"คาร์ลอส เตเบซ" คือพระเอกของเกมนี้อย่างแท้จริง เพราะนอกจากเขาจะช่วยส่งให้เพื่อนทำประตูได้ ยังมาซัดแฮทริกแบบหล่อสุดๆ ก่อนที่ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้จะถล่มเอาชนะ "นอริช ซิตี้" ไปแบบขาดลอย 6-1 ขยับบีบเข้าหาจ่าฝูงเหลือแค่ 2 คะแนนเท่านั้น
พรีเมียร์ ลีก
วันเสาร์ที่ 14 เมษายน 2555
สนาม แคร์โรว โร้ด
นอริช ซิตี้ 1 - 6 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ช่วง 10 กว่านาทีแรก ต้องยอมรับเลยว่านอริชเล่นได้ดีพอสมควร แม้ว่าจะโดนแมนฯซิตี้ที่ชื่นชั้นเหนือกว่าค่อนข้างมากบุกมาเยือน แต่พวกเขาก็เดินตามแท็คติกที่แลมเบิร์ตวางเอาไว้ได้แบบไม่มีผิดพลาดแต่อย่างใด
นาทีที่ 18 เล่นเอาเงียบกริบกันทั้งสนามเลย สำหรับลูกยิงของเตเบซในจังหวะนี้ เมื่อเขาได้บอลทางกรอบเขตโทษด้านขวา ก่อนที่จะง้างเท้าตะบันแบบเต็มตีน บอลพุ่งไปเสาแรก ก่อนที่จะส่ายหนีมือของรัดดี้ที่พุ่งไปปิดเสาแรก แต่บอลดันหนีมือเข้าไปเสียบตาข่าย ทำให้ตอนนี้แมนฯซิตี้ออกนำไปก่อนแล้ว 1-0
พอทำประตูขึ้นนำให้กับทีมได้ รู้สึกเหมือนว่าเตเบซจะพกความมั่นใจขึ้นมาแบบเต็มกระเป๋า นี่น่าจะเป็นความแตกต่างระหว่างสองทีมที่มีสุดยอดนักเตะลงเล่นอยู่ด้วย
นาทีที่ 27 ตาค้างไปเลยสำหรับแฟนเจ้าบ้านและกองแช่ง เมื่อเตเบซโชว์จังหวะตัดสินเกม รับบอลจากอเกวโร่ ก่อนที่จพตอกส้นกลับไปให้ดาวยิงอาร์เจนไตน์ตะบันแบบเต็มข้อจากนอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งแหวกอากาศผ่านมือของรัดดี้ที่พุ่งยังไงก็ไม่ทันเข้าไป แมนฯซิตี้แฮปปี้สุดๆ นำห่างแล้ว 2-0
เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย นอริชเหมือนสติดสตั้นท์ไปเลย เพราะอยู่ดีๆมาโดนนำห่างออกไปถึง 2-0 ทำให้ตอนนี้พวกเขาเล่นในเกมเดิมแบบช่วงต้นเกมไม่ได้แล้ว แถมยังไปไล่รุกใส่แมนฯซิตี้เองก็เป็นเรื่องยากซะอีก
ช่วงเวลาที่เหลือ แม้ว่านอริชจะพยายามเร่งขึ้นมาและแมนฯซิตี้จะผ่อนเกมลงไปเยอะ แต่ทีมเยือนก็ยังคงนำอยู่ 2-0 เพราะเกมรับเล่นกันได้อย่างเหนียวแน่นไม่มีผิดพลาด ต้องไปดูกันว่านอริชจะพลิกกลับคืนสถานการณ์ที่เป็นอยู่ได้หรือไม่ในครึ่งหลัง
นาทีที่ 51 คึกขึ้นมาเลยทีเดียวสำหรับนอริช เมื่อพวกเขามาได้ประตูตีไข่แตก จากจังหวะโยนเข้าไปลุ้นในกรอบเขตโทษ ฮาร์ทออกมาพยายามจะตัดบอลแต่มีการเบียดกันเกิดขึ้น บอลเลยไม่ไปไหน ตกใส่เซอร์แมนที่คอยอยู่แล้ว พักอกก่อนที่จะซัดบอลผ่านมือของฮาร์ทเข้าไปตุงตาข่าย รอนิชมาแล้ว 2-1
นาทีที่ 58 เผลอไผลคิดว่าตีไข่แตกได้แล้วจะดีคงไม่ใช่สำหรับนอริช เมื่อแมนฯซิตี้มาได้ลุ้นจากจังหวะที่อเกวโร่แตะบอลหนีกองหลัง ก่อนที่จะมีโอกาสได้ซัดแบบเต็มตีนเตี่ยบริเวณกรอบเขตโทษ แต่รัดดี้ไม่หลงพุ่งปัดบอลเอาไว้ได้
นาทีที่ 63 เห็นท่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่สำหรับมันชินี่ เมื่อทีมชักจะเสียบอลง่ายในแดนกลาง เลยต้องปรับส่งยาย่า ตูเร่ลงสนามเพื่อคุมจังหวะให้ดีมากขึ้นและไม่เสี่ยงต่อการจะเสียแต้มในวันนี้
นาทีที่ 73 กลายเป็นพระเอกอย่างแท้จริงเลยสำหรับเตเบซ เมื่อเขามาทำประตูได้ในจังหวะที่ยาย่าพยายามจะยิงไกลนอกกรอบเขตโทษ รัดดี้รับบอลไม่อยู่ ไปเข้าทางของเตเบซที่เทคตัวได้สูงกว่ากองหลังโขกบอลข้ามรัดดี้เข้าประตูไป แมนฯซิตี้นำห่าง 3-1 สบายใจได้เลยในตอนนี้
อีก 2 นาทีต่อมา เกมกลายมาเป็นขาด เมื่ออเกวโร่มาโชว์จังหวะสวยสด โดยเขารับบอลมาจากยาย่า ก่อนที่จะเลี้ยงจี้เข้าหากองหลัง แม้จะโดนเบียดโดนชนแต่ก็ไม่หวั่น ก่อนที่จะตวัดยิงบอลพุ่งโค้งในกรอบเขตโทษไปเสียบเสาสองอย่างสวยงาม ซิตี้ทิ้งห่างเร็วสุดๆ 4-1
พลาดแบบสุดตีนไปเลยสำหรับเบนเน็ตต์ที่ไปจ่ายคืนหลังให้กับรัดดี้เบาจนเกินไป ทำให้เตเบซวิ่งเข้าไปฉกบอล ก่อนที่จะแตะหนีรัดดี้แล้วสปีดไปแปบอลเข้าประตูง่ายๆ ทำให้วันนี้กลายเป็นวันของเขาอย่างสมบูรณ์แบบ ซัดแฮทริกช่วยให้ทีมถล่มนอริช 5-1
เข้าสู่ช่วง 5 นาทีสุดท้าย ลองนำห่างแบบนี้ไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงอะไรทั้งนั้นสำหรับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อพวกเขาเล่นกันแบบค่อยเป็นค่อยไป ยังไงก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้วสำหรับสามคะแนนในวันนี้
ในช่วงทดเวลานนาทีที่ 3 จอห์นสันมาทำประตูแปแบบสบายๆจากการจ่ายของกลิชี่ ทำให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้เอาชนะนอริชไปแบบท่วมท้น 6-1 มีเพิ่มเป็น 77 คะแนนจี้หาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเหลือเพียงแค่ 2 แต้ม แม้ว่าจะแข่งมากกว่าหนึ่งนัดก็ตาม