"เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำสถิติชนะรวดในบ้าน 9 นัด 100% หลังจากที่พลิกสถานการณ์ที่ไล่ตามหลัง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ยิงแซง 2 เม็ดเฮ 2-1 ขยับขึ้นมาเป็นรองจ่าฝูงตามหลัง "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล เพียงแค่แต้มเดียวส่วนลูกทีมของกุนซือตาหวาน "เบรนแดน ร็อดเจอร์ส" ก็ต้องคอตกร่วงหล่นไปที่ 4 แถมนัดหน้าต้องไปเยือน "สิงห์บลูส์" เชลซี อีกด้วย
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม 2556
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-1 ลิเวอร์พูล
สนาม เอติฮัด สเตเดี้ม ออกสตาร์ทเกมครึ่งแรกได้สวยโดยนาบาสลากเลื้อยขึ้นมาตรงริมเส้นด้านขวาก่อนเปิดเข้ากลางทีแรกโดนเตะทิ้งแล้วได้เปิดอีกทีคราวนี้บอลมาถึงหน้าปากเขตโทษแต่มิโญเล่ต์รับเอาไว้ได้
"เรือใบสีฟ้า"เกือบได้ประตูแรกเลยโดยเป็นจังหวะที่ขึ้นเกมมาทางริมเส้นซ้ายโคลารอฟเปิดบอลยาวมาถึงเสาไกลให้นาบาสวิ่งมาโขกย้อนไปทางเสาสองแต่โชคยังเข้าข้างทีมเยือนที่บอลไปชนเสากระเด้งออกมารอดพ้นการเสียประตูไปอย่างรวดเร็ว
ยังคงเป็นทางฝรั่งของเจ้าถิ่นที่ครองบอลบุกอยู่ฝ่ายเดียวเลยและมาได้ยิงอีกแล้วเมื่อเนเกรโด้ทำชิ่งไปให้ยาย่าพลิกบอลหนึ่งจังหวะแล้วหวดด้วยซ้ายทันทีคราวนี้บอลไม่ตรงกรอบ
นาทีที่ 14 ทีมเยือนมีโอกาสบ้างเมื่อได้ลุกเตะมุมด้านขวาที่คูตินโญ่เปิดมาตรงกลางเลยและเป็นซัวเรซที่แย่งสองกองหลังของซิตี้โขกได้ทว่าบิดมากไปทำให้บอลเลยเสาไกลออกไปชนิดเจ้าตัวทำหน้าเซ็ง
ซัวเรซโดนเลสค็อตต์ทำฟาวล์นอกกรอบเขตโทษระยะราว 25 หลาโดยเป็นเจ้าตัวที่ลุกขึ้นมารับหน้าที่สังหารเองด้วยการปั่นบอลข้ามกำแพงไปแล้วแต่ยังไปตรงตัวของฮาร์ทที่รับเข้าซองไม่มีปัญหาให้ต้องลุ้นอะไร
"หงส์แดง"พลาดโอกาสทองในการได้ประตูเลยเมื่อไลน์แมนดันยกธงล้ำหน้าในจังหวะที่ซัวเรซแทงบอลให้ราฮีมหลุดเดี่ยวไปดวลกับฮาร์ทก่อนยิงเข้าไปแต่ภาพช้าแสดงให้เห็นชัดว่าปีกอพอลโล่วิ่งทะลุไลน์ขึ้นมาอย่างสวยไม่ได้ออฟไซด์เลย
แต่แล้วนาทีที่ 24 "หงส์แดง"ก็ขึ้นนำจนได้ในจังหวะที่เริ่มจากเฮนโด้ทำเกมแล้วต่อบอลให้ซัวเรซที่จ่ายแบบดีดทีเดียวให้ราฮีมหลุดเข้าไปหลบฮาร์ทก่อนบอลมาเข้าทางคูตินโญ่วิ่งมาแปด้วยเท้าซ้ายเข้าไปตุงตาข่ายไม่มีเหลือส่งให้ทีมเยือนนำแล้ว
แต่ซิตี้ก็เกือบได้ประตูตีเสมอทันควันเมื่อนาสรี่แทงบอลเข้ากลางเขตโทษให้ยาย่าพลิกอย่างเทพก่อนกดเต็มดอกด้วยเท้าซ้ายทว่าจังหวะสุดท้ายยังโดนบล็อคของสเคอร์เทลออกหลังไปแบบสุดหวาดเสียว
หลังจากบุกมาหลายนาทีเจ้าบ้านก็ได้เฮกันแล้วโดยเริ่มจากจังหวะเตะมุมด้านซ้ายที่เปิดมาทางเสาแรกกอมปานีเบียดสเคอร์เทลขึ้นโขกได้ก่อนบอลตกพื้นผ่านมือของมิโญเล่ต์แล้วอัลเลนที่คุมเส้นพยายามจะเตะออกมาแต่ก็สายไปแล้วทำให้"เรือใบสีฟ้า"ได้ประตูตามตีเสมอสำเร็จ
ลิเวอร์พูลน่าได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งจากจังหวะโต้กลับอย่างสวยงามที่ซัวเรซจ่ายไปให้ราฮีมกระดกบอลกลับมาให้"หม่อมกัด"ในกรอบเขตโทษแล้วป้ายบอลจังหวะเดียวให้คูตินโญ่หลุดไปดวลเดี่ยวกับฮาร์ทแต่จังหวะยิงสุดท้ายกลับซัดไปติดนายด่านทีมชาติอังกฤษเสียอย่างนั้น
ก่อนหมดเวลา 2 นาทีซิตี้ได้โอกาสทองเลยในจังหวะโต้กลับเร็วที่เนเกรโด้ได้บอลหลุดเดี่ยวเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาแล้วก่อนตวัดยิงทันทีทว่าสเคอร์เทลวิ่งหน้าตั้งมาเหยียดขาสกัดบอลออกหลังได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
แต่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บจังหวะสวนเร็วของเจ้าถิ่นก็ได้ประตูขึ้นนำจนได้เมื่อนาบาสลากขึ้นมาก่อนแทงไปให้เนเกรโด้ทีเดียวหลุดกระจายก่อนดีดด้วยซ้ายนอกกรอบเขตโทษบอลไซร้ทำให้มิโญเลต์ปัดไม่ออกบอลค่อยๆกระดอนเข้าประตูไป
เข้าสู่เกมช่วงครึ่งหลังมา"หงส์แดง"เดินหน้าบุกแหลกเลยและเป็นจังหวะที่ซิสโซโก้เก็บบอลได้กลางสนามแล้วโยนไปให้ซัวเรซล็อคไปล็อคมาบริเวณริมกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนลักไก่ยิงมุมแคบทันทีแต่ฮาร์ทไม่หลับปัดทิ้งออกหลังไปได้
ทีมเยือนเกือบได้อีกแล้วเมื่อราฮีมตักบอลเข้าในกรอบเขตโทษก่อนที่ฮาร์ทจะปัดบอลไปเข้าทางโคลารอฟทำซ่าจะล็อคหนีซัวเรซก่อนโดนแย่งได้แล้วยิงยัดเข้าไปทันทีทว่าบอลไปโดนเฮนโด้ที่วิ่งกลับมาไม่ทันเลยเป็นลูกล้ำหน้าไปในจังหวะสุดท้าย
"เรือใบสีฟ้า"มีลุ้นบ้างเหมือนกันเมื่อนาบาสอีกแล้วที่เติมเกมริมเส้นขวาได้ดีเหลือเกินตบบอลเข้ากลางมาให้เนเกรโด้ตัดสินใจชิพจากระยะ 25 หลาทันทีทว่ามิโญเลต์ไม่ยอมพลาดซ้ำถอยหลังกลับไปรับได้ทันเวลา
สงสัยเกมจะบีบหัวใจมากไปหน่อยทำให้ซาโก้ออกบอลผิดพลาดติดๆกันอยู่ 2-3 หนเดือดร้อนเพื่อนต้องช่วยกันมาตามแก้แต่ยังดีที่ซิตี้ไม่สามารถฉวยโอกาสจากความผิดพลาดนี้ได้เลยก่อนที่ร็อดเจอร์สจะส่งโมเซสลงมาแทนคูตินโญ่ที่เริ่มไม่มีส่วนกับเกม
"หงส์แดง"น่าได้เหลือเกินเมื่อเฮนเดอร์สันเปิดบอลวัดใจเข้าไปตรงกลางเลสค็อตต์สกัดไม่ดีบอลมาเข้าทางของจอห์นสันแต่น่าเสียดายที่จับบอลแรงไปก่อนตามไปซ้ำก็โดนฮาร์ทออกหลังไปเสียแล้วและไม่กี่นาทีถัดมาเป็นเฮนเดอร์สันที่ยิงไขว้อย่างสวยแต่ฮาร์ทก็ยังตะปบเอาไว้ไม่พลาดเหมือนเดิม
นาทีที่ 72 ทีมเยือนต้องได้ประตูเลยในจังหวะที่ซัวเรซหลุดมาจากริมเส้นด้านซ้ายก่อนถวายพานไปให้ราฮีมวิ่งเข้ามาแปเหน่งๆทว่าบอลกลับเบิร์ดออกหลังไปไกลท่ามกลางความเสียดายของทั้ง"หม่อมกัด"และ"ตาหวาน"
เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 85 "หม่อมกัด"มีโอกาสอีกครั้งเมื่อเขาโดนทำฟาวล์ระยะ 30 หลาแล้วลุกขึ้นมายิงเองโดยปั่นด้วยขวาบอลข้ามกำแพงไปแล้วทว่ายังเหินข้ามคานออกไปไม่เป็นไปตามเป้าทำให้เจ้าตัวบ่นอุบเลยทีเดียว
จบทดเวลาบาดเจ็บ"เรือใบสีฟ้า"รักษาฟอร์มสุดยอดเก็บสถิติชนะรวดในบ้านเป็นนัดที่ 9 ได้แบบหืดเหมือนกันพร้อมขยับเป็นรองจ่าฝูงส่วน"หงส์แดง"แพ้เป็นเกมที่ 4 ของรายการร่วงไปอยู่อันดับ 4 ก่อนบุกเชลซีวันอาทิตย์นี้