ผู้เขียน หัวข้อ: ฟันไม่เข้า~!! "หงส์ซิ่ง" สังหารโหด "นอริช" 5-2 สอยชัยนัดแรก~!!  (อ่าน 1006 ครั้ง)

Armin

  • Moderator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 11485
    • ดูรายละเอียด

"เดอะ ค็อป" ทั้งหลายถูกใจอย่างแรงแหกปากเฮกันสนั่นซอยหลัง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล คว้าชัยชนะนัดแรกด้วยการบุกถล่ม "นอริช ซิตี้" 5-2 โดยหัวหอกฟันไม่เข้าอย่าง "หลุยส์ ซัวเรซ" รับบทฮีโร่ซัดแฮทริคพาทีมรักหนีโซนอันตรายขึ้นมาอยู่อันดับ 14 แล้ว



พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันเสาร์ที่ 29 กันยายน 2555
นอริช ซิตี้ 2-5 ลิเวอร์พูล
สนาม แคร์โรลล์ โร้ด

กุนซือตาหวาน "เบรนแดน รอดเจอร์ส" ตกอยู่ในความกดดันต้องพาทีมชนะนัดแรกให้ได้เสียทีโดยนัดนี้เขาตัดสินใจพึ่งบริการนักเตะพลังหนุ่มอย่าง "อันเดร วิสดอม" ในตำแหน่งแบ็กขวา, "ซูโซ่" กับ "ราฮีม สเตอร์ลิ่ง" คอยกระชากลากเลื้อยบริเวณริมเส้น หน้าที่ป่วนกองหลังตกเป็นของเหยินน้อย "หลุยส์ ซัวเรซ" ดังเดิม

               ออกสตาร์ทมาในเกมแรก "หงส์แดง" ก็ได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็วเมื่อเกล็น จอห์นสันลากบอลขึ้นมาริมเส้นด้านซ้ายก่อนจ่ายเข้าเขตโทษหวังให้นูริ ซาฮินที่แลปขึ้นมาแต่โดนสกัดออกมาได้แต่ดันมาเข้าทางหลุยส์ ซัวเรซที่ยืนรอหน้ากรอบเขตโทษแตะบอลหลบกองหลังหนึ่งจังหวะพร้อมตวัดด้วยขวาหน้ากรอบเขตโทษบอลเลียดย้อนศรพุ่งเข้าโคนเสาขวามือของจอห์น รัดดี้ที่พุ่งปัดไม่ถึงเป็นสกอร์นำให้ทีมเยือน 1-0

ถัดจากนั้นเพียง 2 นาทีนูริ ซาฮินเปิดฟรีคิกจากด้านขวาเข้ามากลางประตูเข้าหัวแดเนี่ยล แอ็กเกอร์ก้มโหม่งข้ามคานออกไป

มาถึงนาทีที่ 8 นอริชได้โอกาสลุ้นทำประตูบ้างเมื่อไซเมี่ยน แจ็คสันวิ่งขึ้นมาตรงกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนตวัดยิงเร็วเข้าทางเสาแรกแต่เป็นเปเป้ เรน่าที่ยืนปิดมุมดีบล็อกบอลออกไปได้หวุดหวิด

มาถึงนาทีที่ 21 "หม่อมเหยิน"อดได้จุดโทษอีกแล้วเมื่อหลุยส์ ซัวเรซบังบอลในกรอบเขตโทษก่อนจะง้างเท้ายิงแต่โดนลีออน บาร์เน็ตต์เบียดมาจากด้านหลังดันจนหน้าคะมำลงไปซึ่งจากภาพช้าน่าจะเป็นจุดโทษอย่างชัดเจนแต่กรรมการก็ยังใจแข็งไม่เป่าให้เป็นลูกจุดโทษแก่"หงส์แดง"อีกแล้ว

เจ้าถิ่นทำเกมโต้กลับมาทางด้านซ้ายอีกแล้วก่อนครอสบอลไปทางเสาสองให้แอนดรูว์ เซอร์แมนโหม่งชงมาให้ไซเมี่ยน แจ็คสันยิงด้วยซ้ายเต็มข้อระยะประมาณ 12 หลาแต่บอลโด่งข้ามคานออกไป

ถึงนาทีที่ 33 ลิเวอร์พูลได้ลุ้นอย่างที่สุดเมื่อซูโซ่ทำชิ่งกับซัวเรซริมเส้นด้านซ้ายก่อนที่"หม่อมเหยิน"จะลากบอลตัดมากลางสนามแล้วตวัดบอลโด่งข้ามหัวกองหลังให้สตีเว่น เจอร์ราร์ดที่พุ่งเข้าไปในกรอบเขตโทษได้โหม่งตรงกรอบแต่ไปติดเซฟของจอห์น รัดดี้

จังหวะถัดมานอริชได้โหมบุกขึ้นมาบ้างก่อนได้จังหวะยิงอยู่ 2-3 ครั้งจนกองหลังของ"หงส์แดง"ปั่นป่วนไปเหมือนกันแต่ยังไม่เสียประตู

นาทีที่ 37 หลุยส์ ซัวเรซ ได้รับบอลทะลุช่องจากกลางสนามไปดวลเดี่ยวกับรัดดี้แต่บรรจงแปบอลออกหลังไปหน้าตาเฉย

จังหวะต่อเนื่องนอริชได้ตั้งเตะจากปากประตูรัดดี้ส่งบอลมาให้ไมเคิ่ล เทอร์เนอร์จับบอลไม่ดีและเป็นซัวเรซที่เพิ่งยิงออกไปจังหวะก่อนหน้าวิ่งแซงมาฉกบอลได้พร้อมจิ้มบอลลอดขาเทอร์เนอร์หนึ่งจังหวะและดีดด้วยหัวเกือกหน้าปากเขตโทษบอลไซร้ก้อยพุ่งไปตุงตาข่ายเสาสองแบบงามหยดชนิดรัดดี้หมดปัญญาป้องกันทำให้อาตันตุกะจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นำห่าง 2-0

             กลับมาเล่นกันต่อในช่วงครึ่งหลังเพียงไม่กี่วินาทีสตีฟ มอร์ริสันลากเลื้อยผ่านเกล็น จอห์นสันมาถึงสุดเส้นด้านขวาก่อนตักมาให้ไซเมี่ยน เซอร์แมนวอลเล่ย์เต็มข้อบอลทำท่าจะเข้าประตูอยู่แล้วแต่ดันไปโดนโรเบิร์ต สน็อดกลาสส์ที่วิ่งมาเตรียมตัวซ้ำบอลเด้งข้ามคานไปอดได้ประตูตีไข่แตกสุดเหลือเชื่อ

น. 47 ราฮีม สเตอร์ลิ่งลากขึ้นมาในจังหวะโต้กลับก่อนส่งให้หลุยส์ ซัวเรซแตะเข้าไปด้านซ้ายในกรอบเขตโทษพร้อมตวัดบอลมากลางประตูกองหลังนอริชวิ่งมาเคลียร์ไม่ขาดบอลมาเข้าทาง"หม่อมเหยิน"อีกครั้งซึ่งเขาก็จับบอลก่อนจ่ายไปให้นูริ ซาฮินที่วิ่งเติมขึ้นมาเวลาเหมาะเหม็งแปบอลด้วยซ้ายระยะจ่อๆตุงตาข่ายมาถึงตรงนี้"หงส์แดง"ทะยานนำ 3-0 แล้ว

หลังเสียประตูที่ 3 เจ้าถิ่นไม่มีอะไรจะเสียตั้งหน้าตั้งตาบุกแหลกและเกือบได้ประตูตีเสมอหลายครั้งแต่บอลยังไม่ตรงกรอบอยู่เหมือนเดิม

มาถึงนาทีที่ 56 หลุยส์ ซัวเรซเอาแฮตทริกจากสนามแคร์โรลล์ โร้ดจนได้เมื่อเขาได้บอลอยู่หน้าปากเขตโทษด้านซ้ายก่อนตวัดยิงด้วยขวาบอลปั่นโค้งเข้าเสาไกลอย่างสวยงามเป็นประตูพา"หงส์แดง"ขึ้นนำห่าง 4-0

นอริช ซิตี้บุกแหลกและทวงประตูตีไข่แตกจนได้เมื่อสตีฟ มอร์ริสันเก็บตกบอลกระฉอกจากลูกยิงของรัสเซลล์ มาร์ตินก่อนสับด้วยขวาเต็มข้อบอลผ่านมือของเปเป้ เรน่า สกอร์ขยับมาเป็น 4-1 แล้ว

สตีเว่น เจอร์ราร์ดเปิดบอลทะลุช่องไปให้ราฮีม สเตอร์ลิ่งได้หลุดเข้ากรอบเขตโทษด้านขวาก่อนเจ้าหน้าวัย 17 ปีตวัดกลับมาให้กัปตันทีมที่วิ่งขึ้นมาหน้าวงกลมกรอบเขตโทษแปบอลด้วยขวาข้างถนัดบอลไปแฉลบกองหลังเปลี่ยนทางทำให้จอห์น รัดดี้เสียจังหวะกลับตัวไม่ทัน"หงส์แดง"ขึ้นนำห่างอีกครั้ง 5-1

เข้าสู่ช่วง 5 นาทีสุดท้ายแกรนท์ โฮลท์ได้บอลหลุดมาทางนอกเขตโทษด้านซ้ายก่อนบรรจงยิงด้วยขวาบอลพุ่งผ่านมือเปเป้ เรน่าเข้าหน้าต่างเสา 2 ทำให้นอริชไล่ขึ้นมาเป็น 5-2 และจบการแข่งขันด้วยสกอร์นี้พร้อมขยับจากอันดับ 18 มาอยู่ที่ 14 ทันที
บันทึกการเข้า
  
ร่วมสนุกลุ้น ผลบอลวันนี้ กับเรา