ทีม “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำได้ดีที่สุดในการประเดิมสนามยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยการไล่ตามตีเสมอ “อัซซูร่า” นาโปลี ในเกมที่ผลัดกันรุกรับอย่างตื่นเต้นด้วยสกอร์ 1-1
“เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลงสนามเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรก โดยในอดีตเคยลงแข่งรายการใหญ่ที่สุดของยุโรป ในชื่อเดิมยูโรเปี้ยน คัพ ตั้งแต่ปี 1968 รับมือ “อัสซูร่า” นาโปลี ทีมแกร่งจากอิตาลี โดยเกมนี้ โรแบรโต้ มันชินี่ วาง 4 เทพ “กุน” เซร์จิโอ อเกวโร่, เอดิน เชโก้, ดาวิด ซิลบา และซาเมียร์ นาสรี่ ลงสนามพร้อมกันหมด
และเริ่มเกมมาได้ไม่นาน แมนฯ ซิตี้ ที่บุกถล่มใส่ตั้งแต่ต้นเกมก็ได้โอกาสยิงทักทายก่อน จากจังหวะเติมมาตวัดยิงหน้าเขตโทษของ นาสรี่ ที่พุ่งเฉี่ยวเสาออกไป ก่อนที่จะเป็นฝ่ายบงการเกมได้หมดในช่วงต้น
พลังในแนวรุกของ ซิตี้ ยังคงน่ากลัว โดยเชโก้ ได้จังหวะพลิกบอลตรงกลางสนามก่อนจะเป็น อเกวโร่ ที่เก็บบอลได้พาบอลขึ้นมาและไหลคืนให้ เชโก้ ที่สปีดเข้าเขตโทษได้สวย ก่อนตัดสินใจซัดเข้าข้อด้วยขวา แต่บอลกระดอนพื้นก่อนพุ่งถากเสาไปไม่กี่มิล
แต่ นาโปลี ก็โชว์ทีเด็ดให้เห็นเหมือนกัน ในจังหวะเซ็ตบอลขึ้นมาและเป็น กอมปานีย์ ที่เสียหลักพลาดปล่อยให้ เอเซเกวล ลาเวซซี่ แตะบอลได้ก่อนหลุดเข้าเขตโทษ แล้วแปบอลติดไซด์โค้งแบบเน้นทิศทาง แล้วแต่แม่นเกินชนคานดังสนั่น
แมนฯ ซิตี้ พยายามบุกต่อ และมีจังหวะใกล้เคียงอีกครั้งในนาทีที่ 35 จากจังหวะการเปิดของ อเกวโร่ เข้ามาให้ ยาย่า ตูเร่ ที่เติมเข้ามาในเขตโทษวางเท้ายิงเน้นๆ แต่บอลไปชนคานดังสนั่น เจ้าบ้านพลาดอย่างน่าเสียดาย ก่อนที่เกมจะเสมอกัน 0-0 ในครึ่งแรก
ครึ่งหลังกลับมาลงสนามใหม่ เกมเปิดแลกกันสนุกและ นาโปลี ก็เริ่มทักทายได้น่ากลัววสุดๆจากจังหวะที่ มาเร็ค ฮัมซิก หลุดเข้าไปในเขตโทษและได้ยิงเน้นๆผ่านโจ ฮาร์ท ไปแล้วแต่ยังมี กอมปานีย์ ที่ตามมาช่วยชีวิตทีมสกัดบอลได้ จากเส้นประตูแบบหวุดหวิดที่สุด
จากนั้นเกมของ นาโปลี ค่อยๆดีขึ้นและกลายเป็นเหนือกว่าเจ้าบ้าน บุกขึ้นมาแบบได้ลุ้นตลอด โดยเฉพาะจังหวะที่ คาวานี่ จ่ายต่อให้ ฮัมซิค ที่เติมมาทางซ้ายได้บอลในเขตโทษ แต่จังหวะจบสุดท้ายติดบล็อกนิดเดียว
เกมโต้กลับของ นาโปลี มาแผลงฤทธิ์ในนาทีที่ 69 เมื่อสวนขึ้นมาแบบ 3 ต่อ 2 และเป็น มัจโจ้ ที่เลือกจ่ายให้ คาวานี่ หลุดเข้าไปยิงลอดขาโจ ฮาร์ท เข้าไปอย่างเหนือชั้น ทีมเยือนขึ้นนำไปก่อน 1-0
แมนฯ ซิตี้ เปิดฉากลุยจะเอาคืนทันที และทำได้ใกล้เคียงเมื่อ นาสรี่ เติมมาทางซ้ายก่อนจะเปิดเข้ากลางให้ อเกวโร่ เติมมาเข้าฮอสในกรอบ 6 หลาแต่ว่าบอลไปชนคานดังสนั่น
แต่จากนั้นทีมก็มาไล่ตีเสมอได้สำเร็จในนาทีที่ 74 เมื่อมาได้ฟรีคิกตรงมุมเขตโทษฝั่งขวา และเป็น อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ ปั่นบอลข้ามกำแพงมุดสามเหลี่ยมเข้าไปอย่างสุดมันแต่หลังยิงเข้า โคลารอฟ ก็โดนเปลี่ยนตัวออกให้ กาแอล กลิชี่ ลงมาแทนพร้อม อดัม จอห์นสัน ที่แทนนาสรี่
จอห์นสัน ลงมาไม่นานก็สร้างความป่วน เมื่อกระชากบอลจากขวาตัดเข้าเขตโทษ ก่อนเปิดมากลางประตู บอลทะลักมาถึง เชโก้ หมุนตัวยิงบอลหลุดเสาออกไป ก่อนที่ทางเจ้าบ้านจะพยายามเพื่อยิงประตูชัยให้ได้ แต่ก็เกือบเสียท่าก่อนหมดเวลา 3 นาทีเมื่อ กอมปานีย์ จ่ายคืนหลังไม่ดีเกือบโดน ฮัมซิค ฉกไปยิงแต่ ฮาร์ท ยังออกมาเตะทิ้งได้ทัน ก่อนที่เกมจะจบลงด้วยการเสมอกันไป 1-1 ในนัดนี้