดี ก่อนหน้าที่ตนเองนั้นจะเข้ามาสานงานในช่วงซัมเมอร์ปีที่แล้ว

       ทั้งนี้ดังที่ทราบกันดี รานิเอรี่ ที่แม้จะเป็นกุนซือชื่อดังรายนึงของยุโรป แต่เข้ามารับงานกุมบังเหียน เลสเตอร์ ซิตี้ แบบที่ไม่มีใครคาดหวังว่าเขาจะสามารถพาทีมประสบความสำเร็จได้อย่างสูงสุดขนาดนี้ ว่ากันตรงๆตอนออกสตาร์ทซีซั่นแทบไม่มีใครคิดด้วยซ้ำ ว่าเขาจะสามารถพาทีมจิ้กจอกติดหนึ่งในสี่อันดับแรกได้

       ทว่าผลงานที่ออกมากลับทำเอาทั้งโลกต้องทึ้งเมื่อสามารถพา เลสเตอร์ ซิตี้ เล่นได้อย่างแข็งแกร่งตลอดทั้งซีซั่น ทั้งยังทำให้นักเตะหลายรายในถิ่นคิงพาวเวอร์สเตดี้ยมเล่นได้เกินราคาค่าตัว กระทั่งเวลานี้กลายเป็นนักเตะเนื้อหอมประจำยุโรปไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะในรายของ เจมี่ วาร์ดี้, ริยาด มาห์เรซ หรือเอ็นโกโล่ ก็องเต้ก็ตาม

       อย่างไรก็ตาม รานิเอรี่ ไม่คิดว่าความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเลสเตอร์ครั้งนี้จะเป็นความดีความชอบของตนเองเท่านั้น หากแต่ยังยกให้เป็นการปูรากฐานที่ดีของสโมสรก่อนแล้วด้วย ที่มีส่วนสำคัญอย่างมากในการช่วยให้ตนเองนั้นทำงานได้ง่ายขึ้น

       รานิเอรี่ กล่าวเปิดใจกับสื่อว่า "ผมคิดเสมอว่าวันนึงผมจะคว้าแชมป์ลีกได้ แต่ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นที่เลสเตอร์นี้หรอก ที่นี่มีพร้อมทุกอย่างมีนักเตะที่ดีมากมาย และทุกคนก็เป็นเพื่อนกันมีความสนิทสนมกัน แล้วผมก็นำวิธีการในแบบฉบับของอิตาลีเข้ามาปรับใช้ นั่นคือการให้ทุกคนรวมพลังกัน และมีความเป็นปึกแผ่นกัน นี่คือฤดูกาลที่วิเศษมาก และที่นี่ก็เป็นสโมสรที่มีรากฐานที่ดีมาก แต่เราก็จะลืมความสำเร็จแล้วตั้งใจทำงานในซีซั่นหน้ากันต่อไป"

9

       ต้องบอกว่านอกจากจะต้องพึ่งตัวเองแล้วก็ต้องแอบหวังพึ่งคนอื่นด้วยเหมือนกันงานนี้ สำหรับโอกาสในการลุ้นจบที่สี่ของปีศาจแดงในซีซั่นนี้ เมื่อล่าสุดเป็นทางด้านของ หลุยส์ ฟาน กัล นายใหญ่จอมอีโก้ของปีศาจแดงเองที่ออกมากล่าวแบบไม่มีกั๊กว่า ในค่ำคืนวันอาทิตย์นี้ที่ทางเรือใบสีฟ้า ทีมอันดับสี่จะลงทำศึกบิ๊กแมทพบกับทีมปืนโต อาร์เซน่อล ตนเองนั้นรอส่งแรงใจเชียร์ปืนโตอย่างเต็มที่ เพื่อให้ช่วยดับทีมเรือใบสีฟ้า และส่งให้ปีศาจแดงเล่นในสองเกมที่เหลือของซีซั่นได้ง่ายขึ้น

       ทั้งนี้สถานการณ์ของทีมปีศาจแดงในสัปดาห์นี้ ถือว่ากลับมาใกล้เคียงต่อการเบียดแมนฯซิตี้จบอันดับสี่อีกครั้งหลังจากที่พวกเขาสามารถบุกไปคว้าสามแต้มจาก นอริช ซิตี้ ได้ทำให้ช่องว่างระหว่างคะแนนลดลงเหลือหนึ่งคะแนน ขณะที่เกมการแข่งขันนั้นเหลือเท่ากันที่ทีมละสองเกม

       อย่างไรก็ตาม แมนฯซิตี้ ซึ่งจะต้องลงเตะเกมนัดรองสุดท้ายเร็วกว่า แมนฯยูไนเต็ด นับว่ามีงานหนักเมื่อต้องพบกับทีมปืนใหญ่ อาร์เซน่อล และเมื่อมองในมุมของปีศาจแดงก็นับเป็นโอกาสดีต่อเนื่องเลย ที่จะเพิ่มความได้เปรียบในการลุ้นจบอันดับที่สี่ เพราะหากแมนฯซิตี้ไม่สามารถคว้าชัยหรือย่ำแย่ถึงขั้นพ่ายแพ้ให้กับ อาร์เซน่อล ก็จะทำให้ลูกทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล ลงเล่นในเกมนัดรองสุดท้ายด้วยความกดดันที่ลดลงทันที

       ทำให้ทาง หลุยส์ ฟาน กัล ออกมากล่าวแบบไม่มีกั๊กเลยว่าจะเชียร์ลูกทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ อย่างเต็มที่เพื่อให้คว้าชัยชนะเหนือทีมเรือใบสีฟ้าให้ได้

       ฟาน กัล กล่าวกับสื่อว่า "แน่นอนผมจะกลายเป็นแฟนของเดอะกันเนอร์ส เกมระดับนี้ทีมใหญ่ระดับนี้เจอกันเองมันย่อมไม่ใช่งานง่าย โดยเฉพาะกับ แมนฯซิตี้ ผมว่าพวกเขาไม่สามารถกลับมาได้ง่ายๆหลังจากที่เพิ่งอกหักแพ้ เรอัล มาดริด ร่วงตกรอบแชมเปี้ยนส์ลีกมา ตอนนี้ทีมเรายังไล่กดดันคู่แข่งอย่างต่อเนื่องเราต้องการเป็นหนึ่งในสี่ทีมแรก แต่เราก็รู้ดีว่ามันก็ยากสำหรับเราเหมือนกัน เพราะเราเองก็มีโปรแกรมที่ต้องบุกไปเยือน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด"

10

       ใกล้ที่จะได้ความชัดเจนกันแล้วงานนี้ในส่วนของอนาคต อัลบาโร่ โมราต้า หัวหอกสแปนิชของทีมม้าลาย ยูเวนตุส เพราะหลังจากที่มีการลือกันไปต่างๆนานาในช่วงที่ผ่านมา ล่าสุด เป๊ปเป้ มาร็อตต้า ผู้อำนวยการทั่วไปของสโมสรม้าลายก็ได้ออกมาเผยแล้วว่า เขากำลังเตรียมที่จะพูดคุยกับสโมสร เรอัล มาดริด ยักษ์ใหญ่แห่งลาลีกา สเปน ต้นสังกัดเก่าของนักเตะที่ถือออพชั่นดึงตัวนักเตะกลับ

       ทั้งนี้อนาคตของนักเตะเริ่มถูกจับตามองเมื่อมีการลือกันออกมาว่า นักเตะไม่แฮปปี้กับการใช้ชีวิตในอิตาลี และการเล่นฟุตบอลในแบบฉบับของ กัลโช่ เซเรีย อา ซึ่งแตกต่างไปจาก ลาลีกา สเปน ฟุตบอลในดินแดนบ้านเกิดนักเตะ และจากการที่สโมสรยูเว่เองได้ออกมาเผยข้อมูลว่า ต้นสังกัดเดิมของนักเตะ “เรอัล มาดริด” ได้ถือออพชั่นซื้อตัวนักเตะกลับ ก็ยิ่งทำให้มีการพุ่งความสนใจว่านักเตะจะได้เก็บข้าวของย้ายกลับ ซานติอาโก เบร์นาบิว ในตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์นี้หรือเปล่า

       เป๊ปเป้ มาร็อตต้า ได้ออกมากล่าวถึงสถานการณ์ของนักเตะเวลานี้ และแพลนที่พวกเขากำลังจะทำในเร็ววันนี้ว่า "สำหรับอนาคตของ อัลบาโร่ โมราต้า นั้นเราต้องรอดูทาง เรอัล มาดริด ก่อนพวกเขามีโปรแกรมลงเล่นเกมแชมเปี้ยนส์ลีกอยู่ แต่เราก็จะพยายามพูดคุย และเคลียร์ประเด็นในเสร็จสิ้นภายในสามสัปดาห์นี้แหละ เราต้องดูว่าผลมันจะออกมาอย่างไร"

       "แน่นอนถ้าหากมันเป็นแง่ดี (มาดริดจะไม่ใช้ออพชั่นซื้อนักเตะกลับ) เราก็จะมีความสุขกับมัน แต่หากว่าไม่เราก็ต้องมานั่งพิจารณาและประเมินถึงสิ่งต่างๆ นักเตะของเรามีค่าตัวที่เราได้ประเมินเอาไว้แล้วล่ะ แต่เราจะไม่พูดถึงตัวเลขนั้นกัน ถ้าหากพูดออกไปเดี๋ยวก็จะมีการคาดการณ์เชื่อมโยงสถานการณ์กันไปอีก ซึ่งแบบนั้นมันจะวุ่นวายกันไปใหญ่"

       มีการลือว่ายูเวนตุสให้ความสนใจในตัวของ อิสโก้ เพลย์เมกเกอร์สำรองของราชันชุดขาว และอาจยื่นข้อเสนอขอแลกตัวกับ โมราต้า หากมาดริดต้องการใช้ออพชั่นซื้อนักเตะกลับ

11

       แม้ว่าจะเป็นการคว้าแชมป์แบบเซอร์ไพร์สคนทั้งโลกสำหรับทีมจิ้กจอก เลสเตอร์ ซิตี้ ใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่นนี้แต่ในมุมมองของหนึ่งในแข้งตัวหลักของทีมอย่าง เจมี่ วาร์ดี้ ต้องบอกว่านี่ไม่ใช่เหตุบังเอิญหรือความโชคดีแต่อย่างใดเลย เมื่อล่าสุดเจ้าตัวได้ออกมาเผยว่า เหล่าแข้งจิ้กจอกทุกคนพากันทุ่มเททำงานหนักตลอดทั้งซีซั่น จนกระทั่งได้รับรางวัลความสำเร็จเป็นแชมป์ลีกสูงสุดสมัยแรกในประวัติศาสตร์สโมสร

       ทั้งนี้ เลสเตอร์ ซิตี้ ในซีซั่นนี้มีนักเตะหลายรายทำผลงานได้อย่างโดดเด่นเหนือความคาดหมาย และแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นก็คือ เจมี่ วาร์ดี้ หัวหอกจอมถล่มประตู

       อย่างไรก็ตามนักเตะเคยได้ออกมากล่าวเผยแล้วว่า ผลงานอันยอดเยี่ยมที่ตนเองทำได้นั้นเป็นผลผลิตมาจากความตั้งใจทุ่มเททำงานหนักในทุกๆวัน และครั้งล่าสุดนี้ก็เป็นอีกหนึ่งครั้งที่เจ้าตัวยืนยันว่าความสำเร็จทั้งของตนเอง และของทีมที่เกิดขึ้นในซีซั่นนี้นั้นมาจากการทุ่มเททำงานหนักอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งซีซั่น

       วาร์ดี้ กล่าวว่า "ใช่มันคือความรู้สึกที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ ยอมรับเลยว่าผมไม่เคยรู้สึกถึงความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้มาก่อน เมื่อซีซั่นที่แล้วเราต้องต่อสู้เพื่อให้ได้อยู่รอดในลีกสูงสุด แต่ในวันเสาร์นี้เรากำลังจะได้ชูถ้วยแชมป์ แต่สิ่งนี้มันก็บ่งบอกกับทุกคนได้ชัดเจนมากๆแล้วว่า มันเป็นผลมาจากการทำงานหนักของนักเตะทุกคนรวมถึงทีมงานสต๊าฟของเราด้วย"

       "มันคือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่มากๆสำหรับเรา สำหรับสโมสรพวกเรารู้สึกเป็นเกียรติมากที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จนี้ และที่ทำให้มันดูพิเศษมากขึ้นไปอีกก็คือการที่เราได้รับความสำเร็จนี้ร่วมกับนักเตะในทีมชุดนี้ ที่พากันทำงานหนักอย่างไม่หยุดหย่อนตลอด เราใช้เวลาในทุกๆวันทุกๆวินาทีที่สนามซ้อมของเราไปอย่างคุ้มค่ามากๆ ความสำเร็จนี้มันตอกย้ำความคุ้มค่ากับสิ่งที่เราทุ่มเทไปที่สนามซ้อมได้ดีมากๆเลย"

12

       เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งกุนซือที่ต้องรอคอยความสำเร็จในรายการลีกมายาวนาน แต่ในที่สุดก็สามารถทำได้สำเร็จไม่มีอะไรให้ต้องติดค้างคาใจเมื่อถึงวันที่ต้องวางมือจากอาชีพแน่นอนแล้ว สำหรับทางด้านของ เคลาดิโอ รานิเอรี่ นายใหญ่ชาวอิตาเลียนของทีมจิ้กจอกสยาม เลสเตอร์ ซิตี้ ที่เพิ่งจะผงาดคว้า แชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาสดๆร้อนๆ

       ทั้งนี้แม้ว่าตลอดเส้นทางอาชีพกุนซือหลายปีที่ผ่านมา รานิเอรี่ จะถือเป็นชื่อของหนึ่งในกุนซือดังของโลก และมีโอกาสได้ร่วมงานกับทีมชั้นนำของยุโรปหลายทีมด้วยกัน อาทิเช่น อินเตอร์ มิลาน, ยูเวนตุส, เชลซี เป็นต้น แต่การประสบความสำเร็จในรายการลีกก็ยังไม่เคยเกิดขึ้น ในอาชีพของกุนซืออิตาเลียนรายนี้ การมาคุม เลสเตอร์ ซิตี้ในปัจจุบัน และผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษได้แบบเซอร์ไพร์สคนทั้งโลก จึงถือเป็นการเคลียร์ภารกิจที่ติดค้างในใจมาตลอดหลายปีของกุนซือจอมแท็คติกรายนี้ด้วย

       รานิเอรี่ได้กล่าวเปิดใจหลังพา เลสเตอร์ ซิว แชมป์พรีเมียร์ลีก ถึงเรื่องนี้ว่า "ตอนนี้ผมอายุ 64 ปีแล้ว ผมต่อสู้มายาวนานมากเพื่อความสำเร็จนี้ แต่ผมพยายามมองในแง่ดีตลอด ผมคิดเสมอว่าสักวันผมจะคว้าแชมป์ลีกได้ แต่ในอดีตที่ผ่านมากับวันนี้ตัวผมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปผมยังเป็นกุนซือคนเดิมกับที่ถูกทีมชาติกรีซไล่ออกนั่นแหละ"

       "ทว่าพอบางคนได้เห็นความสำเร็จนี้อาจจะลืมว่าครั้งนึงผมเคยโดนไล่ออก แต่มันก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไรหรอกว่าใครจะจดจำได้หรือไม่ เพียงแต่ตัวผมอยากให้ทุกคนเข้าใจว่าผมก็เป็นคนเดิมคนเดียวกันนั่นแหละ ต่างกันแค่ตอนนี้ผมอยู่ที่เลสเตอร์"

       "แต่ทั้งนั้นทั้งนี้การคว้าแชมป์แบบเซอร์ไพร์สแบบนี้ ก็ต้องยอมรับกันตรงๆว่ามันคงเกิดขึ้นไม่ได้อีกแล้วล่ะ แน่นอนซีซั่นหน้าเราจะไม่เล่นกันเพื่อหวังแชมป์ เป้าหมายของเราแค่การติดหนึ่งในสิบอันดับแรก"

13

       แม้ว่าทางด้านของ ดาบิด เด เกอา นายด่านจอมหนึบชาวสแปนิชจะทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ให้กับทีมปีศาจแดงในซีซั่นนี้ กระทั่งได้รับคะแนนโหวตจากแฟนบอลให้คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสร แต่นั่นก็ไม่เพียงพอที่จะถูกอกถูกใจกัปตันทีมอย่าง เวย์น รูนี่ย์ จนตัดสินใจลงคะแนนโหวตให้ ในส่วนของรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมจากการโหวตของเพื่อนร่วมทีมแต่อย่างใด

       ทั้งนี้อย่างที่ทราบกันดีว่าในซีซั่นนี้ เด เกอา ได้รับการยกย่องจากทั้งแฟนบอลของปีศาจแดงเอง และสื่อต่างๆว่าเป็นแข้งที่ทำผลงานได้โดดเด่นที่สุดในทีมปีศาจแดง ซึ่งก็สอดคล้องกับผลรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีที่มาจากคะแนนโหวตของแฟนบอลดังกล่าว โดยนักเตะได้รับรางวัลนี้ไปครองเป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกันเข้าไปแล้ว

       อย่างไรก็ตามในส่วนของรางวัลนักเตะยอดเยี่ยม อีกหนึ่งรางวัลอันมาจากคะแนนโหวตของเพื่อนร่วมทีมปีศาจแดงด้วยกัน เป็นทางด้านของ คริส สมอลลิ่ง กองหลังชาวผู้ดีที่ได้รับไป เวย์น รูนี่ย์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งคนที่ไม่ได้ลงคะแนนโหวตเลือก ดาบิด เด เกอา รวมทั้งผู้ที่ได้รางวัลอย่าง คริส สมอลลิ่ง ด้วยออกมากล่าวแสดงความเห็นเกี่ยวกับฟอร์มการเล่นของแข้งปีศาจแดงในซีซั่นนี้ พร้อมแจงเหตุผลที่ไม่เลือก เด เกอา ผ่านสื่อว่า

       "มันเป็นอะไรที่ยากลำบากอยู่หากจะโหวตรางวัลแข้งยอดเยี่ยมให้กับผู้รักษาประตู มันเป็นเรื่องของตำแหน่งการเล่น (ผู้รักษาประตูมีหน้าที่ในเกมที่แตกต่างไปจากผู้เล่นตำแหน่งอื่นๆ) แต่โดยส่วนตัวผมประทับใจในฟอร์มของ ดาลี่ย์ บลินด์ ที่สุด เช่นกัน คริส สมอลลิ่ง ก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม ทั้งคู่โดดเด่นจริงๆในซีซั่นนี้"

       "แต่เมื่อปีที่แล้วผมเลือกโหวตให้กับ สมอลลิ่ง ไปแล้วปีนี้ก็เลยเลือกโหวตให้ บลินด์" รูนี่ย์กล่าวผ่านช่อง MUTV ช่องทางการของสโมสรแมนฯยูไนเต็ด

       ผลงานของทีมปีศาจแดงปัจจุบันรั้งอยู่อันดับที่ 5 ของตารางคะแนน มี 60 แต้ม ตามหลังแมนฯซิตี้ ทีมอันดับ 4 อยู่ 4 แต้มและแข่งน้อยกว่าหนึ่งเกมยังมีลุ้นคว้าโควตา ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ซีซั่นหน้า

14

      ต้องบอกว่าเป็นการลงโทษที่หนักและเด็ดขาดไปเลยงานนี้สำหรับโทษแบนของ มามาดู ซาโก้ ปราการหลังเฟร้นแมนของทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล อันเนื่องมาจากการไม่ผ่านการตรวจสารกระตุ้น เมื่อล่าสุดมีรายงานออกมาว่าทาง ฟีฟ่า หรือ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ นั้นมีคำสั่งขยายขอบเขตโทษแบนนักเตะเพิ่มเติม จากเดิมที่เป็นการสั่งแบนโดย ยูฟ่า หรือ สหพันธ์ฟุตบอลแห่งยุโรป ซึ่งหมายความว่านักเตะจะถูกแบนจากรายการแข่งขันที่ควบคุมดูแลการจัดโดยทางยูฟ่า

       อาทิเช่น รายการลีกของประเทศในยุโรป รายการฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรยุโรป, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก, ยูโรป้าลีก เป็นต้น ให้กลายเป็นครอบคลุมไปถึงรายการแข่งขันในทุกๆทัวร์นาเม้นทั่วโลก หรือกล่าวอีกนัยนึงก็คือนับรวมรายการที่กำกับดูแลโดยทางฟีฟ่าด้วยนั่นเอง

       โดยหากตีความจากรายงานของสื่อที่ออกมาล่าสุดนี้ ก็น่าจะมีผลตั้งแต่โทษแบนชั่วคราวที่ทางยูฟ่าประกาศออกมาก่อนหน้านี้เป็นเวลา 30 วันทันทีเลย ส่วนถ้าโทษแบนจริงหลังการพิจารณาความผิดของนักเตะโดยยูฟ่าเสร็จสิ้นแล้ว มีการประกาศออกมาเมื่อไหร่การขยายขอบเขตโทษจากฟีฟ่า ก็จะมีผลตามทันทีไปโดยปริยายเช่นกัน

       ส่วนข่าวคราวอื่นๆที่น่าสนใจช่วงนี้ของทีมหงส์แดงนอกจากประเด็นโทษแบน มามาดู ซาโก้ แล้วก็มีในส่วนของการออกมากล่าวของ คริสเตยอง เบนเทเก้ กองหน้าชาวเบลเยี่ยมถึงเกมลีกล่าสุดที่หงส์แดงพ่ายแพ้ให้กับหงส์ขาว สวอนซี ซิตี้ 3-1

       เบนเทเก้ ที่เป็นตัวสำรองในเกมนี้และได้โอกาสลงสนามไปในครึ่งเวลาหลัง พร้อมทำหนึ่งประตูให้กับทีมไล่ตามหงส์ขาวมาเป็น 2-1 ก่อนที่จะมาโดนยิงเพิ่มอีกหนึ่งประตูในอีกไม่กี่นาทีถัดมา และแพ้ไปด้วยสกอร์ดังกล่าวนั้นกล่าวเผยว่า "รู้สึกดีใจแน่นอนที่สามารถยิงประตูได้ หลังจากที่ต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนั่งเป็นสำรองอยู่ข้างสนาม แต่ถึงกระนั้นก็รู้สึกผิดหวังกับเกมอยู่ดี ที่ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือชัยชนะของทีม และสามคะแนน"
   

15

       ต้องบอกว่าดูเรื่องราวจะไปกันใหญ่ซะแล้วสำหรับประเด็นอนาคตของ มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ ปราการหลังพันธ์แกร่งทีมเสือเหลือง ดอร์ทมุนด์ เพราะหลังจากที่มีข่าวลือออกมาว่านักเตะขอย้ายซบทีมเสือใต้ในซัมเมอร์นี้ พร้อมกับแถลงยืนยันจากสโมสร ดอร์ทมุนด์ เองว่านักเตะต้องการย้ายไปอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค ก็มีแฟนบอลจำนวนมากของทีมเสือเหลืองออกมาแสดงความไม่พอใจ ทั้งการกล่าวตำหนิแข้งรายนี้ผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆและการส่งเสียงโห่ไล่ในสนามระหว่างเกมการแข่งขัน

       ทั้งนี้ดังที่ทราบกันว่าทาง สโมสรดอร์ทมุนด์ ได้มีการออกมาแถลงเกี่ยวกับอนาคตของ มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ ให้หลายคนได้คลายสงสัยว่านักเตะมีความต้องการย้ายซบทีมเสือใต้ในซัมเมอร์นี้ และต่อจากนั้นอดีตประธานสโมสรเสือใต้ก็ออกมาทำนองว่าเมื่อมีคนเดินมาหาเราถึงบ้าน แล้วจะไม่มีการเปิดบ้านให้เขาเข้ามามันก็คงจะไม่ใช่เรื่อง

       เหตุนี้จึงทำให้หลายคนตีความกันไปว่าเป็นทาง ฮุมเมิ่ลส์ เองที่กระสันจะย้ายไปเล่นให้ทางเสือใต้ ซึ่งนับเป็นทีมคู่ปรับตลอดกาลของต้นสังกัดปัจจุบัน ถึงขั้นติดต่อขอเสนอตัวไปเองเลยเช่นเดียวกันจึงมีความไม่พอใจตามมามากมายจากกลุ่มแฟนบอลของทีมเสือเหลือง

       อย่างไรก็ตามล่าสุดเป็น ตัวนักเตะ กับ สโมสรเสือใต้ ที่ออกมากล่าวชี้แจงว่าไม่เป็นความจริงเลยที่ตัวเขาขอเสนอตัวไปอยู่กับทีมเสือใต้ แต่เป็นทางสโมสรเสือใต้เองที่เริ่มต้นทาบทามนักเตะเข้ามาก่อน

       ฮุมเมิ่ลส์ กล่าวว่า "ผมไม่ได้เสนอตัวให้ที่ไหนทั้งนั้น นี่คือการลือที่ไร้สาระสิ้นดีมันคือข่าวที่ไม่จริงที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินมา"

       คาร์ล ไฮน์ รุมเมนิกเก้ ประธานคนปัจจุบันของเสือใต้กล่าวว่า "บางที เฮอเนส (อดีตประธานเสือใต้) อาจเข้าใจผิดไปเอง เป็นเราเองที่ติดต่อทาบทามนักเตะไป ไม่ใช่นักเตะที่เดินเข้ามาหาเรา มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ ไม่ได้แสดงออกถึงความต้องการจะย้ายมาเล่นกับเรา พวกเราต่างหากที่ไปสอบถามเขาถึงความเป็นไปได้ที่เขาจะมาเล่นกับเรา"

หน้า: [1] 2 3 ... 37